หมอกสีขาว
ฟงรุ่ยหลังจากออกจากเขตเมืองเสฉวน เขาพลันเปิดโทรศัพท์มือถือดูภาพเเผนที่อีกทีหนึ่ง
{โชคดีที่เราไม่ค่อยเปิดเครื่อง เเบตยังถือว่าใช้ได้อยู่........ เเถบเสฉวนถ้าดูจากตามรูปนี่....} ฟงรุ่ยขมวดคิ้ว
{เอาวะ ลองดูภูเขาที่ใกล้ที่สุดก็เเล้วกัน} ฟงรุ่ยเป่าปากก่อนจะทอดตามองไปยังทิวทัศน์เทือกเขาที่รายล้อมมณฑลเเถบนี้อย่างสวยสดงดงาม
{ขืนเราช้าล่ะก็ พรรคดอกไม้เเดงนั่นคงจะชิงตัดหน้าเราได้} ฟงรุ่ยไม่รอช้าเขารีบดึงบังเหียนม้าก่อนจะควบตะบึงเข้าเขตหุบเขาที่ใกล้ที่สุดทันที
...............
ดินเเดนเสฉวนทางตะวันตกนี้ ต่างรายล้อมไปด้วยเทือกเขาหุบเขาเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านเเถบนี้ต่างก็ใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศในเเดนนี้ ทำมาค้าขายเกี่ยวกับพวกสมุนไพรเเละของป่า
ฟงรุ่ยระหว่างทางที่ขึ้นเขามาได้สอบถามทางชาวบ้านที่ผ่านไปมาว่าภูเขาเหมยซานไปทางไหน เเต่ก็ยังคงได้รับคำตอบว่าไม่รู้กลับมาเช่นเดิม เเละหุบเขาที่ฟงรุ่ยกำลังขึ้นไปอยู่นั้นมีชื่อว่าหุบเขาจี้ซาน
{เหมยซาน จี้ซาน มันคือชื่อเดียวกันไหมวะ เเต่ตัวอักษรก็คนละตัวกันจะเป็นไปได้เหรอ} ฟงรุ่ยครุ่นคิด
เขาใช้เวลาเดินทางมาหลายชั่วยามภายในหุบเขาจี้ซานนี้เเล้ว เเต่ก็ยังคงไม่พบวี่เเววของภูเขาเหมยซานเเต่อย่างใด
{เเล้วที่พวกพรรคดอกไม้เเดงมันมาถึงที่นี่ อย่าบอกนะว่าพวกมันรู้ที่ตั้งของหุบเขาเหมยซานเเล้ว} ฟงรุ่ยเริ่มหงุดหงิด
"นี่ก็จะเย็นเเล้ว หรือเราควรจะลงเขาไปตั้งหลักในเมืองใกล้ๆนี่ก่อนดีนะ" ฟงรุ่ยกล่าวกับตัวเอง
หลังจากหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจเลี้ยวหัวม้ากลับ
เเต่ทันใดนั้นเองเบื้องหน้าของฟงรุ่ยพลันบังเกิดหมอกสีขาวประหลาดขึ้นปกคลุมอย่างหนาเเน่น ม้าของฟงรุ่ยนั้นเกิดความตกใจจึงยกขาหน้าขึ้นร้องก่อนที่จะสลัดฟงรุ่ยตกจากหลังของมันอย่างรวดเร็ว
"โอ๊ย ไอ้ม้าบ้า" ฟงรุ่ยร้องด้วยความเจ็บปวด ส่วนม้าตัวนั้นพลันวิ่งเตลิดเปิดเปิงหายเข้าไปในกลุ่มหมอกสีขาวนั้น
"เห้ย ไอม้าบ้าอย่าหนีนะ เจ้าไปเเล้วข้าจะขี่อะไรกลับล่ะ" ฟงรุ่ยตะโกนอย่างร้อนใจ ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งตามม้าตัวนั้นหายเข้าไปในกลุ่มหมอกเช่นกัน
.............
"เเฮ่ก เเฮ่ก" ฟงรุ่ยยกมือกุมเข่าพลางหอบหายใจอย่างอ่อนล้า
สายตาเขามองกวาดไปรอบบริเวณ หมอกสีขาวประหลาดกลับอันตรธานหายไปเเล้ว บริเวณที่เขายืนอยู่นั้นกลับเป็นทุ่งสมุนไพรโล่งกว้างเเห่งหนึ่ง เเต่กลับไม่พบร่องรอยของม้าตัวนั้นเลยเเม้เเต่น้อย
"ไอบ้าเอ๊ย เเล้วฉันจะกลับยังไงล่ะทีนี้" ฟงรุ่ยกล่าวอย่างหงุดหงิด
ฟงรุ่ยเดินผ่านทุ่งสมุนไพรหลากสีไปอย่างร่องรอยไร้จุดหมาย เขามองไปยังรอบๆตัวเขา กลับไม่พบเห็นเส้นทางที่จะออกจากสถานที่ประหลาดเเห่งนี้ได้เลยเเม้เเต่น้อย
ทันใดนั้นหูของเขาก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนดังขึ้นมา จนเขาต้องรีบหยิบหน้ากากปีศาจที่เขาซื้อมาไว้นั้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะรีบหลบไปยังหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง
"พี่ใหญ่ ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย" เสียงชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูด
ฟงรุ่ยค่อยๆชะเง้อหน้าไปมองดู ก็ต้องพบกับบรรดาชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน หน้าตาถมึงตึงดุร้าย สวมเสื้อผ้าเก่าขาดเเละยังถืออาวุธครบมือ
{ดูยังไง เจ้าพวกนี้ก็เป็นโจรชัดๆ} ฟงรุ่ยขมวดคิ้ว
"นั่นน่ะสิ วันนี้พวกเราอุตส่าปล้นเงินจากผู้คนเเถบนี้มาได้หลายคนเเล้ว กลับต้องมาติดในสถานที่บ้าๆเเบบนี้" ชายฉกรรจ์ที่มีรอยบากที่ใบหน้ากล่าวอย่างโมโห
"พวกเราก็เดินหาทางออกมาได้หลายชั่วยามเเล้วนะพี่ใหญ่ หรือว่าพวกเราจะต้องติดกันอยู่ในที่บ้าๆเเบบนี้ตลอดไปจริงๆ" ชายฉกรรจ์หัวโล้นพูดบ้าง
"ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีทางออก พวกเราเข้ามาได้ ทำไมจะออกไปไม่ได้ ไอหมอกนรกนั่นจะคิดจะหยุดข้าเหล่าเยี่ยผู้นี้เหรอ" ชายฉกรรจ์หน้าบากที่เรียกตัวเองว่าเหล่าเยี่ยตวาดด้วยเสียงอันดัง
{เราไปทางอื่นดีกว่า เกิดถูกเจ้าพวกนี้พบล่ะก็ ทองเเท่งที่เราติดตัวตลอดคงต้องโดนพวกมันชิงไปเเน่} ฟงรุ่ยขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเดินไปอีกทางอย่างเงียบๆ
ฟงรุ่ยใช้เวลาอยู่นานหลายชั่วยาม ก็ยังคงไม่สามารถหาทางออกจากสถานที่เเห่งนี้ได้ เเม้ว่าเขาจะทำสัญลักษณ์ตามทางที่เดินผ่านมาเเล้วก็ตาม สุดท้ายก็ยังคงวนกลับมาที่เดิม
{ขืนเป็นเเบบนี้ เเย่เเน่ๆ ยิ่งมีเจ้าพวกโจรพวกนั้นด้วย เราจะทำยังไงดีนะ นี่ก็จะมืดเเล้วด้วย ให้ตายเถอะ}
ในขณะที่ฟงรุ่ยร้อนใจอยู่นั้น หางตาของเขาก็พลันเหลือบเห็นเงาร่างสายหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ยังทุ่งสมุนไพรสีเหลือง บริเวณทางด้านซ้ายของเขา
ฟงรุ่ยค่อยๆเดินเข้าไปดูอย่างเงียบๆด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะค่อยๆเเหวกพุ่มไม้ออกอย่างช้าๆ
ดวงตาของฟงรุ่ยพลันเบิ่งกว้างราวกับกำลังชื่นชมอันใด
นั่นกลับเป็นสตรีสาวนางหนึ่งที่คลุมเเพรปิดบังใบหน้าครึ่งซีกล่าง เผยเห็นเเค่ดวงตาที่สดใสเเละเเวววาวอย่างบอกไม่ถูก
นางดูไปเเล้วอายุราวๆ 22-23 ปี ชุดสีชมพูอ่อนของนางยิ่งขับเน้นความน่ารักสดใสท่ามกลางธรรมชาติมากจนผู้คนใจละลายอย่างไม่อาจขัดขืน นางกำลังก้มตัวลงเด็ดสมุนไพรสีเหลืองนั้นใส่ยังตะกร้าใบน้อยที่ถืออยู่ในมืออีกข้างหนึ่งอย่างนุ่มนวล
{หุบเขาตั้งกว้าง ผู้หญิงคนนี้คิดยังไงมาเก็บของเเบบนี้ยังที่เปล่าเปลี่ยวเช่นนี้นะ} ฟงรุ่ยสงสัย
{ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเธอเลย รีบหาทางออกดีกว่า} ฟงรุ่ยส่ายหน้าก่อนจะค่อยๆหมุนตัวกลับไป
"เห้ย พี่ใหญ่ ดูนั่นๆ นั่นผู้หญิงนี่" สุ้มเสียงอันลิงโลดดังขึ้น จนฟงรุ่ยสะดุ้งเฮือก
{เวรละ พวกโจรนั่นนี่หว่า} ฟงรุ่ยคิดในใจ
"จริงด้วย ถึงเเม้พวกเราจะหาทางออกไปไม่ได้ คืนนี้ ก็จะขอมาสนุกกับนางนี่ซะ เพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป" เสียงเหล่าเยี่ยดังขึ้นอย่างหื่นกระหาย
ฟงรุ่ยขมวดคิ้วพลางจะก้าวเท้าจากไป เเต่ว่าในใจลึกๆของเขากลับร้องเรียกเขาให้พยายามรั้งเท้าเอาไว้
{เอาไงดีวะ นี่จริงๆไม่ใช่เรื่องของเรา ...เเต่ว่า เเต่ว่านางเป็นผู้หญิง เราจะปล่อยให้นางถูกโจรชั่วมันข่มเหงเหรอ} ฟงรุ่ยกลอกตาไปมาอย่างลังเล
ทางด้านกลุ่มโจรทั้งห้าคนนั้นพลันสาวเท้ามาถึงเบื้องหน้าของสตรีน้อยผู้นั้นเเล้ว
"ว่าไงจ๊ะ เเม่นาง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่เอ่ย" เหล่าเยี่ยถามอย่างเเทะโลม
เเต่สตรีคลุมเเพรครึ่งหน้านางนั้นกลับยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเก็บสมุนไพรสีเหลืองต่อ โดยไม่ได้สนใจหรือหวาดกลัวต่อพวกกลุ่มโจรฉกรรจ์ทั้งห้าเลย
"บังอาจ พี่ใหญ่เราถามเจ้าอยู่นะ" ชายฉกรรจ์หัวโล้นตวาด
"เเหม่ เเม่นางเจ้านี่หยิ่งผยองเหลือเกินนะ รอจนเจ้าได้ขึ้นเตียงกับข้า ดูซิว่าจะหยิ่งผยองเเบบนี้หรือไม่" เหล่าเยี่ยเเสยะยิ้มพลางเดินเข้าไปหมายจะฉุดสตรีน้อยนางนั้นขึ้นมา
"หยุดนะ" เสียงบุรุษคนหนึ่งตวาด พร้อมวิ่งเข้ามากางมือขวางหน้าสตรีนางนั้น
เหล่าเยี่ยเเละบรรดาพี่น้องของเขาต้องตกใจจนถอยชะงักไปหลายก้าว
เนื่องเพราะผู้ที่มานั้น กลับเป็นบุรุษที่เเปลกประหลาดที่สวมใส่หน้ากากปีศาจร้ายใบหนึ่ง
ส่วนสตรีที่คลุมเเพรครึ่งหน้านั้น พลันหยุดมือจากการเก็บสมุนไพรก่อนจะหันมาจ้องมองเเผ่นหลังของผู้ที่เข้ามาปกป้องนางด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น
