บท
ตั้งค่า

ดอกไม้เเดงปรากฏ

"ข้าจ่างซุนเฮ่อ ได้รับมอบหมายจากองค์ฮ่องเต้ ให้มาตรวจตรายังเมืองเฉิงตู(เสฉวน)นี้ เเละเพื่อสร้างความสนุกต่อชาวเมือง ข้าจึงได้จัดงานประลองยุทธระหว่างพรรคในยุทธภพขึ้นมา ผู้ชนะจะได้ทองคำหนักสิบชั่งเเละม้าอีกยี่สิบตัว" จ่างซุนเฮ่อกล่าว ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของบรรดาผู้คน

จากนั้นจ่างซุนเฮ่อจึงถอยไปนั่งลงยังเก้าอี้สำหรับประธาน ปล่อยให้ข้ารับใช้ของเขาขึ้นมาพูดเเทน

"เงื่อนไขก็คือ พรรคที่จะเข้าร่วมการประลองนี้ มีสิทธิใส่ชื่อผู้ที่จะเเข่งขันมา 3 คน การสู้จะเป็นเเบบตัวต่อตัว จนกว่าจะชนะคนสุดท้ายของฝ่ายตรงข้ามได้ เเละท่านเสนาบดีจ่างซุนยังขอให้เป็นการประลองที่เน้นเเสดงวิชาฝีมือ ห้ามมีการเข่นฆ่ากันโดยเด็ดขาด" ขุนนางผู้หนึ่งกล่าว

เสียงตีกลองพลันดังรัวขึ้นมาอย่างเร่าร้อน

"เอาล่ะ บัดนี้ถึงเวลาเเล้ว ผู้ใดจะเริ่มก่อน ขอเชิญขึ้นมาบนเวทีประลองได้" ขุนนางผู้นั้นเเสยะยิ้ม

{บ้ารึเปล่าวะ มันยุติธรรมตรงไหน หากใครขึ้นไปสู้ก่อนก็เสียเปรียบเรื่องเรี่ยวเเรงสิ} ฟงรุ่ยขมวดคิ้ว

"พี่หาน ท่านอย่าพึ่งขึ้นไปเลย รอดูเชิงก่อนเถอะ" ฟงรุ่ยกระซิบข้างหูหานอี้

"นั้นเอาตามที่เจ้าว่าก็ได้" หานอี้ยิ้มกล่าว

"ข้าซาซิงหลงจากพรรคเฮ่าฮงขอรับคำท้า" ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งตวาดพลางลอยตัวขึ้นไปบนเวทีประลองพร้อมด้วยกระบี่ที่ถูกดึงออกมาจากฝักอย่างรวดเร็ว

เสียงร้องชื่นชมพลันสั่นไปทั่วบริเวณ

"ข้าเย่เป่าจากพรรคตี้กังขอประลองกับเจ้า" ชายฉกรรจ์อีกผู้หนึ่งที่ถือดาบหัวตัดพลันลอยตัวไปยังเวทีประลองบ้าง

{เจ้าพวกนี้ กล้าหาญไม่เข้าเรื่อง คนฉลาดเขาไม่รีบร้อนต่อสู้เป็นคนเเรกๆหรอก} ฟงรุ่ยเเสยะยิ้ม

.....

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเเค่ไหน

ฟงรุ่ยถึงกับอ้าปากหาวต่อความน่าเบื่อของการประลอง

ตอนนี้ผู้เข้าประลองผ่านไปยี่สิบกว่าพรรคเเล้ว ฟงรุ่ยหรี่ตาลง พลางกวาดมองรอบข้างเเละใช้นิ้วชี้ค่อยๆนับจำนวนอย่างช้าๆ

"เจ้านับอะไรเหรอ" หานอี้ถามอย่างสงสัย

"พี่หาน จำนวนพรรคต่างๆที่ขึ้นไปประลองตอนนี้เหลือไม่มากเเล้ว ข้าว่าหลังจากจบคู่นี้ ท่านก็ขึ้นไปเก็บงานเถอะ" ฟงรุ่ยกล่าว

"เจ้านี่ช่างฉลาดจริงๆ ได้ข้าเชื่อเจ้า" หานอี้หัวเราะ

"ท่านหัวหน้า หานอี้ดูมั่นใจถึงเพียงนี้ พรรคซีเหิงเราต้องชนะเเน่" ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งกล่าวกับจูต้าวมู่

"ข้าลงทุนจ้างมันไปด้วยเงินที่มากโข ต้องชนะที่หนึ่งเท่านั้นถึงจะคุ้มค่า" จูต้าวมู่เเสยะยิ้ม

"ประกาศ บัดนี้ผู้เข้าเเข่งจากพรรคเหอหนานเเละพรรคชังเติงบาดเจ็บจนไม่สามารถเเข่งต่อได้ทั้งคู่ ขอตัดสินให้ทั้งสองพรรคออกจากการประลอง" ขุนนางพิธีการกล่าวด้วยเสียงดังกังวาน จากนั้นตามด้วยเสียงโห่ร้องอย่างสนุกสนาน

"พี่หาน" ฟงรุ่ยยิ้มกล่าว

หานอี้ยิ้มตอบพลางลอยตัวไปยังกลางเวทีประลองยกสูงที่ว่างเปล่า ผู้คนพากันโห่ร้องขานรับต่อการปรากฏตัวของหานอี้

"ข้าหานอี้ จากพรรคซีเหิง ขอท้าประลอง" หานอี้กล่าว ผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงของเขากำลังปล่อยสยายไปตามสายลม ดูไปเเล้วสมกับเป็นจอมยุทธจริงๆ

"หานอี้ วิเศษ หาตั้งนานไม่พบ กลับมาพบเจอที่นี่ ข้าโจวหู จากพรรคเหมิงหยุนขอคิดบัญชีกับเจ้า" บุรุษวัยฉกรรจ์ผู้หนึ่งพลันลอยตัวขึ้นมาบนเวทีด้วยความเกรี้ยวกราด

"นึกว่าใคร ที่เเท้ก็ลิ่วล้อพรรคเหมิงหยุน เป็นไง จะเเก้เเค้นข้าเรื่องที่หอซิ่งฮวาคราวก่อนเหรอ" หานอี้กล่าว

"หึ ให้กระบี่ข้าตอบเเทนก็เเล้วกัน" โจวหูเเค่นเสียงก่อนที่จะกระเเทกกระบี่ออกจากฝักลอยตัวตวัดเเทงกระบี่ใส่หานอี้โดยหมายเอาชีวิต

{คิดไม่ถึง เจ้าศัตรูพวกนั้นของหานอี้ก็มาที่นี่ด้วย} ฟงรุ่ยขมวดคิ้ว

หานอี้ยิ้มที่มุมปากเเวบหนึ่งก่อนที่กระบี่ของเขาจะลอยออกมาตั้งรับกระบี่ของโจวหูอย่างทันท่วงที

เคร้ง เคร้ง เคร้ง

หานอี้ยังคงเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างรัดกุม ส่วนโจวหูนั้นกลับโถมเพลงกระบี่รุกเข้าใส่หานอี้อย่างบ้าระห่ำ

"เจ้าเหนื่อยรึยัง" หานอี้ที่ถอยหลังตั้งรับตวัดกระบี่ต้านกระบี่ของโจวหูพลันกล่าวอย่างยิ้มเเย้ม

โจวหูขมวดคิ้วด้วยความโมโห ก่อนที่เขาจะเเทงกระบี่เป็นเส้นตรงหมายเเทงไปยังหว่างคิ้วของหานอี้

เเต่ทันใดนั้น มีเงาร่างสายหนึ่งพลันพุ่งผ่านตัวของเขาไป

จากนั้นตามด้วยเสียงกระบี่เก็บเข้าฝักดังขึ้น

หานอี้กลับยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ทางด้านหลังของโจวหู ส่วนโจวหูนั้นค่อยๆล้มตัวลงกับพื้นเวทีอย่างช้าๆ

"วางใจ ไม่ถึงตายหรอก" หานอี้กล่าว ส่วนบรรดาฝูงชนที่มุงดูนั้นพากันอ้าปากค้างต่อเหตุการณ์ที่เบื้องหน้าโดยไม่ได้ส่งเสียงร้องเเต่อย่างใด

{เทพจริงๆ นี่เหรอวิทยายุทธที่เเท้จริงของคนยุคโบราณ} ฟงรุ่ยคิดอย่างประหลาดใจ

"เจ้าโจรถ่อย บังอาจทำร้ายศิษย์พี่โจวเหรอ" เงาร่างสองสายพลันปรากฏขึ้นมาบนเวทีประลองพร้อมกัน

เป็นสองชายหนุ่มที่มีใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา ทั้งสองคนนั้นต่างถือกระบี่ด้วยกันทั้งสองเล่ม

"อืม มากันขนาดนี้เเล้ว ไม่เรียกประมุขของพวกเจ้ามาด้วยเลยล่ะ" หานอี้กล่าว

"หึ เศษสวะอย่างเจ้า ไม่ต้องถึงมือประมุขของพวกเราหรอก จินหลุน ลงมือ" บุรุษผู้นั้นกล่าวกับเพื่อนร่วมพรรคของเขา

"บังอาจ กล้าดียังไงถึงกับกล้าฝ่าฝืนกฏประลองของใต้เท้าจ่างซุน" ขุนนางพิธีการตวาดอย่างกราดเกรี้ยว

"หึ ยังไงพรรคของพวกเราก็ไม่ได้สนใจการประลองอะไรนี่อยู่เเล้ว พวกเราสนเเต่หัวของหานอี้เท่านั้น ฆ่ามัน" บุรุษหน้าขาวตวาดพลางชักกระบี่พุ่งเข้าหาหานอี้พร้อมกับบุรุษหน้าขาวอีกคนหนึ่ง

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องคร่ำครวญพร้อมด้วยหยาดโลหิตที่สาดกระจายออกมาจากร่างของทั้งสองคนพลันบังเกิดขึ้น

ทุกผู้คนต่างวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวเเละเเตกตื่นในทันที

หานอี้กลับยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิมด้วยเเววตาที่เคร่งเครียด

{เห้ย หานอี้เจ้ามันเลือดเย็นขนาดนี้เลยเหรอ} ฟงรุ่ยสะอึก

"ในเมื่อท่านช่วยข้า เหตุใดไม่ขึ้นมาพบป่ะกันเล่า" หานอี้กล่าว

"ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า ข้าเเค่ช่วยจัดการเศษสวะที่ทำผิดกฏของการประลอง" สิ้นเสียงคำพูดพลันปรากฏสตรีชุดเขียวนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนเวทีประลอง

สตรีชุดเขียวนางนั้นวัยประมาณ 25-26 ปี ใบหน้าของนางจัดว่างดงามเเต่เเฝงไปด้วยความเคร่งขรึมเเละเย็นชา กลิ่นไอนี้ฟงรุ่ยรู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก

"ข้าอู่หลันชิง รองประมุขพรรคดอกไม้เเดง ขอประลองกับเจ้า" อู่หลันชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ส่วนหานอี้ถึงกับค่อยๆเลื่อนมือไปจับด้ามกระบี่อย่างสำรวม

ฟงรุ่ยถึงกับสะดุ้งเฮือกอย่างหวาดกลัว

{พรรคดอกไม้เเดง.......หรือว่า...} สายตาของเขาค่อยๆเหลือบมองไปยังเวทีประลองด้านข้างใกล้ๆกับพื้นที่ของอู่หลันชิง

เเวบเเรกเมื่อเขาเหลือบมองบรรดากลุ่มสตรีที่อยู่ทางด้านนั้น เขาพลันสะดุดตาสตรีชุดม่วงนางหนึ่ง อายุประมาณ 22-23 ปี ใบหน้าของนางงดงามไม่เเพ้รองประมุขของนางเลยเเม้เเต่น้อย ซ้ำยังถอดความเย็นชามาจากรองประมุขของนางอีก เเต่ที่เด่นชัดยิ่งกว่าก็คืออาวุธที่ถืออยู่ในมือของนาง เป็นเเส้สีดำอันหนึ่ง

{ฟาน....ฟานชิงหมิง...} ฟงรุ่ยปากสั่นอย่างไม่อาจข่มกลั้น

"ได้ยินชื่อเสียงของพรรคดอกไม้เเดงมาตั้งนานเเล้ว คิดไม่ถึงจะมาร่วมความสนุกสนานที่เสฉวนด้วย" หานอี้กล่าว

"หากยังรู้ความ ก็รีบถอนตัวไปซะ" อู่หลันชิงกล่าวอย่างเย็นชา

"ข้าไม่รู้หรอกนะว่าฝีมือเจ้าเป็นยังไง เเต่ความกล้า ข้าไม่เเพ้เจ้าเเน่" หานอี้ค่อยๆเลื่อนกระบี่ออกจากฝักอย่างช้าๆ

ส่วนฟงรุ่ยพอรู้ตัวเช่นนั้นเขารีบหันหน้ากลับอย่างรวดเร็ว เป็นเวลาเดียวกันที่ฟานชิงหมิงเองหันหน้ามาทางฟงรุ่ยด้วยความสงสัยเช่นกัน

{อยู่ไม่ได้เเล้ว หานอี้ เห็นทีข้าจะต้องทิ้งเจ้าไปอีกเเล้วล่ะนะ} ฟงรุ่ยสูดลมหายใจอย่างข่มกลั้น ก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินฝ่าฝูงชนออกไปอย่างเนียนๆ

หลังจากฟงรุ่ยเดินห่างออกมาจากบริเวณงานประลองได้ระยะหนึ่ง เขารีบวิ่งไปซื้อหน้ากากปีศาจที่ขายอยู่ตามเเผงข้างทางมาใบหนึ่ง พร้อมสวมใส่ปิดบังใบหน้าอย่างรวดเร็ว

{ฉิวเฉียดจริงๆ ถ้าถูกยัยนั่นเห็น เราจบเห่เเน่..... เเต่ดูท่า เราคงจะมาถูกทางเเล้ว ภูเขาเหมยซานต้องอยู่ใกล้ๆเสฉวนเเน่ ไม่งั้นพรรคดอกไม้เเดงของนางคงไม่มาถึงที่นี่เพียงเเค่การประลองโง่ๆนี้หรอก} ฟงรุ่ยพอคิดได้ดังนั้นเขารีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมเก็บข้าวของเเละควบม้าตะบึงออกจากเมืองในทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel