เท่าไหร่ ?
สนามบินประเทศไทยหนุ่มหล่อลูกครึ่งไทยอังกฤษก้าวขายาวเดินออกจากสนามบินโดยมีลูกน้องเดินตามหลังไม่ห่าง ผู้คนมากมายภายในสนามบินต่างพากันหันไปมองด้วยความหล่อเหลาราวกับปั้น รูปร่างที่สมส่วน แว่นดำที่ปิดบังด้วยตาคู่นั้นไม่สามารถทำให้ความหล่อลดลงได้เลย จะมีก็แต่เพิ่มทวีความหล่อเหลาของชายหนุ่มมากขึ้น เขามองดูไปรอบ ๆ สนามบินที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเขาเป็นผู้ถึงหุ้นรายใหญ่รวมถึงพนักงานของที่นี่ด้วย
“นายครับ รถมารอทางด้านโน้นแล้วครับ” คิมมือขวาคนสนิทผายมือบอกตำแหน่งให้กับเจ้านายได้รับรู้ สองเท้ายาวของเจ้านายก้าวขาไปยังรถที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว โดยมีลูกน้องเดินตามติด ๆ และยังมีบางส่วนที่รออำนวยความสะดวกให้เจ้านายที่รถ
ไอร้อนที่กระทบกับผิวกายทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ตัวเองได้ถึงเมืองไทยแล้วซึ่งเขาไม่ได้กลับมาประเทศไทยนานมากแล้ว เนื่องจากไม่ชอบอากาศที่ร้อนทำให้เขาได้แต่ตรวจงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเท่านั้นแต่ครั้งนี้เหมือนงานที่ประเทศไทยจะมีปัญหาซึ่งไม่สามารถแก้ไขงานผ่านหน้าจอซูมได้ ทำให้เขาต้องกลับมาจัดการด้วยตัวเอง
“นายกลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ ผมเตรียมคอนโดเอาไว้ให้แล้ว”
“อือ” ร่างสูงเอนตัวแนบกับเบาะรถอย่างผ่อนคลาย สายตามองออกไปยังหน้าต่างของรถยนต์คันหรูที่กำลังขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนน ทุกอย่างที่ประเทศไทยเปลี่ยนไปมาก หลังจากที่ชมวิวข้างทางไปพลางๆ สายตาเมื่อยล้าของชายหนุ่มทำให้เขาเผลอหลับไปอย่างง่ายดาย ด้วยร่างกายที่อ่อนเพลียจากการเดินทาง
“นายครับ ถึงที่พักแล้วครับ” รถยนต์คันหรูจอดสนิทที่คอนโดหรูใจกลางเมือง ลูกน้องคนสนิทหันไปปลุกเจ้านายที่เผลองีบไป
“อือ ถึงแล้วเหรอ”
“ครับ” เมื่อลูกสึกตัวตื่นขึ้น สองมือหนาลูบใบหน้าของตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติให้กลับมาหลังจากตื่นนอนใหม่ ก่อนจะก้าวขาลงจากรถขึ้นไปยังคอนโดที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม เพราะคอนโดทั้งชั้นเป็นของเขาและลูกน้องหมดแล้ว
@ ผับหรูใจกลางเมือง
“เจ้านายของเราจะเข้ามาตรวจงานที่ผับแต่พี่ไม่รู้ว่าท่านจะเข้ามาเมื่อไหร่ เหมือนกัน พี่อยากให้น้อง ๆ ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมและรักษาความสะอาดให้ดี เพราะเจ้านายคนนี้ที่พี่ได้ยินมาค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องความสะอาดและระบบงาน ตั้งใจทำให้ดี” ผู้จัดการร้านหลังจากทราบว่าเจ้านายใหญ่บินมาดูงานที่ประเทศไทยและไม่รู้ว่าจะเข้ามาตรวจงานที่ผับเมื่อไหร่เหมือนกัน ทำได้แค่บอกกับลูกน้องเอาไว้ก่อนเพื่อให้เตรียมตัว เพราะยอมรับว่าบางครั้งตัวเองก็ผ่อนปรนให้กับพนักงานเหมือนกัน
“รับทราบค่ะ/รับทราบครับ”
“ภามเป็นไงบ้าง มีปัญหาอะไรรึเปล่า” พี่นุผู้จัดการร้าน หันมาถามภามที่พึ่งเข้ามาทำงานได้สามเดือนซึ่งเขาถูกใจการทำงานของภามไม่น้อย ภามเป็นเด็กหน้าตาดีที่ตั้งใจทำงานทำให้เขาเอ็นดูเหมือนน้องชายอย่างมากและค่อยเป็นหูเป็นตาเผื่อว่ามีแขกมาทำนิสัยไม่ดีกับน้องชายของตัวเอง
“ไม่มีปัญหาอะไรครับพี่ ทำงานที่นี่เงินดีแต่แค่เลิกดึกครับ ผมขอบคุณพี่มากที่รับผมเข้าทำงาน” ตั้งแต่เขามาทำงานที่ผับแห่งนี้ ยอมรับเลยว่าเงินดีทำให้เขาไม่ต้องหางานเสริมทำอีก เนื่องจากแต่ก่อนเขาทำงานพาร์ทไทม์หลายแห่งแต่เมื่อได้มาทำงานที่ผับแห่งนี้ ทำให้เขาเลิกทำพาร์ทไทม์ที่อื่นและมาทำที่นี่ที่เดียว ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยน้อยลงอย่างมาก
“อืมดี ไปทำงานเถอะ”
“ครับพี่”
ผับหรูใจกลางเมืองยิ่งดึกยิ่งมีนักท่องเที่ยวระดับวีไอพีซึ่งมีแต่คนมีเงินมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น แถมทิปยังหนักมากอีกด้วย ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาใช้เที่ยวสถานบันเทิงแห่งนี้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ทำให้ผับแห่งนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษ
“น้องครับ น้องสุดหล่อพี่ขอเหล้าเพิ่มหน่อย” สาวสวยที่เมาแล้วหันมาสั่งเหล้ากับภามที่ยืนประจำจุดของตัวเอง ภามเดินเข้าไปหาหญิงสาวเพื่อรับออเดอร์แต่ยันไม่ทันจะเอ่ยอะไรออกไป มือเล็กของหญิงสาวดึงแขนของภามให้มานั่งบนตัก ก่อนจะส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับเขา
“เอ่อ ขอโทษนะครับ พี่ทำแบบนี้ไม่เหมาะสมนะครับ” คำพูดสุภาพที่เอ่ยออกไปพร้อมกับยันตัวเองให้ลุกขึ้นห่างจากตัวลูกค้าที่กำลังเมาอยู่ได้สำเร็จและกลับมายืนคุยกับเธอด้วยท่าทางสุภาพอีกครั้ง
“เท่าไหร่ค่ะ”
“พี่ยังไม่ได้สั่งอะไรเลยนะครับ รับอะไรดีครับ”
“รับน้องค่ะ เท่าไหร่ค่ะพี่จ่ายให้ไม่อั้นเลยขอแค่ทำให้พี่พอใจ” คำตอบของลูกค้าพร้อมกับสายตาที่หวานเยิ้มส่งมาให้แต่ไม่ได้ผลกับภามเลยสักนิด
“ผมไม่ได้ขายครับพี่ ผมเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ ถ้าพี่ไม่รับอะไรผมขอตัวก่อนนะครับ”
“หยิ่งจริง ๆ ลำบากแล้วยังเล่นตัวอีก” ภามเดินออกมาจากบริเวณนั้นโดยที่เขาได้ยินทุกคำพูดที่ลูกค้าพูดออกมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินประโยคแบบนี้ ทุกคำดูถูกต่าง ๆ นานา ที่เคยได้ยินมาทำให้เขาเข้มแข็งขึ้นและไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ ณ ตอนนี้เขาแค่อยากจะส่งตัวเองเรียนให้จบและหางานดี ๆ ทำให้ได้ เพื่อลบคำดูถูกที่อยู่ภายในจิตใจของเขา
ภามโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยรู้ว่าใครคือพ่อและแม่ของตัวเอง จนอายุ 15 ปี ได้แยกตัวเองออกมาอยู่คนเดียวโดยหางานทำส่งตัวเองเรียนมาจนถึงทุกวันนี้ เขาภูมิใจที่ได้ทำแบบนี้ได้สู้ด้วยสองมือของตัวเองและถ้ามีเวลาว่าเขามักจะเข้าไปเล่นกับน้อง ๆ และแม่ครูที่บ้านเด็กกำพร้าเป็นประจำ
“ทำได้แค่นี้” ห้องประชุมบริษัทใหญ่ใจกลางเมือง พนักงานต่างพากันกลัวผู้บริหารที่นั่งอยู่หัวโต๊ะนามว่าเจย์ ขณะเขาไม่ได้กลับมาไทยนานแต่ชื่อเสียงของเขายังคงเป็นที่น่าเกรงขามสำหรับพนักงานอยู่ดีและตอนนี้พนักงานทุกคนกำลังนั่งหวาดกลัวเจ้านายที่ทำหน้านิ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมอยู่ท่าทางสบาย ต่างจากพนักงานที่นั่งหลังตรงแทบไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ
“ผมถามว่าทำได้แค่นี้เหรอ” เมื่อคำถามที่ถามไม่ได้รับคำตอบ ร่างสูงจึงตะคอกเสียงดังถามอีกรอบ เสียงที่ดังของเขาทำให้พนักงานสะดุ้งโหยงด้วยความกลัว
“พวกผมจะรีบปรับปรุงให้ดีกว่านี้ครับ”
“แล้วผมจะได้งานที่ดี เมื่อไหร่”
“เอ่อ คือ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดครับ” คำตอบของผู้จัดการสาขาทำให้เจย์ลุกจากเก้าอี้เดินออกจากห้องประชุมทันที จากที่คิดว่าจะเคลียร์งานให้เสร็จภายในเดือนนี้แต่เมื่อเห็นพนักงานพรีเซนต์งานและระบบงานของบริษัททำให้เขาคงได้อยู่ต่ออีกนาน
## อิเจ๊จ่ายไหวเหรอ?? ที่คุณคุยอยู่อยากจะเป็นแฟนเจ้าของผับก็ได้นะเจ๊##
