บท
ตั้งค่า

บทที่ 1-2

เวลานี้ที่นครลอสแอนเจลิส ศิระวัฒน์จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทยไฟลท์ที่เร็วที่สุด เขาทำงานต่อไม่ได้เลยหลังจากที่ศิระพันธ์โทรไปแจ้งข่าวน้องชาย ทั้งตกใจทั้งเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก เหตุการณ์มันรวดเร็วมากจนเกินจะทำใจได้

ขณะนี้เวลาในประเทศไทยผ่านไปอีกชั่วโมง ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้เข้าไปดูศพผู้เสียชีวิต ทราบว่าสภาพศพนั้นค่อนข้างน่ากลัวเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ เนื่องจากถูกอัดและกระแทกอย่างรุนแรงจากเศษซากของวัตถุ

ถึงตอนนั้นทุกคนต่างก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเวทนา แสนสิวายืนนิ่งทั้งน้ำตาเอ่อด้วยความโศกเศร้า พิมพ์พรรณถึงกับเป็นลมเพราะทำใจไม่ได้จึงต้องให้แสนสิวาประคองออกมานั่งรอด้านนอก ศิระเป็นคนเดียวที่ได้เข้าไปเป็นผู้รับทราบสาเหตุการเสียชีวิต แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน คนเป็นพ่อก็ออกมาในสภาพที่น้ำตาคลอเบ้า

“เป็นไงบ้างคะคุณ ใช่ลูกเราจริงๆ เหรอ?” พิมพ์พรรณเร่งถามอย่างใคร่รู้ พอเห็นศิระพยักหน้าช้าๆ ก็เริ่มถอดใจ เข่าอ่อนจนต้องนั่งลงไปบนเก้าอี้อีกรอบ

“ผมว่าคุณกับหนูว่านอย่าเข้าไปดูเลย มันมีแต่จะสะเทือนใจเปล่าๆ” เขาแนะ บอกให้ทั้งสองจดจำภาพของศิระคุณที่ทุกคนเคยเห็นไว้ในใจจะดีกว่า

“ทำไมคะคุณ มันแย่มากเลยเหรอ?” ถึงอย่างนั้นพิมพ์พรรณก็ยังอยากรู้ อย่างน้อยนี่เป็นโอกาสเดียวที่นางจะได้เห็นหน้าบุตรชายเป็นครั้งสุดท้าย ศิระพยายามเตือนและอธิบายให้เข้าใจว่ามันเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจ แม้แต่เขาเองก็ยังแทบจำไม่ได้ นึกสังเวชใจที่ลูกชายสุดรักต้องมาจบชีวิตลงในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้

ที่สุดแล้วก็ต้องยอมรับว่าศิระคุณจากพวกเขาไปแล้วจริงๆ จากการตรวจสอบและหลักฐานที่พบยืนยันได้ว่าเป็นเขา ทั้งศิระเองก็ไม่คัดค้าน ผลการพิสูจน์อัตลักษณ์ก็สามารถระบุได้ กรุ๊ปเลือดและรูปพรรณสัณฐานบางอย่างก็ชี้ชัด เจ้าหน้าที่แจ้งเรื่องเอกสารและหลักฐานที่เก็บได้จากบริเวณศพผู้ตาย ทั้งกระเป๋าสตางค์เปื้อนโคลนที่มีบัตรประชาชนและเอกสารสำคัญอื่นๆ ของเขา รวมไปถึงสร้อยข้อมือที่ขาดและตกอยู่ใกล้กับศพผู้เสียชีวิต

“นี่มันสร้อยข้อมือพี่ต้าร์จริงๆ ว่านจำได้” แสนสิวาปล่อยโฮออกมาทันทีที่เห็นสร้อยสแตนเลสที่เธอเป็นคนสั่งทำให้ ข้างหลังจี้รูปเมาส์ยังสลักชื่อเธอและเขาไว้ ไม่มีทางที่ในโลกนี้จะมีสร้อยเหมือนกันแบบนี้อีกเส้นแน่นอน

ตอนนี้ทุกคนได้แต่รอเวลาหลังทำเรื่องขอรับศพศิระคุณไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทรายแก้วรออยู่ที่บ้านของแสนสิวา สองสาวอาสาโทรบอกเพื่อนสนิทของศิระคุณเรื่องการเสียชีวิตกะทันหัน เพราะก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบข่าวนี้ อาทิเช่นเพื่อนสนิทอย่างปกรณ์และจักรินทร์

“หะ?! ไอ้ต้าร์ตายแล้ว!...มันเป็นไปได้ยังไง?” ปกรณ์ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อทราบข่าว หนุ่มเหนือกำลังจะเข้าประชุมบริษัทซึ่งเวลานั้นจักรินทร์ก็อยู่ด้วย ทั้งสองต่างตกใจและรีบเดินทางมาที่วัดทันทีหลังเสร็จธุระ และพอมาถึงก็พบแต่บรรยากาศอันน่าสลดหดหู่ ภาพของแสนสิวามองร่างแฟนหนุ่มที่นอนสงบนิ่งอยู่ในโลงไม้สีขาวด้วยใบหน้าสุดเศร้าหมอง

หญิงสาวเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้รดน้ำศพ มือที่หยิบขันเงินใบเล็กสั่นเทิ้ม ค่อยๆ เทน้ำปรุงรดไปบนพลาสติกซึ่งผนึกร่างของเขาอย่างมิดชิดจากโรงพยาบาล ตอนที่ศิระนำผ้าแพรสีน้ำเงินห่มให้เขา สังเกตว่าผู้เป็นพ่อน้ำตาไหลด้วยความอาดูรใจ ดึงผ้าห่มคลุมร่างลูกชายและพูดอะไรพึมพำเบาๆ

แสนสิวาขยับถอยออกมายืนห่าง รู้สึกแขนขาไม่ค่อยมีแรงเหมือนจะล้มพับลงไป ตัวเนื้อร้อนผ่าวเหมือนจะเป็นไข้ พยายามบีบมือตัวเองเบาๆ ให้คลายจากอาการชา เจ็บนิดๆ ตอนบีบโดนแหวนที่สวมติดตัวไว้ตลอดเวลา

“เดี๋ยวก่อนค่ะลุง!” แสนสิวาเอ่ยท้วงขึ้นก่อนที่สัปเหร่อจะปิดฝาโลง แหวนที่ศิระคุณเคยให้ไว้ถูกถอดออกจากนิ้วและนำมาวางบนอกเขา พร้อมกำชับคำมั่นว่า ‘เธอจะอยู่ใกล้ๆ เขาเสมอ’ พูดจบก็หันมาบอกชายคนเดิมให้ดำเนินการต่อ

ศพของศิระคุณตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ ณ วัดแห่งหนึ่งในอำเภอใกล้เคียง บนศาลายกพื้นเป็นห้องปรับอากาศอย่างดี ร่างที่นั่งพับกลีบดอกบัวใส่แจกันคล้ายเหม่อลอย ตลอดเวลาที่ก้มหน้าน้ำตาก็ร่วงผล็อยเป็นหยดน้ำ ทรายแก้วต้องพาออกไปนั่งสงบจิตสงบใจที่โซฟา

ลำพังขณะที่เฝ้ามองดูเพื่อนสนิท รู้สึกสงสารคนตรงหน้าอย่างจับใจ ทุกครั้งที่เห็นวงหน้าแดงก่ำและดวงตาอันบอบช้ำคู่นี้จะรู้สึกสะเทือนใจทุกครั้ง แต่ไหนแต่ไรมาแสนสิวาและศิระคุณต่างก็มีอุปสรรคในความรักมาโดยตลอด กระทั่งจวนจะถึงวาระที่ทั้งคู่ได้สมหวัง เธอและเขาก็ดันจะต้องมาพรากจากกันไกลแสนไกล โชคชะตาช่างเล่นตลกกับพวกเขาเสียนี่กระไร ทำไมความรักที่บริสุทธิ์ถึงต้องมีอันดับสูญลงในเวลากระชั้นเช่นนี้

ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ แสนสิวายืนมองเจ้าหน้าที่จัดเตรียมดอกไม้ในงานพิธี เหนือฝาโลงศพสีขาวคลุมด้วยผ้าลูกไม้สีทองอร่าม ประดับด้านบนด้วยดอกหน้าวัวสีแดงสดแซมด้วยซ่อนกลิ่นสีขาว กลิ่นหอมอบอวลยะเยือกเย็นอย่างจับจิต พอเอาช่อเล็กมาประดับบริเวณกรอบรูป ใบหน้าหล่อเหลาที่แย้มยิ้มนั้นก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แม้จะเป็นเพียงภาพแห่งความทรงจำ แต่ไม่รู้ทำไมแสนสิวาถึงรู้สึกว่าดวงตาของคนในรูปช่างแสนเศร้านัก

“พี่ต้าร์กำลังเป็นห่วงว่านกับลูกอยู่ใช่มั้ยคะ อย่าห่วงเลยค่ะ ว่านจะดูแลน้ำหวานอย่างดีที่สุด” เจ้าตัวคิดเองเออเองทั้งน้ำตา ปากก็พูดพร่ำอยู่คนเดียวเหมือนคนเสียสติ สร้างความเป็นห่วงให้แก่เพื่อนที่สนิทอย่างทรายแก้วเอามากๆ

พวงหรีดดอกไม้สดทยอยมาวางไว้ตามจุดต่างๆ งานศพของศิระคุณถูกจัดขึ้นมาท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของหลายๆ ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นครอบครัวคนรัก หรือแม้แต่ญาติสนิทมิตรสหาย ศิระวัฒน์บินด่วนมาจากอเมริกาในบ่ายวันรุ่งขึ้น เขาไม่มีโอกาสเห็นหน้าน้องชายเป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ ร่างสูงยืนมองโลงศพและรูปภาพของศิระคุณด้วยดวงตาแดงช้ำ จนศิระพันธ์น้องสาวต้องเข้ามาปลอบ ทั้งๆ ที่หล่อนเองก็โศกเศร้ากับการจากไปของน้องชายคนเล็กไม่แพ้กัน

เย็นวันหนึ่งก่อนถึงกำหนดสวดอภิธรรมในตอนค่ำ รถของชาติโยรบเลี้ยวเข้ามาจอดที่ด้านหน้าศาลา อดีตโปรแกรมเมอร์หนุ่มรูปหล่อที่ปัจจุบันกลายเป็นเจ้าของรีสอร์ตชื่อดังแถวปากช่อง รายนี้เป็นเพื่อนสนิทกับแสนสิวามานาน พอเห็นใบหน้าเศร้าหมองของฝ่ายหญิงแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ต้องกำชับภรรยาสาวให้คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

ชาติโยรบดูกำยำหนาหนั่นขึ้นเมื่อสังเกตในระยะใกล้ แสนสิวาให้ทรายแก้วพาผู้เป็นสามีขึ้นไปข้างบนก่อน ส่วนตัวเองจะไปดูเรื่องของว่างในครัว และขณะที่เดินกลับขึ้นมาข้างบนนั่นเอง แสนสิวาก็ถึงกับชะงักเมื่อเห็นศิระคุณยืนหันหลังเกาะราวบันได

“พี่ต้าร์!” เธอพึมพำในลำคอ จังหวะนั้นเกือบจะโผเข้าไปหาทว่าร่างสูงนั้นหันกลับมาพอดี

“พี่เอง” ศิระวัฒน์แสดงตัว ร่างบางถึงยิ้มเจื่อนด้วยอาการผิดหวัง

แสนสิวาไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดหรือฟุ้งซ่านจนแยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่เพราะความละม้ายคล้ายกันของพี่น้องคู่นี้ บางครั้งก็ถึงกับทำให้แสนสิวาน้ำตาซึมเสียหลายครั้ง

“น้องว่านก็ต้องดูแลสุขภาพนะ ไอ้ต้าร์มันรักเรามาก นี่ถ้ามาเห็นว่าน้องว่านซีดเซียวแบบนี้คงเป็นห่วงแย่” ศิระวัฒน์เอ่ย แสนสิวายิ้มฝืนและพยักหน้าเนิบๆ ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าน้ำเสียงของชายตรงหน้าเริ่มสั่นเครือ แต่เขาก็ยังพยายามจะข่มให้มันเป็นปกติ

“เสียดาย มันจะเรียนจบอยู่แล้ว ปีหน้าก็จะได้กลับมาช่วยงานคุณพ่อที่นี่ พี่ยังพูดบ่อยๆ ว่ามันเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว” พี่ใหญ่ถอนหายใจ แสนสิวาได้แต่นิ่งให้เขาพูดอยู่ฝ่ายเดียว

“ก่อนที่มันจะบินมานี่ มันบอกพี่ว่ามาเที่ยวนี้มันจะมาคุยเรื่องแต่งงาน...แต่แล้วก็ไม่ได้คุย” ศิระวัฒน์กลืนก้อนสะอื้นในลำคอ หากแต่แสนสิวากลั้นต่อไปอีกไม่ไหว พอชายหนุ่มพูดถึงเรื่องนี้เธอก็น้ำตาไหลพราก

ศิระวัฒน์ได้แต่ปลอบใจโดยใช้มือสัมผัสที่ไหล่มนเบาๆ แสนสิวายิ่งสะอื้นไห้ หนักเข้าจึงซบหน้าลงไปกับบ่ากว้างของเขาอย่างฝืนไม่อยู่ อีกฝ่ายได้แต่ยกมือหนาลูบศีรษะปลอบประโลม

ปกรณ์และจักรินทร์บังเอิญมาเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ความรู้สึกคือต่างก็จุกในอกพูดไม่ออก สองหนุ่มยอมรับว่าจนกระทั่งนาทีนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนของพวกเขานั้นจากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ

ตอนแรกที่เห็นหน้าศิระวัฒน์ สองหนุ่มก็ตกใจเหมือนกันนึกว่าเป็นศิระคุณ จริงอยู่ที่พวกตัวคิดถึงเพื่อนรักมากเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากพบเจอในช่วงเวลานี้

“ไปสู่สุคติเถอะวะไอ้ต้าร์ พวกกูรักมึงนะเฮ้ย แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาให้เห็นหรอก” หนุ่มเหนือพูดดักคอ เพราะรู้ว่าเพื่อนต้องมาหาแน่ ขนาดตอนมีชีวิตอยู่ยังชอบอำ มีหรือที่ตายไปแล้วจะไม่มาหลอกมาหลอน

ติ๊ง!

จังหวะนั้นปกรณ์ก็ได้รับเมลผ่านมือถือ พอเห็นว่าเป็น address ของศิระคุณก็ทำหน้าเจื่อน

“นั่นไง” เจ้าตัวหน้าซีด รีบยื่นหน้าจอให้จักรินทร์ดู อีกคนได้แต่มองหน้าเชิงปลอบใจ

“ไอ้ต้าร์มันตั้งค่าส่งอัตโนมัติก่อนบินมานี่มั้งมึง”

“เออ กูเชื่อมึง ไม่งั้นแม่งก็เฮี้ยนชิบ” ปกรณ์กลืนน้ำลาย เอาเป็นว่ายังไงก็ได้ที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจก็พอ

ตอนเข้าไปนั่งฟังพระสวดด้านใน สองหนุ่มแทบไม่กล้าเงยหน้ามองรูปภาพของศิระคุณ โดยเฉพาะปกรณ์เรียกว่าหลอนไปแล้วนิดๆ จากเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำ

แต่ไม่แค่นั้น เมื่อเขากลับมาถึงห้องตอนราวๆ ห้าทุ่ม หนุ่มเหนือ Log in เข้า facebook ตามปกติ แต่ไม่รู้วันนี้เกิดอะไรขึ้น หน้าฟีดถึงแสดงภาพถ่ายเขาคู่กับศิระคุณสมัยที่เพื่อนยังมีชีวิตอยู่ขึ้นมา ที่แท้ก็เป็นประมวลภาพความทรงจำครบหนึ่งปีที่ไปเที่ยวด้วยกัน

“แหม่ บังเอิญจริงนะมึง” หนุ่มเหนือถอนใจแบบอึกอัก ประจวบเหมาะจะต้องมาตรงกับวันนี้พอดิบพอดี

ว่าแล้วก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบข้างมันเริ่มวังเวง หันรีหันขวางปรากฏว่าจู่ๆ ก็ขนลุกซู่โดยไม่ทราบสาเหตุ สักพักเสียงเหมือนใครเดินชนอะไรหน้าห้องดังโครม! ปกรณ์ถึงเผ่นรวดเดียวจากโต๊ะทำงานเข้าห้องนอนและรีบปิดบานกระจกล็อกพร้อมกับเอาม่านลงโดยเร็ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel