1 บรรณาการแสนสวย (4)
“ต่อให้ท่านหญิงขี่อูฐออกไปจากนครแห่งนี้ได้ ยังไงซะท่านก็ไปมิพ้นทะเลทรายกว้างใหญ่อันแห้งแล้งนี้หรอก หรือถ้ารอดไปก็ไม่แน่ว่าท่านอาจเจอโจรทะเลทรายจอมโหดสังหารก่อน อย่าว่าจักเหลือรอดชีวิตกลับไปหาชีคฮาซันเลย แม้นแต่ฮาน่าที่ท่านเอ่ยถึงทุกราตรีก็มิมีวันได้พบ!”
ได้ยินคำขู่ขวัญอันน่าสะพรึงกลัวดาเนียนที่นั่งกอดเข่าจึงรีบเช็ดคราบน้ำตาออกจากดวงตาสีมรกต “อย่าแตะต้องปรารถนาแห่งข้า ฮาน่าจักปกป้องข้า”
“โอ้ เป็นความฝันอันเพ้อเจ้อของท่านหญิงต่างหากเล่า” ลิมุสไม่วายยั่วเย้า
“นี่มิใช่ความฝันอันเพ้อเจ้อ” ดาเนียนเสียงแข็งขึ้นมาทันที และกิริยานั่นยิ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับลิมุสนัก
“สิ่งใดบอกท่านหญิงหรือเจ้าคะ ท่านถึงมั่นใจเพียงนั้น?”
“สัญชาติญาณบอกข้า”
ได้ยินน้ำเสียงมั่นคงนั่นยิ่งทำให้นางกำนัลสาวหัวเราะชอบใจ เพราะตั้งแต่รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้บุตรของท่านชีคมาหลายคน ลิมุสยังไม่เคยเจอเด็กคนไหนมีจิตนาการมากมายเข้าขั้นเพ้อเจ้อเท่าท่านหญิงดาเนียนมาก่อน
“เอาล่ะ ๆ ข้าจักมิถามท่านหญิงว่าสัญชาติญาณตรงส่วนไหน เอาเป็นว่าท่านหญิงทิ้งปรารถนาที่จักกลับคามิล่านครเถิด”
ดาเนียนเงียบไปอีกทว่าดวงตาสีมรกตแฝงฝังความเศร้าคงไหววูบ นางเคยปรารถนาอยากออกตามหาแสงสว่างเจิดจ้าไปยังสุดของทะเลทรายอันไกลโพ้นเพื่อสานต่อคำเรียกร้องของจิตวิญญาณภายในใจ แต่คิดไม่ถึงว่าการตามหาบุคคลซึ่งมีตัวตนในความฝันนั้นกลับต้องแลกมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่นางมี
นอกจากถูกบิดาพาขึ้นรถม้าพร้อมยัดหีบเสื้อมากับคาราวานของชีคริยาร์ดโดยมิพบหน้ามารดาแล้ว บิดายังกล่าวคำลวงว่าท่านชีคริยาร์ดจักพานางมาพบฮาน่าอีก แต่นั่นยังไม่ย่ำแย่เท่ากับบิดาทอดทิ้งให้อยู่กันตามลำพังกับนางกำนัลพี่เลี้ยงจอมดุร้าย ยิ่งคิดดาเนียนยิ่งหดหู่ใจนัก
หรือนางต้องมีชะตากรรมเฉกเช่นพี่สาวแล้วจริง ?
“เจ้ามิอยากกลับไปนครคามิล่าหรือลิมุส สหายน่ารักของเจ้าอยู่ที่นั่นทั้งหมดและเขาอาจรอคอยการกลับมาของเจ้าก็ได้” ดาเนียนกลืนเสียงสะอึกสะอื้นลงคอขณะโน้มน้าวอีกฝ่าย
“โอ้ไม่เลย ข้าไม่ปรารถนากลับไปที่นั่นอีก ข้ายินดีด้วยซ้ำที่พ้นจากเจ้าหนี้มากมายมาได้”
“แล้วเจ้าไม่คิดถึงท่านพ่อท่านแม่รึ?”
ลิมุสส่ายหน้าช้า ๆ ดวงตาแข็งกระด้างไม่บ่งบอกถึงความโศกเศร้าหรืออาลัยอาวรณ์แต่อย่างใด “ไม่เลยท่านหญิง ข้าเป็นอิสระจากครอบครัวมานานเพราะพ่อข้าขายข้าให้มาเป็นทาสตั้งแต่ยังเด็ก”
“เจ้าช่างน่าสงสารนัก” ดวงตาสีมรกตเศร้าลง
“มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับข้าเสียแล้ว จักว่าไปท่านหญิงเองก็มีชะตากรรมไม่ต่างจากข้าหรอกนะ ดีกว่านิดหน่อยก็ตรงที่ท่านมีฐานะเป็นท่านหญิงก็เท่านั้น”
ได้ฟังคำเปรียบเทียบหัวใจดวงน้อยของดาเนียนจึงห่อเหี่ยวลงไปอีก
“จริงของเจ้า ไม่ว่าจักมีฐานะสูงส่งเช่นไร หากถูกทอดทิ้งปล่อยปละละเลยไม่สนใจทำเหมือนว่าข้าเป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง ข้าก็คงมีค่าไม่ต่างจากนางทาสธรรมดา ๆ ที่ถูกขายหรอก”
พอถูกจี้จุดอ่อนเข้าให้ดาเนียนก็ทำท่าว่าจักร่ำไห้ออกมาอีก
“ช่างน่าสงสารนัก แต่อย่ากังวลไปเลยท่านหญิงน้อย โชคชะตาไม่กลั่นแกล้งเราเสมอไปหรอก”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น” ดาเนียนยิ้มเศร้าให้ลิมุสเมื่อความเป็นนายเป็นบ่าวถูกทำลายลง และนั่นก็เปิดช่องทางให้ลิมุสได้ออกเล่ห์อุบาย
“จะว่าไปเราสองคนซึ่งไม่มีอะไรทำน่าจะหาอะไร ’เล่น’ แก้เหงานะเจ้าคะ หรือท่านหญิงเห็นว่าอย่างไร?”
ได้ยินคำว่า ‘เล่น’ ในน้ำเสียงฟังแล้วดูมีความสุขของนางกำนัลลีมุสนั่นล่ะ ดาเนียนจึงสลัดความหดหู่อันไร้ประโยชน์ทิ้งไป
“เล่นอันใดหรือลิมุส?”
น้ำเสียงใคร่รู้ของเด็กน้อยนี่ล่ะ ลิมุสจอมเจ้าเล่ห์จึงยิ้มมุมปากดวงตาเป็นประกายวาววับ “เราสองคนจะเล่นเปลี่ยนตัวกัน”
“อย่างไรรึ?” ดาเนียนเอียงคอสงสัย
ผู้ซึ่งเพลินกับความงามอยู่หน้าหีบใบน้อยกับหน้ากระจกสี่เหลี่ยมผืนผ้าฉลุลายจึงลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเด็กน้อยซึ่งนั่งอยู่บนเตียงตัวเตี้ยโยงด้วยผ้าเนื้อบางทำหน้าที่ต่างม่าน
“ท่านหญิงจักมาเป็นข้า... ส่วนข้าจักไปเป็นท่านหญิง เราลองสลับตัวกันสักหนึ่งราตรีจักเป็นไร แล้วพรุ่งนี้ข้าก็จักกลับมาเป็นข้า ส่วนท่านก็จักกลับมาเป็นท่าน”
“โอ้ ช่างเป็นการเล่นที่วิเศษนัก ไม่เป็นไรลิมุสข้ายินดีเล่น ข้าจักเป็นเจ้าจนกว่าข้าจักเลิกพอใจ” ดาเนียนยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ พร้อมรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงตัวเตี้ยไปเปิดหีบใบใหญ่เลือกเอาเสื้อผ้าและเครื่องประดับของตนเองที่ลิมุสพอจะใช้ได้มายื่นให้
“เป็นท่านหญิงต้องงดงาม มาเลยนางงามแห่งนครคามิล่า ข้าคือนางกำนัลดาเนียนจักปรนนิบัติท่านหญิงลิมุสเอง” ว่าแล้วเด็กน้อยจอมซนที่ไม่ทันเล่ห์อุบายของนางกำนัลสาวจึงหันมาแปลงโฉมลิมุสทันที...
