บทที่ 3 ภารกิจปราบมาร
ภารกิจปราบมาร
เขาไท่ซวน …
"มู่หลิน เหตุใดเจ้าถึงไปนอนหมดสติอยู่กลางป่าลึกขนาดนั้น มันเกิดอะไรขึ้น?"
ซิวเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ขณะที่สายตาของนางจ้องไปยังมู่หลินด้วยความสงสัย
"ข้าจำได้ว่าข้าช่วยชายคนหนึ่ง แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนมีอะไรสักอย่างทำให้ข้าสลบไป"
มู่หลินตอบเสียงเบา สายตาหลบเล็กน้อย ขณะที่ระลึกถึงเหตุการณ์ในป่านั้น
"แล้วตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"
เซียวหานถามอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลที่ไม่สามารถปกปิดได้
"ข้าดีขึ้นแล้ว ศิษย์พี่ทั้งสองไม่ต้องกังวล"
มู่หลินยิ้มบาง ๆ ตอบรับคำถามนั้น เธอรู้ดีว่าทั้งสองคนห่วงใยเธอมากแค่ไหน
เซียวหานและซิวเหยาเป็นศิษย์ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนจากนักพรตอี้เซียน ผู้มีวิชา และวรยุทธเก่งกล้า ทั้งสองต่างเป็นผู้ที่มีทักษะในการปราบมารอย่างยอดเยี่ยม
โดยเฉพาะเซียวหานที่มีอาวุธคู่กายเป็นกระบี่ปราบมาร "ทยาลกันต์" ซึ่งกระบี่เล่มนี้มีพลังอันแข็งแกร่ง เพราะถูกหลอมด้วยเหล็กกล้าสวรรค์และไฟอเวจี ใช้โลหิตของเซียนทั้งแปด
ขณะที่ซิวเหยาก็มีอาวุธเป็นพัดเพลงแห่งลม พัดที่มีพลังจากเสียงเพลงของลม เมื่อกางออกเสียงเพลงจากพัดนี้จะสะท้อนคลื่นเสียงที่มีพลังคมดังมีดกรีดเนื้อ พัดนี้ไม่เพียงแต่เป็นอาวุธ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามและความแข็งแกร่งของนางอีกด้วย
"มู่หลิน เจ้าแน่ใจหรือว่าร่างกายเจ้าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ?"
ซิวเหยาถามอีกครั้ง ดวงตาของนางยังคงจับจ้องไปที่มู่หลินด้วยความห่วงใย
"ข้าจะไม่เป็นไร" มู่หลินพยักหน้า ทำให้ทั้งสองมั่นใจขึ้น
"ดีแล้ว"
เซียวหานกล่าว เขาวางมือบนกระบี่
"แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นอีก เจ้าต้องบอกข้า"
"ได้ศิษย์พี่ข้ารับปาก" มู่
หลินกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
"งั้นเจ้าพักผ่อนก่อนนะ พรุ่งนี้เราอาจจะลงเขาเข้าเมืองกัน ท่านนักพรตอนุญาตแล้ว"
ซิวเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะหมุนกายเดินออกจากห้องไป เซียวหานเดินตามหลังนางออกมา
ทั้งสองก้าวไปตามทางหินที่ทอดยาวสู่ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ รอบด้านมีดอกโบตั๋นสีแดงสดบานสะพรั่ง แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบผิวน้ำ เกิดเป็นประกายระยิบระยับ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดของยามค่ำคืน
ภายใต้ ต้นไม้โบราณต้นใหญ่ ศาลาไม้เล็กๆ ตั้งอยู่กลางลานหิน
ซิวเหยานั่งลงเงียบๆ สายตาเหม่อมองสายน้ำที่สะท้อนเงาจันทร์ ดวงตาคู่งามแฝงแววหม่นเศร้า
"ท่านคงชอบศิษย์น้องมากสินะ เซียวหาน"
นางเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแผ่วเบา
เซียวหานชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ
"ใช่ มู่หลินมีเสน่ห์ อ่อนหวาน ใครเห็นนางก็คงต้องชอบ"
เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนถามกลับ
"แต่ทำไมเจ้าถึงมาถามข้าเรื่องนี้ล่ะ ซิวเหยา?"
ซิวเหยากำมือแน่นก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
"ไม่มีอะไรข้าจะไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ข้าต้องไปเก็บสมุนไพรให้อาจารย์"
“เจ้าไปพักเถอะ วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว” เข้าพูดด้วยความเป็นห่วง
เช้าวันรุ่งขึ้น...
"เดี๋ยว ข้าไปกับเจ้าด้วย ชิวเหยา" เซียวหานตะโกนบอก
"ไม่ต้องมายุ่งกับข้า!" ซิวเหยาหันขวับกลับมา เมื่อเซียวหานเดินตาม
"ข้าจะไปคนเดียว รำคาญเจ้าเหลือเกิน ไม่ต้องตามข้ามา!"
นางตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนที่จะรีบแล้วเดินออกไปทันที
“นี่ข้าทำอะไรให้นางไม่พอใจหรือเปล่า เมื่อคืนตอนไปพบศิษย์น้องยังพูดจากับข้าดีอยู่เลย ผู้หญิงนึกจะดีก็ดี นึกจะโกรธก็โกรธรึ เข้าใจยากจริง ๆ”
สายลมพัดผ่านผืนป่าอย่างแผ่วเบา หมู่ไม้สูงใหญ่แผ่เงาทอดยาวให้ร่มเงาชัดบนพื้นดิน ซิวเหยาเดินลัดเลาะไปตามทางบนเขา ดวงตาของนางเหม่อลอยราวกับกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดอันแสนเศร้า
"ที่ผ่านมาเจ้าไม่เห็นข้าในสายตาเลยใช่ไหม เซียวหาน...ข้า...อยากจะเกลียดเจ้าจริงๆ"
นางพึมพำกับตัวเองเบาๆ
แสงแดดส่องลงมาต้องผิวน้ำของลำธารเล็กๆ ที่ไหลคดเคี้ยวผ่านหมู่หิน ซิวเหยาก้มลงหยิบสมุนไพรริมธาร ทว่าในขณะที่นางกำลังเพลิดเพลินกับการเก็บสมุนไพรอยู่นั้น เงาดำมืดบางอย่างก็คืบคลานเข้ามา จากหลังต้นไม้ใหญ่
"ฟรึบ!"
เงาทะมึนเคลื่อนตัวผ่านกิ่งไม้ก่อนจะหยุดอยู่เบื้องหน้านาง
“แม่นางจะไปที่ใด ให้ข้าติดตามไปด้วยได้หรือไม่?”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับร่างของปีศาจหนูและปีศาจตะขาบ ปรากฏตัว แววตาของมันวาวสะท้อนแสงอาทิตย์ ท่าทางดูคล้ายมนุษย์แต่เต็มไปด้วยพลังอำนาจแห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ซิวเหยาขมวดคิ้วแน่น นางก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวก่อนจะแค่นเสียงเย็นชา
“ออกห่างจากข้า ถ้าไม่อยากตาย!”
ปีศาจหนูหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกวาดตามองนางด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“แม่นางผู้นี้ นอกจากหน้าตางดงามแล้วยังเก่งกล้าอีก ข้าชอบ... ข้าจะเอานางมาเป็นเมีย!”
พวกมันเอื้อมมือเข้ามาหมายจะคว้าข้อมือของซิวเหยา แต่เพียงพริบตา นางสะบัดพัดคู่กายออกจากแขนเสื้อ
"ฟึบ!"
เพียงแค่สะบัดพัด พลังพัดเพลงแห่งลม รุนแรงดั่งคมมีดกรีดเข้าใส่ปีศาจทั้งสอง
"อั๊ก!"
ปีศาจหนูและปีศาจตะขาบกระเด็นไปกระแทกต้นไม้จนร่างกระอักเลือด นัยน์ตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วว่าอย่ามายุ่งกับข้า... หาเรื่องตายเองแท้ๆ”
เสียงของซิวเหยาเย็นเยียบ นางยกมือขึ้นก่อนจะออกเวทเรียกลูกแก้วดูดวิญญาณ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือก่อนจะดูดปีศาจทั้งสองเข้าไป
"ฟู่ม!"
"อ๊ากกก!"
ทว่าในขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าก็เร่งเข้ามาใกล้
"ซิวเหยา! เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"
เสียงของเซียวหานดังขึ้นจากทางด้านหลัง ร่างของเขาพุ่งเข้ามาหานางอย่างร้อนรน
ซิวเหยาเหลือบมองเขาก่อนจะเบือนหน้าหนี
"ข้าไม่เป็นไร... ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามตามข้ามา!"
เซียวหานขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ นางพยายามจะถอยหนีแต่เขากลับจับบ่าของนางไว้แน่น สายตาของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนาง
"ข้าเคยบอกเจ้าหรือไม่ ว่าข้าจะปกป้องเจ้าไปทุกที่ เจ้าห้ามข้าไม่ได้หรอก"
น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความหนักแน่น และในชั่วขณะนั้นหัวใจของซิวเหยาก็เต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
นางเม้มริมฝีปากแน่น
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาดูแล! ไปดูแลศิษย์น้องของเจ้าเถิด!”
"เจ้าเป็นอะไรกันแน่? หากเจ้าไม่พูด ข้าก็ไม่อาจรู้ได้"
ซิวเหยาเมินหน้าหนี นางสะบัดไหล่หมายจะดึงตัวออกจากการเกาะกุมของเขา ทว่าด้วยแรงที่เขาใช้รั้งเอาไว้ ทำให้นางเสียหลักเซเข้าหาอกของเซียวหาน
ริมฝีปากของทั้งสองประกบกันโดยไม่คาดคิด
เวลาราวกับหยุดนิ่ง
เซียวหานและซิวเหยาเบิกตากว้าง ต่างฝ่ายต่างตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว หัวใจของทั้งคู่เต้นรัวราวกับจะทะลุออกมา
"เพี๊ยะ!"
เสียงฝ่ามือของซิวเหยาฟาดลงบนใบหน้าของเซียวหานอย่างแรง
ดวงหน้าของนางขึ้นสีแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือเพราะความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งพล่านในใจ
"เจ้า...!!"
เซียวหานยกมือขึ้นแตะที่แก้มของตน
"ข้าขอโทษ... ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้..."
น้ำเสียงของเขาแผ่วลง
"เมื่อครู่ข้าไม่คิดว่า—"
แต่ซิวเหยาไม่ต้องการฟัง นางรีบหันหลังคว้าตะกร้าสมุนไพรแล้วก้าวฉับ ๆ ลงเขาไปทันที
เซียวหานยืนมองตามแผ่นหลังของนางที่ค่อยๆ ห่างออกไป หัวใจของเขาหนักอึ้งขึ้นอย่างประหลาด
เขาไม่เคยเห็นซิวเหยาเป็นเช่นนี้มาก่อน...
และบางที... สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ อาจทำให้ทั้งสองต่างรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของกันและกัน หากเพียงแต่พวกเขาจะเปิดใจ... ไม่ใช่ปล่อยให้ฟ้าเป็นผู้ลิขิตชะตาแทน
