บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 กำเนิดดอกโบตั๋น

กำเนิดดอกโบตั๋น

ณ เขาไท่ซวน ภายใต้เงาจันทร์ที่ส่องแสงเย็นตา ลมภูเขาพัดเอื่อยไล้ใบไม้ให้เอนไหวเป็นจังหวะเงียบสงบ

ท่ามกลางสวนดอกโบตั๋นที่ผลิบานในยามราตรี

นักพรต"อี้เซียน"

ยืนสงบนิ่งอยู่กลางสวนเบื้องหน้าดอกโบตั๋นศักดิ์สิทธิ์

ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าผ่าลงกลางดอกโบตั๋นดอกโตเป็นพิเศษ เรือนแสงสว่างจ้ากลีบดอกโบตั๋นสีเงินเรืองรองก็พลิ้วไหว สายลมพัดวนรอบดอกไม้ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติปรากฏขึ้น ร่างของสตรีผู้หนึ่งปรากฏขึ้น

ทันใดนั้น นางปรากฏกายขึ้นด้วยใบหน้างดงาม ร่างระหง ผมยาวสลวยไหลลงอาบแผ่นหลัง ดวงตากลมดำใสดั่งดวงดาวบนฟากฟ้าในคืนมืด ผิวพรรณขาวผ่องละมุนราวหิมะ ร่างระหงดูประหนึ่งนางฟ้าจากสรวงสวรรค์

นางสวมใส่อาภรณ์สีขาวเงินอ่อน นุ่มพลิ้วไหวไปตามลม ราวกับปุยเมฆที่ล่องลอยในท้องฟ้า

"เจ้าคือ...มู่หลิน" นักพรตอี้เซียนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความเมตตา

หญิงสาวกะพริบตา มองเขาด้วยความสงสัยก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา

"ท่านอาจารย์? ข้า...มู่หลินหรือ?"

"ใช่แล้ว เจ้าถือกำเนิดจากโบตั๋นศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ที่ถูกลิขิตให้เกิดมา"

นักพรตเฒ่ายิ้มบาง ๆ สายตาอ่านผ่านโชคชะตาของนางได้เพียงเล็กน้อย รู้แต่ว่านางมิใช่ผู้ธรรมดา

นางถือกำเนิดมาพร้อมกับมุกพลังจันทรา เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีทั้งแสงและเงาในตัวเอง มันสามารถใช้ รักษา บรรเทา หรือชุบชีวิต ได้แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นพลังที่ ปีศาจและมารร้ายต้องการ เพราะหากพวกมันครอบครอง จะกลายเป็น อสูรนิรันดร์ ฆ่าไม่ตาย

“มู่หลิน ข้าให้กำไลหยกพลังจันทรานี้แก่เจ้า จงสวมมันติดตัวไว้ เพราะมันจะอำพรางพลังมุกจันทราของเจ้า ไม่ให้เป็นที่โดดเด่น หมู่มารจะได้ไม่สนใจเจ้า”

นักพรตอี้เซียนกล่าวพลางส่งกำไลหยกเนื้อดีให้ศิษย์สาว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

มู่หลินรับกำไลมาอย่างเคารพ ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาอาจารย์

“ขอบคุณอาจารย์เจ้าค่ะ ข้าจะใส่กำไลไว้ตลอด”

นางสวมกำไลลงบนข้อมือ ความเย็นจากหยกแผ่ซ่านไปทั่วร่าง คล้ายม่านพลังบางเบาค่อยๆ ปกคลุมตัวนางไว้ นี่คือสิ่งเดียวที่สามารถปิดซ่อนมุกพลังจันทราได้ แต่ในขณะเดียวกัน… มันก็เป็นเครื่องเตือนใจว่านางต้องระวังตัวตลอดเวลา

นักพรตอี้เซียนพยักหน้าเบาๆ พลางทอดถอนใจ “จำไว้มู่หลิน… หากวันใดกำไลนี้แตกสลาย เจ้าจะ

ไม่มีที่ให้หลบซ่อนอีกต่อไป”

“ข้าจะดูแลกำไลให้ดีที่สุดเจ้าค่ะอาจารย์”

มู่หลินยกมือประสานคารวะอาจารย์อย่างนอบน้อม

ตั้งแต่นั้นมา มู่หลินก็เติบโตภายใต้การดูแลของนักพรตอี้เซียน นางเรียนวิชาปราบมาร ฝึกฝนทั้งศาสตร์แห่งพลังปราณและศิลปะการต่อสู้

นางร่าเริง สดใสดุจแสงจันทร์ในคืนสงบ แม้ว่าจะมีพลังพิเศษ แต่นางกลับมิได้ถือตัว และมักช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ

วันหนึ่งนางขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรในป่าลึก

มีหมอกขาวลอยละล่องปกคลุมมวลผืนป่านางมองเห็น เขาลูกหนึ่งสูงตระหง่านตัดกับท้องฟ้ายามพลบค่ำ

มู่หลินเดินอยู่ท่ามกลางสายลมที่อ่อนโยน นางมีอาวุธประจำตัว "ดอกโบตั๋นสะกดวิญญาณ" ไว้แนบตัว

“ป่านี้ไม่ธรรมดา ข้าได้กลิ่นความตายจากเหล่าปีศาจหมู่มาร” นางพึมพำกับตัวเอง

“ฟุบ!”

ร่างของบุรุษผู้หนึ่งตกลงมาจากหน้าผา พลังมหาศาลแผ่ออกมาจากตัวเขา แต่บาดเจ็บหนักเกินกว่าจะตั้งรับทัน เขาทรุดลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานไหลออกจากปาก

มู่หลินเบิกตากว้าง รีบก้าวเข้าไปใกล้ด้วยความตกใจ

"ท่าน! บาดเจ็บ"

บุรุษนั้นมีดวงตาสีแดง ใบหน้าคล้ำจากการฝึกอาคม แม้จะดูภายนอกแฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ร่างกายอ่อนล้าจากบาดแผล

อาภรณ์สีดำประดับด้วยลวดลายมังกรทองเผยให้เห็นว่าเขาหาใช่บุรุษธรรมดา

"ข้า..."

เขาขมวดคิ้ว ฝืนลืมตาขึ้นมามองนาง รู้สึกเหมือนเคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน แม้จะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางในอดีต แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นอย่างไร้เหตุผล

มู่หลินสัมผัสถึงบางอย่าง นางรู้สึกถึงความผูกพันประหลาดในใจ นางคุกเข่าลงพลางใช้พลังเยียวยาบาดแผลเขา

"เจ้าช่วยข้าทำไม..."

เขาเอ่ยขึ้น เสียงแหบพร่า

"ข้าไม่รู้เหตุผลหรอก แต่ข้าอยากช่วยท่าน คนจะตายต่อหน้าถ้าไม่ช่วยก็ใจดำเกินไป"

นางยิ้มอ่อนโยน

"บางที...เราอาจเคยรู้จักกันมาก่อน"

บุรุษผู้นั้นจ้องนางนิ่งงัน หัวใจเต้นกระหน่ำ นั่นคือการพบกันครั้งแรกของ "มู่หลิน" และ "ไป๋เทียนหลง"

แม้จะจำอดีตชาติไม่ได้ แต่โชคชะตาก็ขีดเส้นทางให้พวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้ง...ระหว่างเทพแห่งจันทราและเทพแห่งสงคราม

“ขอบใจเจ้ามาก… แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าใกล้ ข้า… ถ้าเจ้าอยู่ใกล้ข้า เจ้าจะไม่ปลอดภัย”

น้ำเสียงของไป๋เทียนหลงแหบแห้ง ฝืนพูดออกมา สายตาเศร้าหมองแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้

มู่หลินยืนข้างๆ เขา สายตาหวั่นไหว หัวใจเฝ้าแต่คำนึงถึงความทุกข์ทรมานที่เขากำลังเผชิญ

“บุรุษท่านนี้… ทำไมถึงมีกลิ่นมารแรงขนาดนี้… ร่างกายของท่านกำลังจะถูกครอบงำด้วยพลังมาร… ข้าไม่สามารถปล่อยท่านไปได้ ข้า… ข้าต้องช่วยท่าน”

มู่หลินพยายามเข้าหาเขา นางตั้งใจจะหาทางช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นจากพลังมารนั้น แต่มือของไป๋เทียนหลงขยับอย่างรวดเร็ว เขาออกเวทมารไอสีดำลอเหนือร่างมู่หลิน ทำให้นางสลบไปโดยไม่ทันตั้งตัว

ไป๋เทียนหลงกลับมายังหุบเขาจอมมาร ก็ได้พบกับจ้าวแห่งจอมมาร

“ไป๋เทียนหลง ข้าให้เจ้าไปหาธิดามารเจ้าได้ไปหรือไม่” เสียงของจ้าวแห่งจอมมารดังขึ้น พร้อมกับความกดดัน

“ท่านพ่อข้าตั้งใจจะไปหานางแล้ว แต่ข้าไปเจอกับเหล่ามารของฮั่วเทียนหลงก่อนจึงต่อสู้กันข้าได้รับบาดเจ็บจึงกลับมาก่อนไม่ได้พบนาง”

“ฮั่วเทียนหลง นี้ช่างกล้านัก มันคงไม่พอใจที่เจ้าต้องไปพบธิดามารจริงๆ ถึงทำร้ายเจ้า เจ้าไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว”

“ต่อจากนี้เจ้าจงฟังคำสั่งข้า เพราะข้าจะทำให้เจ้าเป็นจอมมารอย่างสมบูรณ์ หวังว่าเจ้าคงไม่ลืมที่จะล้างแค้นคนที่ทำให้แม่ของเจ้าต้องตาย”

ไป๋เทียนหลงย้อนคิดถึงอดีตที่แสนปวดร้าว หลังจากที่ออกจากจวนไป๋เซียง… เขากลายเป็นขอทาน ไม่ได้กินข้าวน้ำ ถูกรังแกจากผู้คนมากมาย เขาทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเหน็บ

หนทางเดินที่แสนยากลำบาก ต้องนอนกลางดิน ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ต้องอาศัยนอนพักในคอกหมูคอกวัวเพราะอย่างน้อยก็มีฟางให้ไออุ่นได้ ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรันทด และเจ็บปวดจนแทบจะหมดสิ้นกำลังใจ

แต่เขารู้ดี… ถ้าเขายังอยู่ในสภาพนี้ เขาคงไม่มีโอกาสได้แก้แค้นให้กับแม่

ย้อนไปวันที่ จ้าวแห่งจอมมารได้มองเห็นถึงความพิเศษในตัวเขา จึงยื่นมือมาชวนเขาฝึกวิชามาร เพื่อให้เขามีโอกาสแก้แค้นให้กับแม่…

ไป๋เทียนหลงต้องใช้เวลาฝึกวิชามารเกือบสิบปี กว่าจะสามารถควบคุมพลังมารได้จนถึงขั้นนี้ เขาฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ทั้งหมดเพื่อความแค้น และเพื่อตัวเขาที่ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel