บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 เงาแห่งอดีต

จวนไป๋เซียง...

แม่ทัพไป๋เฉิงหลง แม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งเมืองหย่งกง มีฮูหยินสองคน ซูเหม่ยหลานเป็นฮูหยินใหญ่ นางได้ให้กำเนิดบุตรชายชื่อไป๋เทียนหลง ทั้งสองแม่ลูกใช้ชีวิตในจวนอย่างโดดเดี่ยว เพราะคำใส่ร้ายของจ้าวหงหลิง ฮูหยินรองแห่งจวนไป๋เซียง

เมื่อครั้งที่แม่ทัพไป๋เฉิงหลงมีความรักในตัวซูเหม่ยหลาน แต่ทว่า นางกลับมีใจให้แก่ชายอื่นอยู่แล้ว ทว่า ด้วยคุณงามความดีจากการชนะศึกมาได้ จึงขอพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ เพื่อให้ซูเหม่ยหลานเข้ามาเป็นฮูหยินแห่งจวนไป๋เซียง

การแต่งงานจึงเป็นไปตามพระราชโองการโดยมิอาจขัดขืนได้ นางจึงต้องแต่งงานอยู่กินกับแม่ทัพไป๋เฉิงหลง

แต่ด้วยการที่แม่ทัพต้องออกไปทำสงครามบ่อยครั้ง จึงมีคนสร้างเรื่องขึ้นมาโดยอ้างว่า บุตรชายของซูเหม่ยหลานไม่ใช่บุตรแท้ของแม่ทัพ

แต่เป็นบุตรของคนรักเก่าของนาง ซึ่งทำให้แม่ทัพไป๋เฉิงหลงเกิดความไม่พอใจ ทุกครั้งที่มองเห็นบุตรของตน ก็รู้สึกเคียดแค้นในใจ ทำให้ไป๋เทียนหลงต้องกลายเป็นเด็กที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแท้ ๆ สองแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ในจวนอย่างขมขื่น

บรรยากาศยามเช้าในจวนไป๋เซียงเต็มไปด้วยความเงียบสงบและความเยือกเย็นที่แผ่กระจายไปทั่ว เสียงนกร้องดังแว่วมาจากที่ไกลๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นชื้นใต้แสงแดดอ่อนๆ ที่กำลังเริ่มฉายลงบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยหิมะ เสียงวิวาทดังมาจากห้องโถงใหญ่

“ไอ้ลูกชู้ เจ้ามาสิทธิ์อะไรมาแย่งของลูกข้า!”

จ้าวหงหลิงตะโกนต่อว่าไป๋เทียนหลงทันที

“ท่านแม่รองนี่มันหนังสือเรียนของข้า ไป๋หยางเซินต่างหากที่มาแย่งหนังสือข้า!”

“ต่อให้ไป๋หยางเซินแย่งจริง เจ้าก็ต้องให้เขา เจ้าก็แค่ลูกชู้อย่ามาถือดี!”

"เพี้ยะ!"

ฝ่ามือของซูเหม่ยหลานฟาดลงบนหน้าของจ้าวหงหลิงอย่างแรง

“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาว่าลูกข้าเป็นลูกชู้! ตลอดเวลาหลายปีเจ้าป่าวประกาศไปทั่ว เจ้านี่มันชั่วช้าสิ้นดี จ้าวหงหลิง!”

ซูเหม่ยหลานตอบกลับด้วยความโกรธ

“เจ้ากล้าตบข้า วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีที่อยู่ในจวนนี้!”

ทันทีที่จ้าวหงหลิงพูดจบ นางก็เหลือบไปเห็นแม่ทัพไป๋เฉิงหลงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางหยิบปิ่นปังผมที่อยู่บนศีรษะของซูเหม่ยหลานแล้วเอามือของเธอไปจับมันไว้ ก่อนวิ่งเข้าไปสร้างสถานการณ์ว่า ซูเหม่ยหลานพยายามใช้ปิ่นปักผมฆ่าตนเอง

“โอ๊ย... เหตุใดท่านจึงคิดฆ่าข้า?”

ปิ่นปักลงกลางอก เลือดไหลทะลักออกมาจ้าวหงหลิง ล้มลงไปฟุบกับพื้น เสียงร้องของนางทำให้แม่ทัพวิ่งมาที่เหตุการณ์ในทันที

“ซูเหม่ยหลาน! นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ทำไมถึงคิดฆ่าคนได้ขนาดนี้?”

“ข้าไม่ได้ทำ! นางแทงตัวเอง!” ซูเหม่ยหลานปฏิเสธทันที

“ท่านพ่อ ข้าเห็นท่านแม่ใหญ่แทงท่านแม่ของข้าจริงๆ” ไป๋หยางเซิน บุตรชายคนเล็กกล่าว

“ท่านพ่อ ท่านแม่รองแทงตัวเองจริงๆ ข้าเป็นพยานได้!”

ไป๋เทียนหลงรีบพูดแทรกเพื่อช่วยมารดา

“ที่ผ่านมาข้าไม่ใช่คนที่ท่านโปรดปรานอยู่แล้ว ท่านอยากเชื่ออย่างไรก็แล้วแต่ท่านเถิด!”

ซูเหม่ยหลานกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

“ข้าเห็นกับตาว่าเจ้าใช้ปิ่นของเจ้าแทงนาง! เจ้าจะปฏิเสธขาอย่างไร! เจ้าตอบข้าสิ!” เสียงตะโกนของแม่ทัพดังก้องไปทั่วจวน สีหน้าของเขาแดงก่ำ ใต้ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตาของความโกรธเกรี้ยว เขาไม่สามารถเชื่อได้ว่า หญิงผู้เป็นที่รักของเขาจะกล้าทำร้ายผู้อื่นถึงเพียงนี้

“เจ้าไปคุกเขาสำนึกผิดที่ลานโบตั๋น! ถ้าไม่สำนึกผิดเป็นตายอย่างไรก็ไม่ต้องเข้ามา... ไป๊!”

แม่ทัพสั่งเสียงเข้ม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้นและความเจ็บปวด

“ท่านพ่อ อย่าลงโทษท่านแม่เลย! ท่านแม่ไม่ได้ทำ!” เสียงของเด็กชายสิบขวบดังขึ้น น้ำเสียงอ้อนวอนด้วยความหวังที่จะช่วยมารดาให้พ้นจากการลงโทษ เขาร้องขอด้วยความน่าสงสาร

ซูเหม่ยหลานหันมองสามีด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ ทุกอารมณ์ที่เคยมีต่อเขาละลายหายไปในพริบตา สายตาของนางตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ไม่มีแม้แต่นิดเดียวของความรักที่เคยมีให้ เขาทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกทรยศ ซูเหม่ยหลานลุกขึ้น เดินไปยังลานโบตั๋นท่ามกลางหิมะตก

นางคุกเข่าลงหลายชั่วยามโดยมีบุตรชายคอยอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง

แม่ทัพยืนนิ่ง มองเห็นภรรยาของเขาทรมานต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดท่วมท้นในใจเขา เขายืนมองขอโทษไม่ได้ มือที่เคยเต็มไปด้วยการสัมผัสที่อบอุ่นในช่วงเวลาที่เคยเป็นสุข ตอนนี้กลับทำอะไรไม่ถูก

อากาศรอบข้างเริ่มหนาวเย็นลงเรื่อย ๆ หิมะตกหนักขึ้น ซูเหม่ยหลานรู้ดีว่าหากปล่อยบุตรชายอยู่กับนางแบบนี้ เขาคงจะไม่สบายเป็นแน่

“ป้าหวัง พาคุณชายใหญ่เข้าไปห้องก่อน”

ซูเหม่ยหลานกล่าวเสียงเบา แต่ยังคงคุกเข่าต่อไป

หิมะตกหนักจนแม่ทัพไม่สามารถยืนดูได้อีก เขากางร่มเดินไปหานาง หวังจะให้ภรรยาสำนึกผิดและกลับเข้าไปในจวน แต่ซูเหม่ยหลานกลับยืนกรานว่าไม่ได้ทำอะไร นางยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของตน

“เรื่องมาถึงขนาดนี้ยังไม่ยอมรับอีก เช่นนั้นเจ้าก็รับโทษต่อไป” แม่ทัพโกรธจัดจึงเดินจากไปอย่างเจ็บปวด

นางนั่งจนร่างกายอ่อนแรง ความหนาวเริ่มจับหัวใจจนไม่สามารถทนทานต่อไปได้ ร่างของนางเริ่มสั่นไหว และในที่สุด นางก็หมดสติไป

แม่ทัพรีบวิ่งเข้ามาอุ้มภรรยาของเขาเข้ามาในห้องนอนทันที เขาสั่งหมอมาดูอาการอย่างเร่งรีบ

“เดิมร่างกายของฮูหยินก็อ่อนแออยู่แล้ว เหตุใดจึงปล่อยให้ท่านไปตากหิมะแบบนี้ เกรงว่าจะอาการทรุดหนัก” หมอกล่าวพร้อมส่ายหน้า แสดงความกังวล

“พรุ่งนี้ฝากท่านแวะมาดูอาการของฮูหยินของข้าอีกครั้ง ขอเพียงแต่นางหายดี เท่าไหร่ ข้าจะยอมจ่ายทุกอย่าง”

แม่ทัพพูดด้วยเสียงสั่นเครือเต็มไปด้วยความร้อนใจ

ซูเหม่ยหลานอาการทรุดหนัก ร่างกายอ่อนแอใช้ชีวิตอย่างยากลำบากภายในจวน 3 ปีต่อมานางได้ล้มป่วยและจากไปไม่มีวันหวนกลับมา

“ท่านแม่ทำไมท่านทิ้งข้าไปไวถึงเพียงนี้ ท่านไม่รักข้าแล้วหรือ ท่านแม่”ไป๋เทียนหลงผู้เป็นบุตรชายร้องไห้กอดร่างที่ไร้ลมหายใจของมารดา

“คุณชายใหญ่หักห้ามใจเถิดเจ้าคะ ท่านแม่ของท่านไปสบายแล้ว”

“ที่ท่านแม่ต้องจากข้าไปเพราะท่านพ่อไม่ให้ความยุติธรรม ท่านพ่อใจร้าย ข้าเกลียดท่านพ่อ”

“ไอ้ลูกชู้เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเกลียดแม่ทัพ เจ้ามันลูกชู้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลของเรา”

“เจ้ามันคนเลวใส่ร้ายแม่ข้าสักวันฟ้าจะลงโทษคนอย่างท่าน”

ทันใดนั้นแม่ทัพไป๋ได้เดินเข้ามาได้ยินบทสนทนาเขาโกรธมากที่ไป๋เทียนหลงทำตัวก้าวร้าวแบบนี้

“เพี๊ย!”

เขาฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของไป๋เทียนหลงทันที

“ท่านพ่อ ข้าเจ็บ”

“พ่อหรือใครพ่อเจ้ากันแน่ ตอนข้าออกรบแม่เจ้าก็ตั้งท้องเจ้า น่าขันนักหากเจ้าเป็นลูกของข้า”

“ในเมื่อท่านแม่ของข้าไม่อยู่แล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ในเมื่อตระกูลไป๋ไม่ยอมรับข้า ข้าก็จะไปเอง”

“หากเจ้าออกไปไม่ต้องกลับมาอีก ตั้งแต่วันนี้ข้ากับเจ้าตัดขาดกัน เจ้าไม่ใช่ลูกข้า”

“ได้ตั้งแต่วันนี้เราขาดกัน สักวันข้าจะมาแก้แค้นให้กับแม่ของข้า พวกท่านต้องชดใช้”

“พี่ใหญ่ อย่าไปเลยอยู่กับข้าที่นี่”

ไป๋เยี่ยนบุตรสาวคนเล็กของจ้าวหงหลิง เข้ามาอยู่เคียงข้างพี่ชาย แม้จะคนละแม่แต่นางก็รักและเคารพไป๋เทียนหลงเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ

“ปล่อยข้า ...ข้าไม่ใช่พี่ชายเจ้า”

ไป๋เทียนหลงเดินออกจากตระกูลไป๋ตัวเปล่าไม่มีอะไรติดตัวมาแม้แต่น้อย เขากลายเป็นคนพเนจรอดมื้อกินมื้อ นอนในคอกหมูคอกวั; ต้องทนกับการรังแกของเด็กๆ แถวตลาด เขาใช้ชีวิตแบบนี้ไปวันๆ จนมาเจอกับจ้าวแห่งจอมมาร ชีวิตเขาต่อจากนี้จะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel