มลทินของตระกูล! - 2
จวนสกุลเหยียน
ม่านฟ้าสีเทาหม่นปกคลุมทั่วท้องนภา เมฆลอยอ้อยอิ่งประหนึ่งจะร้องไห้ตามความรู้สึกของหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่ถูกขับไล่ออกจากจวนอย่างไม่ปรานี
เมิ่งซีถูกนำตัวกลับมาที่จวนสกุลเหยียนก่อนฟ้าสางเรือนหนึ่ง นางยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าก็ถูกจับโยนลงบนพื้นลานหน้าเรือนหลัก ขาทั้งสองอ่อนแรงจนลุกแทบไม่ขึ้น ร่างกายระบมเต็มไปด้วยรอยแดงช้ำจากคืนที่ถูกเหยียบย่ำ
เสียงฝีเท้าดังกราวจากปลายทางของระเบียงไม้ เหยียนซูหนิงในชุดผ้าแพรสีชมพูอ่อนเดินตรงเข้ามา ท่าทางร้อนรนแต่ในแววตามีรอยยิ้มแฝงไว้
"ท่านพ่อเจ้าคะ!"
นางโผเข้าไปคุกเข่าเบื้องหน้าบิดา ใต้เท้าเหยียนอวี้เจิ้งเดินออกมาจากเรือนด้วยสีหน้าขรึมจัด มือหนึ่งถือพัด อีกมือไขว้หลัง
"เกิดอันใดขึ้น เหตุใดจึงลากเมิ่งซีมาตรงนี้?"
"ลูกเพียงทนไม่ได้เจ้าค่ะ เมิ่งซี...เมิ่งซีล่วงเกินท่านอ๋องหย่งอัน! ผู้คนต่างเรียกท่านว่าอ๋องปีศาจ! หากเขาโกรธขึ้นมาเราจะต้องเดือดร้อนกันทั้งตระกูล!" นางแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เสียงฮือฮาจากบ่าวไพร่ดังแว่วขึ้นในลาน ตาใต้เท้าเหยียนเบิกกว้าง ดวงหน้าเครียดขึ้งแทบระเบิด
"เจ้าว่าอะไรนะ? ล่วงเกินอ๋องหย่งอัน?"
"ขะ..ข้า ฟังข้าก่อน ข้าไม่รู้ไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง" เมิ่งซีพยายามพูด น้ำเสียงแหบแห้งจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง
"เจ้าไม่รู้! เจ้าทำให้ข้าขายหน้า! บุตรสาวไร้ยางอาย! ข้าควรฆ่าเจ้าให้ตายเสียตรงนี้!"
ใต้เท้าผู้เป็นบิดาก้าวเร็วเข้ามา ฟาดพัดไม้ในมือใส่บ่าของนางอย่างแรง เขาหันไปตวาดใส่บ่าวรับใช้ให้รีบไปหยิบของมา
"นำแส้มา!"
เมิ่งซีลอบกัดฟัน เงยหน้าขึ้นมองตาบิดาแม้ดวงตาจะพร่ามัว ต่อให้นางพยายามหยัดกายสู้ แต่ร่างกายของนางก็อ่อนแรงจนไม่อาจต้านทานแรงบ่าวชายที่จับตัวนางไว้
"ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร..."
"เจ้าคือมลทินของตระกูล! เดิมทีก็ไร้ประโยชน์ เป็นลูกของอนุที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่มีวันเจริญ! หากไม่เพราะเจ้า...ข้าคงไม่ถูกชาวบ้านครหา!"
เซี่ยะ!เซี่ยะ! เซี่ยะ!
แส้หนังเส้นใหญ่ฟาดลงบนแผ่นหลังของหญิงสาว ผิวหนังปริแตกเป็นทางยาว เลือดซึมออกมาช้า ๆ นางกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมเปล่งเสียงร้องแม้แต่น้อย
"ข้า...ไม่ผิด..." เมิ่งซีเอ่ยแผ่วเบา ดวงตาสั่นระริก
"เจ้าจะเถียงข้ารึ!?" เสียงตวาดก้อง
เซี่ยะ!เซี่ยะ!เซี่ยะ!
ขณะนั้นเอง อนุฉินและบ่าวรับใช้ของนางก็รีบวิ่งออกมาดูลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
"นายท่าน ได้โปรดเถอะเจ้าค่ะ! อย่าทำร้ายซีเอ๋อร์เลย"
อนุฉินคุกเข่าต่อหน้าสามีทั้งน้ำตานองหน้า
"เจ้ามาก็ดี มาดูสิ่งที่ลูกสาวของเจ้าทำ ช่างอัปยศยิ่งนัก รีบลากนางออกไปจากจวนของข้า แล้วตัดนางออกจากสกุลเสียแต่วันนี้ อย่าให้เสนียดจากตัวนางมาแปดเปื้อนจวนของข้า!"
คำสั่งเด็ดขาดของผู้เป็นใหญ่ในจวน ทำให้สตรีในจวนต่างก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ
"นายท่าน อย่างน้อยก็ให้นางได้พักสักคืนก่อนจะออกจากเรือน! ข้าน้อยไม่เคยเอ่ยขออะไรจากนายท่านเลย ครั้งนี้ได้โปรดฟังคำขอของข้าน้อยด้วยเถิดเจ้าค่ะ" อนุฉินกล่าวอย่างอ้อนวอน
"พัก? พักเพื่อให้นางสร้างเรื่องอีกหรืออย่างไร! ข้าจะไม่ให้นางนำของสกุลเหยียนไปแม้แต่เส้นด้ายเส้นเดียว!"
"เมิ่งซีเจ้าไม่มีความละอาย คิดว่าตัวเองปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องแล้วจะเป็นหญิงผู้สูงศักดิ์ได้อย่างนั้นรึ?! ช่างน่าขันยิ่งนัก" เสียงพี่ชายต่างมารดากล่าวเสริมจากอีกมุม
"พ่อบ้านเหอ! พ่อบ้านเหออยู่ไหน"
"บ่าวมาแล้วขอรับนายท่าน" เพียงครู่เดียวบ่าวชายสูงวัยก็รีบวิ่งมาโค้งกายต่อหน้าเสนาบดีคลังผู้เป็นนาย
"เจ้าไปดำเนินการตัดสตรีชั่วช้านางนี้ออกจากตระกูล! ต่อจากนี้ชื่อของนางไม่เกี่ยวข้องกับสกุลเหยียนอีกต่อไป!"
พ่อบ้านที่ดูจะเอ็นดูนางเอกถอนใจเบา ๆ
"ขอรับนายท่าน ขอให้นายท่านเมตตาให้คุณหนูสามพักที่เรือนอนุฉินอีกคืนก่อน ขืนไล่นางออกไปยามนี้เกรงว่าชาวบ้านจะซุบซิบนินทาได้ สุดท้ายคงไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงสกุลเหยียนที่สั่งสมมานาน"
พ่อบ้านรู้ดีว่านายท่านผู้นี้รักหน้าตายิ่งกว่าสิ่งใด เขาเองก็คงช่วยคุณหนูน้อยได้เพียงเท่านี้
"หึ...เอาเถอะ เพียงหนึ่งคืน แล้วอย่าให้ข้าเห็นหน้าอีก!" ใต้เท้าเหยียนหันไปชีหน้าเมิ่งซีด้วยความไม่พอใจ
"ซีเออร์...ต่อไปนี้ลูกก็เปลี่ยนไปใช้แซ่ฉินเถอะ"
อนุฉินหันมาพูดกับลูกสาว เมิ่งซียังไม่ทันได้ตอบอะไรเสียงของใต้เท้าเหยียนก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน
"จะเปลี่ยนเป็นอะไรข้าก็ไม่สน! แต่อย่าใช้แซ่เหยียนอีก!" ใต้เท้าเหยียนสะบัดชายแขนเสื้อแล้วเดินกลับเข้าเรือนไป
ท่ามกลางฝนที่โปรยลงมา สายตาทุกคู่มองร่างบอบบางที่เปื้อนเลือดและโคลนอย่างเย้ยหยัน…
ไม่มีใครรู้เลยว่า...เด็กสาวที่ถูกผลักไสออกจากตระกูลในวันนี้ จะกลายเป็นคนที่พวกเขาต้องคุกเข่าขอร้องในวันหน้า...
อนุฉินผู้เป็นมารดา ยังคงประคองลูกสาวอย่างเงียบงัน นางกล้ำกลืนหยาดน้ำตาไว้ในอก มือที่สั่นระริกยังพยายามซับเลือดบนแผ่นหลังของบุตรสาวเบา ๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนบาง ข้างกายมีหยวนอีและเสี่ยวซือคอยช่วยเหลือด้วยดวงตาแดงก่ำ
เมื่อรอจนทุกคนลับสายตา อนุฉินก็เงยหน้าขึ้นมองพ่อบ้านเหอที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยสายตาอ้อนวอน
"พ่อบ้านเหอ…คิดว่าท่านคงรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือใคร ข้าขอร้องท่าน ช่วยจัดการเอกสารการย้ายถิ่นฐานของซีเอ๋อร์ด้วยเถอะเจ้าค่ะ นางไม่มีที่ไปอีกแล้ว"
พ่อบ้านเหอแม้จะเป็นข้ารับใช้แต่ก็อยู่กับสกุลเหยียนมายาวนาน ผ่านร้อนผ่านหนาวกับท่านผู้เฒ่า พอเห็นอนุฉินเอ่ยเช่นนั้นก็เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะถอนหายใจยาว
"คุณหนูสามเดิมทีเป็นเด็กดี เพียงแต่สวรรค์ไร้เมตตา"
เขาพึมพำเบา ๆ แล้วหันไปมองรอยแผลบนแผ่นหลังของเมิ่งซีที่ถูกนายท่านเหยียนใช้แส้ฟาดลงเต็มแรง สีหน้าเคร่งขรึมของเขาสะท้อนความรู้สึกที่ไม่อาจกล่าวออก
"..."
"ข้าจะจัดการให้ แม้จะไม่อาจเอ่ยปากค้านนายท่านได้ แต่ข้าก็ยังมีสิทธิ์จัดการสำมะโนครัว เรื่องเอกสารการย้ายถิ่นฐานท่านก็ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะจัดการให้ทั้งหมด"
"ขอบคุณพ่อบ้านเหอ"
"แต่อย่าได้บอกผู้ใดว่าเป็นข้าเป็นคนจัดการ ข้าแก่แล้ว ไม่อยากตายโดยไร้หลุมฝังศพ"
"เจ้าค่ะ ข้ารับปาก"
ความหมายของคำว่า ก่อนฟ้าสางเรือนหนึ่ง
? "เรือนหนึ่ง"
“เรือน” ในที่นี้คือ หน่วยเวลาแบบจีนโบราณ
1 วันมี 12 ยาม → 1 ยาม = 2 ชั่วโมง
ดังนั้น “เรือนหนึ่ง” ก็คือ ช่วงเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
เมื่อใช้ว่า “ก่อนฟ้าสางเรือนหนึ่ง” แปลว่า:
❝ก่อนถึงเวลาฟ้าสางประมาณ 1 ยาม หรือ 2 ชั่วโมง❞
→ อาจเท่ากับช่วง ตี 3 - ตี 5
