ตอนที่ 4
นายตำรวจหนุ่มเผลอมองบริเวณชั้นจัดแสดงด้านล่างอย่างชื่นชม ห้องเล็กห้องน้อยที่แตกแยกออกไปเล่าและยังด้านบนอีกจะมีอะไรตื่นตาตื่นใจได้มากกว่านี้หรือไม่ สายตาละจากสถานที่มามองต้นเหตุแห่งความน่าสะพรึงกลัวตามคำบอกเล่า นางอัปสรจำแลงทั้งสามนางนั้นจะดูคล้ายคลึงกับมนุษย์มากก็ตามที แต่ทั้งสามนางนั้นก็ยังเป็นหินศิลาแลงแกะสลักไม่ได้มีชีวิตออกมาร่ายรำหรือจะกินเลือดกินเนื้อตามที่เหล่าโจรพร่ำเพ้อได้
นายตำรวจจดบันทึกคดี คาดการณ์ว่าจะสรุปเรื่องราวพร่ำเพ้อด้วยทั้งสี่โจรนี้ประสาทหลอน อาจเกิดจากการใช้ยาเสพติดเกินขนาดทำให้เห็นนางอัปสรจำแลงนี้มีชีวิตขึ้นมาได้ แม้ใจจริงก็ออกจะเชื่อในเรื่องที่สี่โจรนี้เล่าอยู่มากก็ตามแต่จะให้จดบันทึกคดีลงไปแบบนั้นก็คงจะไม่ได้ วิถีทางใดที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ การให้น้ำหนักทางคดีความก็คงไม่ได้เช่นกัน
ติ๊ด...ติ๊ด....ติ๊ด....
เสียงโทรศัพท์มือถือด้านในกระเป๋ากางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลทองดังขึ้นเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าคมเข้มนั้นได้ในทันที แม้จะยังไม่เห็นว่าผู้ใดหรือใครกันที่โทรเข้ามา แต่ชายหนุ่มนั้นสัมผัสได้ถึงกระแสไออุ่นของความรักและความห่วงใยที่ผสมผสานปะปนมากับสิ่งที่เชื่อมต่อทางเทคโนโลยีนั้น เจ้าของเรือนร่างสูงสง่าแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามแห่งชายชาตรียืดขึ้นเต็มความสูงหลังจากยึดเอาผนังห้องโถงเอนกายพักพิงยืนดูเหล่าตำรวจพิสูจน์หลักฐานที่คาดว่าอาจจะพอหาได้จากแกลอรี่ของเขา ความน่าเบื่อที่ปรากฏอยู่ในสีหน้าถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นในทันที
“ผมขอตัวแป๊บนึงนะครับ แฟนผมโทรมา”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวขอเวลากับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่พากันถอนหายใจทันทีที่ชายหนุ่มเดินลับหายไปทางด้านหลังห้องโถง เพราะยิ่งมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแต่ทว่าดูมีอำนาจในตัวมายืนจ้องมองการทำงาน ยิ่งทำให้ตำรวจหนุ่มออกจะเกร็งๆ เสียด้วยซ้ำไป
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“............”
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“............”
“ว่าไงจ๊ะที่รัก เป็นห่วงเขาเหรอ”
“บะ... บ้า! ใครเป็นที่รักของนาย”
“อ้าว! ทับทิมเหรอ ก็เห็นโทรมาแล้วไม่พูด เลยคิดว่า...โทรมา”
“ใคร! นายคิดว่าใครโทรมา บอกมาเดี๋ยวนี้นะ หรือว่านายซ่อนใครอยู่”
น้ำเสียงกราดเกรี้ยวที่แว้ดใส่ แม้จะรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงยั่วเย้าอันเป็นบุคลิกประจำตัวของใครคนนั้นไปเสียแล้วและจะเป็นเฉพาะกับเธอคนเดียวเท่านั้น เพราะในสายตาของคนอื่นนั้นบุรุษนี้เพียบพร้อมไปด้วยคุณลักษณะที่บุรุษเพศพึงมี ทั้งสง่างาม หล่อเหลา สุขุม นิ่ง ขรึม สมเป็นหัวหน้าภาคหมวดโบราณคดีของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทั้งยังรั้งตำแหน่ง 50 หนุ่มโสดชวนฝันแห่งปีของหนังสือหัวนอกชื่อดัง แต่กับเธอเจ้าทับทิมน้อยกลับเห็นว่าตานี่กวนโมโหสุดๆ ทะลึ่งทะเล้นไปได้ทุกที่ทุกที ขนาดเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ยังจะอดกวนโมโหไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเจ้าของน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ตอบกลับมานั้นพูดเล่น แต่แววหวั่นไหวที่ปรากฏในดวงตาคู่งามและหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะยังฟ้องออกมาอีกจนได้ว่า..อย่าได้เป็นเช่นนั้นจริงเลย
“ทับทิม...พี่พูดเล่น ไม่เป็นไรนะ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยออกมาเมื่อรับรู้ได้ถึงหัวใจที่สั่นไหวของคนปลายสาย ทำให้อดที่จะสงสารเจ้าคนแสนงอนไม่ได้ ทะโมน รั้น เอาแต่ใจ พูดไม่เพราะ แต่ก็ยังรัก รักที่ฝังใจเนิ่นนานจากอดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ แม้เจ้าคนแสนงอนนั้นจะไม่รับรู้ในเรื่องที่ผ่านมา แต่องค์นาคาหนุ่มนั้นรับรู้ได้ทุกอณูเนื้อตัวตนแลจิตวิญญาณว่าหัวใจดวงนี้ถูกจับจองโดยเจ้าคนแสนงอนนั้นเอง มิมีทางที่พี่จักเป็นอื่น พี่รักแต่เจ้าทับทิมน้อยเพียงนางเดียว
“อืม...ดูข่าวอยู่...”
เจ้าคนแสนงอนแตะปลายจมูกแดงระรื้นด้วยกลั้นก้อนสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เผยความห่วงใยแผ่ออกมา เจ้าคนแสนงอนก็อดที่จะรื้นน้ำตาขึ้นมาดื้อๆ ไม่ได้ ความห่วงใยเมื่อได้เห็นข่าวมีมากเสียจนอดไม่ได้ที่จะโทรถาม น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่อยากได้ยินทุกเมื่อเชื่อวันนั้นเล่า แรงกระตุ้นภายในหัวใจมีมากกว่าความนึกคิดที่ร้องเตือนนิ้วมือน้อยๆ ไม่ให้กดโทรศัพท์ถามไถ่
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ทางนี้ไม่มีอะไรหรอก พี่ไม่เป็นไร...”
บรรยากาศกรุ่นละมุนไปด้วยความรักแผ่กำจายรอบสองดวงใจ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทุกอณูเนื้อ รอยยิ้มอบอุ่นตะแต้มประพิมประพายบนใบหน้าสง่างาม แววตาเปี่ยมรักเหม่อมองทะลุผ่านผนังห้องแกลอรี่ที่ปรากฏเป็นม่านสั่นไหว เจ้าทับทิมน้อยนั่งเอกเขนกบนเตียงนอนใหญ่ในห้องนอนสีหวานแหววโทนชมพู สาวน้อยบอบบางในชุดเสื้อยืดคอปาดสีเหลืองนวลช่วงอกไล่ระบายผ้าใยบัวพริ้วไหว ด้านบนจับจีบประดับด้วยไข่มุกเม็ดเล็กร้อยเรียง กางเกงขาสั้นสีขาวตัวจิ๋วเผยช่วงขาเรียวเล็กไร้ไขมัน ใบหน้ารูปไข่ภายใต้กรอบเส้นผมซอยสั้นยาวระต้นคอ ดวงตากลมโตสุกใสซุกซนล้อมกรอบด้วยแพขนตางามหนาดุจดวงตาของลูกกวางตัวน้อยๆ จมูกโด่งปลายรั้นน้อยๆ เอาแต่ใจ
ริมฝีปากให้สีชมพูระเรื่อโดยไม่แต่งแต้มเครื่องสำอางใดแย้มยิ้มเล็กน้อยด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในรัก เจ้าของร่างบางนั่งพิงพนักเตียงใหญ่มีหมอนสีชมพูสดใบโตกอดอยู่ที่อก นิ้วมือน้อยๆ เขี่ยปลายผมที่ยาวละแก้มไปมาด้วยความเขินอาย อีกมือหนึ่งยังคงถือโทรศัพท์ค้าง ความเงียบที่เข้าปกคลุมแต่ไม่เหงาใจเพราะสัมผัสแห่งความรักที่สื่อถึงกันนั้นไม่ต้องมีคำใดเอื้อนเอ่ย..ความรักจักสัมผัสซึ่งกันและกันเอง
