บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

เรื่องราวพญานาคขนาดต้นซุงที่ตวัดหางไล่ต้อนพวกมันจนจนมุมนั้น พร่างพรูออกจากปากนักโจรกรรม ทุกคนพร่ำเพ้อด้วยความหวาดกลัวจนเหมือนคนเสียสติ สุดท้ายที่พำนักของพวกมันเหล่านั้นหาใช่เรือนจำแต่กลับกลายเป็นโรงพยาบาลบ้าแทน และครั้งนี้ก็คงจะเหมือนกันอีกครา แต่แตกต่างกันที่ว่าผู้ที่สี่โจรต่างหวาดกลัวและพร่ำเพ้อขวัญผวานั้นกลับกลายเป็นนางอัปสรขนาดเท่าคนจริงทรงเครื่องศิลปะเขมรดูงดงามเสมือนมีชีวิต ทั้งสามนางนั้นตั้งท่าร่ายรำอยู่มุมด้านหน้าประตูเข้าสู่แกลอรี่

ตำรวจหลายนายเข้าตรวจตราในพื้นที่ ทั้งตรวจรายนิ้วมือ จดบันทึกคำบอกเล่าหรืออาจจะเรียกว่าคำพร่ำเพ้อของสี่ผู้ต้องหาก็ได้ เพราะนายตำรวจหนุ่มจดบันทึกไปก็เกาศีรษะแกรกๆ ไปมาแบบงงๆ ไม่รู้จะบันทึกอย่างไร สายตาตำรวจหนุ่มแม้จะดูงงๆ กับคำให้การแต่ทว่าแววตาหวาดๆ ที่เผลอมองไปที่เหล่านางอัปสรนั้นก็รีบหลุบลงต่ำด้วยกลัวว่าคำบอกเล่าของผู้ต้องหาจะเป็นจริง สายตาหวาดๆ ยังมองไปยังเพื่อนร่วมอาชีพสองนายที่ก้มๆ เงยๆ สำรวจตรวจตรานางอัปสรทั้งสามนางนั้นด้วยอาการแขยงๆ ชอบกลเหมือนประหนึ่งว่าเพื่อนร่วมอาชีพทั้งสองนายนั้นไม่กลัวในสิ่งที่พวกโจรหวาดกลัวหรือยังไงกัน

ตำรวจสองนายก้มๆ เงยๆ ตรวจดูรอบๆ นางอัปสรที่สร้างขึ้นตามแบบศิลปะเขมร วัสดุที่สรรสร้างนั้นเป็นศิลาแลงแกะสลักแต่ทว่าลวดสายลายเส้นแต่ละโค้งแต่จะจุดนั้นงดงามอ่อนช้อยประดุจนางอัปสรทั้งสามนางนั้นเสมือนมีชีวิตจริง ยิ่งเจ้าของร้านสั่งทำเครื่องประดับต่างๆ เป็นเครื่องทองตามแบบศิลปะเขมรนำมาสวมใส่ให้แต่ละนาง ก็ยิ่งทำให้ทั้งสามนางนั้นดูโดดเด่นอยู่ในมุมที่จัดจำลองการร่ายรำเอาไว้เสมือนถิ่นที่อยู่นี้เป็นขอบเขตแห่งนาง

นายตำรวจทั้งสองนายสำรวจตรวจตราโดยรอบอยู่นานแต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดสังเกตใดที่จะเป็นไปตามที่ทั้งสี่โจรนั้นกล่าวอ้างเลยสักนิด

แกลอรี่วัตถุโบราณนำสมัยที่จัดแปลนแสดงโชว์สินค้าได้เหมาะเจาะ เจาะจงทำให้มุมต่างๆ เหมือนเป็นที่ประทับหรือที่สิงสถิตของของล้ำค่านั้นจริงๆ มุมด้านหน้าทางเข้าสู่แกลอรี่ทางด้านซ้ายมือจะสามารถมองเห็นนางอัปสรร่ายรำในฉากเบื้องหลังก่อจากหินศิลาแลงจำลองไม่ทราบได้ว่าเป็นวัสดุใดแน่ชัดแต่พื้นผิวที่ดูได้ด้วยตาเปล่าเสมือนจำลองเอาด้านหน้าปราสาทพนมรุ้งมาตั้งอยู่ เมื่อมีนางอัปสรทั้งสามนางร่ายรำให้เสมอเหมือนทั้งสามนางนั้นร่ายรำบูชาให้แห่งองค์ราชันแห่งนาง

ทางด้านซ้ายมือจัดทำเป็นฉากป่าหิมพานต์จำลองสวนสวยที่ตกแต่งอ่างน้ำขนาดใหญ่ทำน้ำตกจำลอง ธารน้ำที่ไหลออกมานั้นสีเหมือนไข่มุกขาวอมชมพู ในน้ำนั้นเล่าเจ้าปลาคาร์ฟว่ายวนหลายคู่แต่ที่เด่นสะดุดตาที่สุดดูเหมือนจะเป็นเจ้าของร่างน้อยบอบบางทั้งสองนาง หญิงสาวสองนาง นางหนึ่งนั้นนั่งอยู่บนโขดหินจำลองปล่อยข้อเท้าน้อยๆ อ้อยอิ่งอยู่ในธารน้ำตก มือบางลูบไล้ปลายผมที่ดูเสมือนเปียกลู่น้ำอย่างบางเบา

อีกนางหนึ่งนั้นนั่งแช่อ้อยอิ่งอยู่ในธารน้ำ ครึ่งตัวด้านบนในกิริยาเพิ่งโผล่พ้นน้ำ หยาดน้ำประปรายยังเป็นละอองเกาะอยู่ตามใบหน้านวลนัยน์ตาหลับพริ้มซึมซับกับความชุ่มช่ำของสายน้ำ ร่างบอบบางเหนือน้ำเผยให้เห็นสัดส่วนที่งดงามสมค่าสตรีนางกินนรี เครื่องทรงลวดลายทองถักจำลองช่างงดงามจับตา ด้านข้างของโขดหินปรากฏมีปีกหางของสองนางวางพักไว้

แม้เพียงมองสำรวจก็ทำให้จิตใจนายตำรวจหนุ่มอดที่จะเต้นรัวไม่ได้เพราะทั้งสองนางนั้นเหมือนมีตัวตนจริงๆ ร่างบางอรชรเรียกสีหน้าซับโลหิตด้วยความเขินอายในความคิดของตนได้ในทันที นายตำรวจหนุ่มเสมองไปทางอื่นแต่ก็อดที่จะชำเลืองมองมายังสองนางอีกครั้งไม่ได้

กลางโถงใหญ่ชิดมุมด้านในสุดเป็นที่ประดิษฐ์สถานของพระพุทธรูปนาคปรกปางสมาธิศิลปะแบบสมัยเมืองละโว้มูลเหตุที่ทำให้ทั้งสี่โจรนี้ลอบเข้ามา องค์พระพุทธรูปโบราณประดิษฐ์สถานใต้ต้นจิกจำลองเสมอเหมือนเมื่อครั้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่พระองค์ท่านได้ตรัสรู้แล้วพระองค์ท่านได้แปรที่ประทับเพื่อเสวยวิมุติสุขยังสถานที่ต่างๆ

ในสัปดาห์ที่สามขณะที่พระพุทธองค์ทรงประทับ ณ ต้นจิก ได้บังเกิดมีฝนและลมหนาวตกพรำตลอดทั้งเจ็ดวันไม่ขาดสาย องค์พญานาคชื่อว่า “มุจลินท์” ได้ขึ้นจากสระน้ำที่อยู่ในบริเวณแห่งเดียวกันนี้เข้าไปวงขนด 7 รอบ และแผ่พังพานปกพระพุทธเจ้า เพื่อป้องกันลมฝนมิให้พัดและสาดกระเซ็นมาต้องพระวรกาย ครั้นเมื่อฝนหายฟ้าสางพญานาคท่านจึงได้คลายขนดออกแล้วจำแลงร่างเป็นเพศมาณพหนุ่มยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าทางเบื้องพระพักตร์

การจำลองต้นจิกใหญ่ให้คล้ายต้นไม้จริงแม้แต่เปลือกไม้ รากไม้ ยังจำลองได้เหมือนจริง อีกทั้งใช้เทคนิคพิเศษในด้านแสงสี ใช้ไฟให้สีอบอุ่นฉายไปด้านหน้าองค์พระพุทธรูปเป็นภาพสไลน์พญานาคแปลงกายเป็นมานพหนุ่มให้เป็นรูปโปร่งใสของบุรุษผู้สง่างามยืนสำรวมอยู่เบื้องหน้าองค์พระพุทธรูป ทั้งการจัดสถานที่ ภาพ แสง สี ล้วนช่วยเน้นให้เห็นจริงในสิ่งที่ปรากฏมากยิ่งขึ้น

ด้านหน้าแต่ละโซนจัดแสดงนั้นจะมีป้ายไม้ฉลุกรอบสวยงามแสดงข้อความบรรยายที่มาที่ไปของแต่ละโซนที่จำลองเหตุการณ์นั้นๆ ไว้ ช่องว่างระหว่างแต่ละโซนจะมีมุมรับแขกเป็นโต๊ะไม้สักฝังมุกสำหรับให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจเข้าชมได้นั่งพักผ่อนดื่มด่ำกับสถานที่จำลอง แกลอรี่แห่งนี้จึงคล้ายพิพิธภัณฑ์จำลองที่ดูทันสมัยแต่ก็แสดงตัวตนของศิลปะแต่ละแขนงได้อย่างงดงามสมจริง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel