7
เสียงลมยามเย็นพัดผ่านหน้าบ้านหลังใหญ่จนกะเพราต้องยกมือปัดปอยผมที่ปลิวเข้าหน้า เธอเอียงคอ มองบานประตูไม้เรียบหรูตรงหน้าอย่างลังเล
กะเพราเดินมาถึงหน้าบ้านในตอนเย็น ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอมชมพู เสียงจั๊กจั่นจากสวนหน้าบ้านดังคลอไปกับลมอ่อน ๆ เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่ใช้ประจำ วันทั้งวันเธอเหนื่อยจนแทบไม่มีแรง แต่สิ่งเดียวที่อยากทำตอนนี้คือเข้าไปอาบน้ำแล้วล้มตัวลงบนเตียง
ทว่า…กุญแจหายไปไหน?
กะเพราล้วงหาในกระเป๋า แต่ก็พบความจริงอันน่าปวดใจ ไม่ได้พกกุญแจมาด้วยเธอล้วงซ้าย ล้วงขวา พลิกกระเป๋าเขย่าเบา ๆ เสียงเหรียญกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง แต่ไม่มีเสียงโลหะของพวงกุญแจตามมา กะเพราขมวดคิ้ว
“ไม่นะ…อย่าบอกนะว่าลืมไว้ในบ้าน”
เธอถอนหายใจ ก่อนจะกดโทรศัพท์หาคนเดียวที่พอพึ่งได้ตอนนี้ ด้วยความจำใจ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเขา เสียงรอสายดังอยู่สองสามวินาทีก่อนที่ปลายสายจะรับ
“เพรา มีอะไรหรือป่าว อย่าบอกว่าคิดถึงพี่ขึ้นมาจะมาอ้อนให้ไปรับใช่ไหม“ เสียงทุ้มของเบนดังมา ฟังดูเร่งรีบแฝงความวุ่นวาย
“คือ…ไม่ใช่อย่างพี่เบนคิดเลย เพรามาถึงบ้านแล้ว แต่เพราก็ไม่ได้หยิบกุญแจมา…” เธอพูดเสียงแห้ง ๆ
“คุณพ่อคุณแม่พี่ก็ไม่อยู่ พี่มะลิ ป้านวลก็ไม่อยู่ เพราเลยเข้าบ้านไม่ได้ค่ะ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบ
“แล้ว” น้ำเสียงเขาเรียบนิ่งแต่ฟังชัดเจน
“เธอเป็นคนลืม ไม่ให้แก๊ปวิ่งไปส่งให้หรอก”
กะเพรานิ่งงัน หัวใจของกะเพราหล่นวูบ
“เอ้า… แล้วเพราต้องทำยังไงคะ ”
“ก็เฝ้าหน้าบ้านไปก่อนไม่งั้นก็นั่งรถมาหาพี่ที่ออฟฟิศ” เบนพูดรวดเร็ว “เพรามาหาพี่ที่ออฟฟิศแล้วกัน ถึงแล้วก็โทรมา จะรีบลงมารับหน้าตึก”
ปลายสายตัดไปทันที ราวกับเขาไม่มีเวลาฟังข้อโต้แย้งของเธออีกแล้ว
กะเพราเม้มปาก เธอไม่อยากรบกวนเขา แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“งั้น… ได้ค่ะ เพราจะให้แก๊ปไปเอากุญแจที่พี่นะคะ”
”ไม่ได้คร้าบ“ เบนลากเสียงยาวแบบกวนๆของเขาแล้ววางสายในทันที
หลังวางสาย เธอมองบ้านเงียบงันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหมุนตัวเดินออกมา ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างแล่นเข้ามาในใจเหมือนมีบางสิ่งกำลังรอเธออยู่ที่ออฟฟิศของเบน
แต่ไม่ใช่ความกลัว…มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
กะเพราถอนหายใจยาว มองประตูบ้านที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวแต่กลับเข้าไปไม่ได้ เธอเก็บของและเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าอย่างเหนื่อยล้า
ระหว่างยืนรอขบวนรถ ลมเย็นปะทะหน้าเบา ๆ เสียงรถไฟฟ้าที่กำลังจะเข้าชานชาลาดังก้อง เธอคิดถึงคำพูดของพี่เบนอย่างขุ่นใจเล็กน้อย ก็แค่ให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างเอามาให้ ไม่เห็นจะยาก… แต่สุดท้ายก็ได้แค่บ่นในใจ เพราะทางเลือกเดียวตอนนี้คือไปเอากุญแจด้วยตัวเอง
เมื่อรถไฟฟ้าเคลื่อนออกจากสถานี กะเพรานั่งลงอย่างหมดแรง มองเมืองที่ไหลผ่านไปด้านนอก
หน้าต่างพร้อมกับความคิดมากมายที่ตีกันยุ่งในหัวที่ทำให้เธอหงุดหงิดกว่าเดิมหรือดีขึ้นสักนิดกันแน่…
แสงไฟสีส้มอ่อนจากโถงออฟฟิศสะท้อนบนผิวกระจกใสขนาดใหญ่ กะเพราก้าวเข้ามาอย่างเกรง ๆ แม้ที่นี่จะเป็นที่ทำงานของเบนซึ่งเธอเคยผ่านมานานแล้ว แต่บรรยากาศยามเย็นที่ผู้คนทยอยกลับทำให้ที่นี่ดูเงียบกว่าปกติ
เธอกำลังกวาดตามองไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ทว่าเสียงคุ้นเคยกลับดังมาจากอีกมุมหนึ่งก่อน
“เพรา”
กะเพราหันไป ก่อนจะเห็นเบนเดินมาหาในชุดสูทที่ผูกเนกไทหลวม ๆ เหมือนเพิ่งออกจากห้องประชุม ท่าทางของเขาดูรีบเร่งแต่แฝงความห่วงใยชัดเจน
“พี่เบน…” เธอเผลอยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
เขามาหยุดตรงหน้า แล้วยื่นมือมาหยุดผมที่ปลิวบนแก้มเธอออกเบา ๆ
“ทำไมหน้าตาไม่สบายแบบนี้ เหมือนป่วยเลยนะ”
กะเพราแก้มร้อนวูบ
“ก็เพรา…ไปสอนวันนี้เด็กที่ห้องก็เหมือนจะไม่สบายหลายคน ไหนกุญแจบ้านค่ะ”
เบนหลุดหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะแตะศีรษะเธออย่างอ่อนโยน
“แล้วตอนโทรมานี่เสียงหงอยมาก พี่เป็นห่วงจนแทบอยากวิ่งออกจากห้องประชุม”
“จริงเหรอคะ” เธอถามอย่างไม่มั่นใจ
เขายิ้ม ยิ้มแบบนี้ที่ทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“จริงสิ ”
กะเพราเงียบไป วูบหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบในออฟฟิศเงียบลง เหลือแค่เสียงหัวใจของตัวเองกับของเบนที่ยืนอยู่ใกล้จนลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาเฉียดแก้มเธอ
“งั้น… เพรา” เธอพูดเสียงเบาๆ
เบนมองเธอคล้ายลังเลอยู่เสี้ยววินาที ก่อนจะพูดเสียงนุ่มลงกว่าเดิม
“พี่ประชุมต่ออีกแป๊ปเดียว… เพราอยากรอพี่บนห้องไหม”
เธอกะพริบตาปริบ ๆ
“บนห้อง… พี่เบน”
“อืม” เขาเอียงคอเล็กน้อย
“ห้องทำงานน่ะ นี่คิดไปไกลถึงไหน หน้าแดงเชียว คิดอะไรอยู่นะ”
กะเพราตาโต รีบก้มหลบสายตา แต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้ม ๆ ของเขาตามมา
“เพรา รอแป๊บจะได้ไม่ต้องกลับเอง”
เขายื่นมือมาจะช่วยเธอถือกระเป๋า
“ไปยัง”
กะเพรามองมือใหญ่ตรงหน้า ความอบอุ่นแผ่ซ่านมาตั้งแต่ก่อนจะยื่นกระเป๋าเธอให้เขาเธอกลั้นหายใจเล็กน้อยก่อนจะวางสายกระเป๋าลงในมือของเขา
“ค่ะ”
