ตอนที่ 5 พาไปชอปปิ้ง
ตอนที่ 5 พาไปชอปปิ้ง
น้ำมนต์เดินลงบันไดมายังไม่ทันถึงไหนดีก็พบกับหญิงวัยประมาณห้าสิบคนหนึ่ง ท่านหันมาส่งยิ้มให้แล้วพูดกับเธอว่า...
"น้ำมนต์ใช่ไหมจ๊ะ ป้าชื่อป้าศรีนะคะ ป้าเป็นแม่บ้านที่นี่ค่ะ" ที่นี่ยังมีลุงวิทย์อีกหนึ่งคน ลุงวิทย์เป็นสามีของป้าศรีและยังเป็นคนงานของบ้านหลังนี้อีกด้วย ปกติบ้านหลังนี้อยู่กันสามคน ถ้ารวมน้ำมนต์อีกคนก็เป็นสี่คน
"ป้าศรี สวัสดีค่ะ หนูต้องทำอะไรบ้างคะ" น้ำมนต์รีบยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่ตรงหน้าทันที พร้อมกับถามหางานที่เธอจะต้องทำ
"ไม่ต้องทำอะไรค่ะ นายหัวรอทานข้าวอยู่ทางด้านโน้น" ป้าศรีพยักพเยิดหน้าบอกให้น้ำมนต์เดินตรงไป
"ทานข้าวเหรอคะ"
"ค่ะ รีบๆไป นายหัวไม่ชอบรอใครนานๆ"
"ค่ะๆ" น้ำมนต์เดินไปทางทิศที่ป้าศรีบอก ในใจรู้สึกแปลกๆ พอเดินไปถึงที่ห้องรับประทานอาหาร เห็นนายหัวนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะคนเดียว
"เอ่อ..." น้ำมนต์ไม่แน่ใจว่าตัวเองมีสิทธิ์นั่งกินข้าวกับเจ้าของบ้านได้ด้วยเหรอ เธอจึงมีสีหน้าอ้ำๆอึ้งๆจะถามตรงๆก็ไม่กล้า
"นั่งลงสิ ไม่หิวข้าวหรือไง" ประโยคนี้ของเขาทำให้เธอเข้าใจว่า เธอได้นั่งกินข้าวกับเขา...หรือว่านี่คือการแสดงละครที่นายหัวพูดกับเธอเมื่อสักครู่นี้...ต้องใช่แน่ๆ!
"ขอบคุณค่ะ" เธอยอมหย่อนก้นนั่งลงไปที่เก้าอี้แต่โดยดี สายตาชำเลืองมองซ้ายมองขวา ตอนนี้ไม่เห็นมีใครอยู่เลยนี่นา
"อาหารใต้ กินเป็นไหม"
"ลองดูค่ะ หนูกินง่าย ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ" น้ำมนต์รู้สึกเกรงใจเขาเหลือเกิน แต่ทั้งหมดนี้เธอต้องแสดงละครเป็นเมียเขาและเราก็รักกันมาก!
'ฉันต้องการให้เธอช่วยเล่นละครเป็นเมียของฉันและเราก็รักกันมาก' นี่คือประโยคที่เขาบอกเธอ!
ในระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกันสองคน น้ำมนต์ไม่รู้เลยว่ากำลังมีใครบางคนแอบสังเกตใบหน้าและรูปร่างของเธออยู่เงียบๆ
เขาเคยจ้างผู้หญิงมาอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนแรก แต่ที่ผ่านมาเขายังไม่เคยเห็นใครปล่อยเนื้อปล่อยตัวหน้าสดเหมือนเธอคนนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะมองดูแปลกตาแต่ก็เป็นธรรมชาติดี
ใบหน้าของเธอสวยใสไร้จุดด่างดำ แถมผิวของเธอยังขาวเรียบเนียนกระจ่างใส สมกับที่เป็นสาวเหนือ เส้นผมของเธอยาวสลวยดำสนิท ถูกมัดเป็นหางม้าหลวมๆไว้ทางด้านหลัง มองรวมๆแล้วเธอดูเด็กมาก ถ้าไม่บอกว่าอายุยี่สิบสาม เขาคงคิดว่าเธอยังไม่ยี่สิบด้วยซ้ำ
ส่วนการแต่งตัวของเธอในวันนี้ เธอสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวสะอาดมีลายการ์ตูนด้านหน้านิดหน่อยกับกางเกงยีนส์ขายาว มองดูเรียบง่ายแต่ก็น่ารักดี เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เคยผ่านๆมาของเขาเลยสักคน
หลังจากกินข้าวมื้อเที่ยงอิ่มแล้ว ราเมศได้รับโทรศัพท์จากฟาร์มหอยมุก เขาจึงจำเป็นต้องเดินทางออกจากบ้านไปดูงานที่เกาะ กว่าจะกลับมาถึงบ้านอีกทีก็เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆเห็นจะได้ ซึ่งแน่นอนว่าน้ำมนต์คงจะหลับไปแล้ว
ช่วงเวลาเดียวกันนี้มีเสียงฝีเท้าก้าวถี่ๆ เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของผู้มาอยู่ใหม่ เขากำลังสองจิตสองใจว่าจะเคาะประตูห้องเรียกเธอดีหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่รบกวนเธอในคืนแรก
เนื่องจากว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ส่วนเขาน้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบ เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาจึงเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง ในใจนึกเสียดาย อยากจะทดลองของใหม่สักหน่อย...เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น
น้ำมนต์ตื่นขึ้นมาแต่เช้า ด้วยใบหน้าสดใส วันนี้เป็นวันแรกในการทำงานของเธอ เธอรีบจัดการตัวเอง อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน แล้วลงไปช่วยป้าศรีทำกับข้าวในห้องครัว เพราะนี่คืองานหลักของเธอ
เธอมาทำงานในตำแหน่งแม่บ้าน ส่วนเรื่องแสดงละคร เธอสามารถทำควบคู่กันไปได้ เธอไม่รู้สาเหตุว่าเขาให้เธอทำแบบนี้ไปทำไม และไม่รู้ว่าต้องแสดงละครแค่กับคุณแม่ของเขาเท่านั้น รายละเอียดเขาไม่ได้อธิบาย เธอจึงเลือกปฏิบัติรวม
เมื่อช่วงบ่ายเมื่อวาน ตอนที่นายหัวราเมศไม่อยู่บ้าน น้ำมนต์ได้มีโอกาสเข้าไปคุยกับป้าศรีและลุงวิทย์ เธอจึงพอรู้เวลาตื่น เวลาทำกับข้าวและเวลาทำงานบ้านแบบคร่าวๆมาบ้าง
"ป้าคะ หนูมาช่วยแล้วค่ะ" น้ำเสียงสดใสใบหน้ายิ้มแย้ม เธอฉีกยิ้มให้ป้าศรีทันทีที่ได้พบหน้ากัน
"อ้าวหนูน้ำมนต์ ตื่นแต่เช้าเลยนะคะ" ป้าศรีทักทายกลับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
"มีอะไรให้หนูช่วยทำบ้างคะ"
"ไม่ต้องมาช่วยป้าหรอกค่ะ น้ำมนต์ไปพักผ่อนเถอะ" ป้าศรีรู้ดีว่าน้ำมนต์คนนี้ไม่ได้มีหน้าที่มาทำงานบ้านอย่างแน่นอน ส่วนน้ำใจนี้ของเธอ ป้าศรีรู้สึกเอ็นดูและรู้สึกขอบคุณมากๆ
"พักผ่อนหรือคะ หนูนอนมาทั้งคืนแล้วนะ" ส่วนเจ้าตัวเข้าใจว่าตัวเองมีหน้าที่เป็นแม่บ้านของบ้านหลังนี้เหมือนกับป้าศรี
"เดี๋ยวนายหัวจะมาว่าป้าเอาได้" ฟังดูแล้วรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจ อาจจะเป็นเพราะป้าศรีเป็นแม่บ้านเหมือนกัน คงไม่กล้าออกคำสั่งหรือใช้งานเธอ
"เขาไม่ว่าหรอกค่ะ หนูอยากช่วย" เงินเดือนตั้งแสน เกรงว่าจะทำงานให้ไม่คุ้มกับค่าแรงที่เขาจ่ายให้
"เอาอย่างนั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นป้าไม่เกรงใจแล้วนะ" ป้าศรีส่งยิ้มให้ ตั้งแต่ที่ท่านทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านหลังนี้มาก็หลายปี เพิ่งจะเคยเห็นผู้หญิงของนายหัวเข้าห้องครัวมาช่วยทำงาน
"สั่งมาได้เลยค่ะ" ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเธอบ่งบอกว่าเต็มใจช่วยสุดๆ
"ช่วยป้าหั่นผักก็ได้ค่ะ" น้ำมนต์รับหน้าที่หั่นผัก ป้าศรีจึงหันไปทำหน้าที่อื่นแทน
"น้ำมนต์เป็นคนที่ไหนเหรอลูก" น้ำเสียงเอ็นดูเอ่ยชวนคุยเป็นภาษาถิ่น ป้าศรีไม่ค่อยถนัดพูดภาษากลางสักเท่าไหร่ แต่น้ำมนต์ก็พอฟังออก
"น่านค่ะ"
"โอ้โห...ไกลเชียว"
"ระยะทางไกลมากก็จริง แต่เดินทางไม่นานก็ถึง หนูนั่งเครื่องมาค่ะ"
"ที่บ้านน้ำมนต์ทำอาชีพอะไรเหรอจ๊ะ"
"ที่บ้านหนูมีสวนยางกับไร่ผักค่ะ"
"ป้าถามเยอะ เสียมารยาทหรือเปล่า" ท่านไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเพียงแต่แค่อยากชวนคุยเท่านั้น
"ไม่เลยจ้า ถามได้เลย งานสวนกับงานไร่ไม่ค่อยเหมาะกับหนูสักเท่าไหร่ ช่วงนี้หนูตกงาน ได้งานอะไรก็ต้องทำไปก่อน" ประโยคนี้ป้าศรีฟังเฉยๆ ส่วนคนพูดดูภูมิอกภูมิใจกับงานนี้ของตัวเองมากเหลือเกิน
"งานสุจริตไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ทำไปเถอะค่ะ" ประโยคนี้ของป้าศรี น้ำมนต์ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง เธออมยิ้มแล้วนั่งหั่นผักช่วยป้าศรีทำกับข้าวต่อ
เมื่อเวลาผ่านไปถึงช่วงรับประทานอาหารเช้า เธอได้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับนายหัวราเมศอีกครั้ง น้ำมนต์เข้าใจว่า นี่คงเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของเธอ เธอต้องนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับเขาทุกมื้อ ช่วยเขาแสดงละคร
"ไม่อร่อยเหรอ" เขาเห็นเธอเขี่ยข้าว แล้วก็ดื่มน้ำบ่อยมาก
"ไม่ใช่ค่ะ อาหารที่นี่เผ็ดเกินไป ปกติหนูไม่ค่อยกินเผ็ดขนาดนี้"
"เดี๋ยวฉันบอกป้าศรีเรื่องกับข้าวให้ หรือว่าเธออยากจะกินอะไรเป็นพิเศษก็เลือกเมนูมาได้เลย" สำหรับนายหัวราเมศ น้ำมนต์คือผู้หญิงเช่าของเขา เรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้เขาสามารถจัดการให้เธอได้
"ไม่เป็นไรค่ะ" เธอรีบส่ายหน้า ด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ เธอเป็นแค่แม่บ้าน จะเรื่องมากได้ยังไง เรื่องกินเรื่องเล็ก อันไหนเผ็ดมากเธอก็แค่หลีกเลี่ยงเอา
"ใบเหลียงผัดไข่ถ้วยนี้ฉันยกให้เธอ" น่าจะเป็นกับข้าวถ้วยเดียวที่ไม่ใส่พริก
"ขอบคุณค่ะ"
"กินข้าวอิ่มแล้ว ออกไปข้างนอกกับฉัน" นี่คือประโยคคำสั่ง!
"หนูหรือคะ"
"ทำไม ไม่อยากไปเหรอ"
"เปล่าค่ะ ไปก็ไป" เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะพาเธอออกไปไหน ไปทำอะไร แต่เธอมีหน้าที่ทำตามที่เขาสั่ง
หลังจากกินข้าวมื้อเช้าอิ่มเรียบร้อยแล้ว นายหัวราเมศขับรถพาน้ำมนต์ไปที่ห้างสรรพสินค้าในจังหวัดที่เขาอาศัยอยู่
"อยากได้อะไรก็บอก" น้ำเสียงของเขายังคงนิ่งเรียบฟังดูสบายๆ แต่คนฟังนั้นกลับไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่
"นายหัวพาหนูมาซื้อของใช้เหรอคะ"
"อือ...ของใช้ส่วนตัวผู้หญิง มีอะไรที่จะต้องใช้หยิบได้เลย ฉันจ่ายให้เอง" ประโยคสุดท้ายของเขาทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ตอนแรกคิดว่าต้องจ่ายเงินเองเธอคงไม่มีอะไรต้องซื้อ แต่พอบอกว่าจะจ่ายให้ รายการที่อยากได้เข้ามาเต็มหัวเลย
"ขอบคุณค่ะ"
"เมื่อคืนฉันโอนเงินครึ่งหนึ่งให้เธอแล้วได้รับแล้วใช่ไหม"
"ได้รับแล้วค่ะ ขอบคุณนายหัวมากนะคะ" หลังจากที่เธอได้เงินโอนเข้ามาในบัญชี เธอก็จัดการโอนไปให้แม่ของเธอเป็นค่าเล่าเรียนให้กับน้องๆ ส่วนเธอเหลือติดบัญชีเอาไว้ใช้นิดหน่อยเท่านั้น
"เธอชอบแบบไหน" นี่คือประโยคคำถาม กล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ บนกล่องไม่มีภาษาไทยเลย มีแต่รูปผลไม้ น้ำมนต์เข้าใจว่าน่าจะเป็นลูกอม แต่ความจริงแล้วด้านในคือถุงยางอนามัย
"ถามหนูเหรอคะ" เธอลองหยิบและเขย่าดู
"อือ...เลือกสิ"
"สตอเบอรี่ก็ได้ค่ะ" น่าอร่อยดี! น้ำมนต์คิดในใจ
นายหัวราเมศจัดการหยิบกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ว่านั้น ใส่ลงตะกร้าห้ากล่อง แล้วพากันเดินเลือกซื้อของใช้ต่อ
"ซื้อชุดนอนไหม" เขาเอ่ยถามเธอในขณะที่กำลังพากันเดินผ่านหน้าร้านชุดนอนผู้หญิง
"ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ" เธอปฏิเสธทันที รู้สึกเกรงใจนายหัวเหลือเกิน
"มาค่ะ หนูช่วยถือ"
"ไม่เป็นไร เธอเป็นผู้หญิง ฉันถือเองดีกว่า" ความเป็นสุภาพบุรุษและความใจดีของเขา ทำให้น้ำมนต์รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
"อยากได้ชุดสวยๆใส่ไหม เข้าไปเลือกสิ" เขาพยักพเยิดหน้าไปที่ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง อยากให้เธอซื้อชุดใหม่ๆสักโหล เพราะชุดที่เธอสวมใส่อยู่ตอนนี้นั้น เหมือนเด็กยังไม่โตอย่างไรอย่างนั้น
"ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ หนูเกรงใจ"
"เข้าไปเลือกเถอะน่า เลือกมาสักห้าหกชุดฉันจ่ายเงินให้เอง" เสื้อผ้าแค่นี้ไม่สามารถทำให้ขนหน้าแข้งของนายหัวราเมศร่วงได้หรอก
"ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ" เธอยังคงปฏิเสธไม่ยอมเลิก
"นี่คือคำสั่ง!" เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเหมือนเธอคนนี้มาก่อน ปกติที่เคยเจอมีแต่อ้อนให้เขาซื้อโน่นซื้อนี่ให้ แต่นี่ต้องดุ ถึงยอมเดินเข้าร้านไป
"โอ้โห...มีแต่ราคาแพงๆทั้งนั้นเลย" เสียงบ่นของเธอ ราเมศได้ฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิด เขาจึงฝักมือเรียกพนักงานคนหนึ่งให้เดินเข้ามาหา
"น้องครับ ช่วยเลือกชุดให้คุณผู้หญิงคนนี้สักห้าหกชุด ขอชุดที่ดูเหมาะกับเธอ ไม่ต้องเป็นทางการมากนัก"
"ยินดีค่ะ เชิญทางนี้ได้เลยค่ะ" น้ำมนต์ยังคงยืนนิ่ง เธอเห็นราคาเสื้อผ้าแต่ละชิ้นแล้วรู้สึกเกรงใจคนจ่ายเงินจริงๆ
"ไปสิ อย่าทำให้ฉันเสียเวลา" น้ำมนต์เข้าใจว่าเธอต้องแสดงละครเป็นภรรยาของเขา จึงจำเป็นต้องสวมใส่เสื้อผ้ามีราคา เธอจึงจำใจยอมเดินตามพนักงานของทางร้านเข้าไปลองชุด หลังจากที่เลือกชุดได้แล้ว นายหัวราเมศเป็นคนจัดการจ่ายเงินให้ทั้งหมด จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินเลือกซื้อของกินและของใช้ต่ออีกนิดหน่อย แล้วจึงพากันกลับบ้าน
❤️❤️❤️❤️❤️
