บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 พบเจอ

ตอนที่ 3 พบเจอ

ทันทีที่น้ำมนต์วางสาย เธอรีบวิ่งไปบอกข่าวดีให้พ่อกับแม่ของเธอได้ทราบ

"พ่อจ๋าแม่จ๋า หนูได้งานทำแล้วนะจ๊ะ" น้ำเสียงดีใจเอ่ยเป็นภาษาบ้านเกิดบอกผู้มีพระคุณทั้งสองท่าน

"งานที่ไหนเหรอลูก ใช่ที่กรุงเทพฯหรือเปล่า" น้ำมนต์สมัครงานไว้หลายที่ โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในกรุงเทพฯ แต่งานนี้อยู่ภาคใต้ ระยะทางไกลมากจริงๆ

"อยู่ใต้จ้าแม่" ไม่ว่าที่ทำงานของเธอจะอยู่ที่ไหน เธอก็ต้องจากบ้านไปอยู่ดี เพราะที่บ้านของเธอมีแค่งานไร่กับงานสวนเท่านั้น

"ได้งานอะไรเหรอลูก" เป็นเสียงของผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกสาวขึ้นมาบ้าง

"งานดูแลคนแก่จ้าพ่อ ไม่แน่ใจว่าป่วยด้วยหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะยังไงหนูจะทำมันให้ดีที่สุดค่ะ" เงินเดือนสูง แน่นอนว่างานคงไม่ง่าย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องพกติดตัวไปด้วยคือความอดทน

"งานสมัยนี้หายาก ลองทำดูก็ไม่เสียหายอะไร แล้วต้องเดินทางไปเมื่อไหร่ล่ะ" สำหรับคนเป็นพ่อกับแม่ สิ่งที่ต้องการให้ลูกได้มาก็คือประสบการณ์ โดยไม่ได้ถามเรื่องเงินเดือน เพราะคิดว่าคงไม่ได้แตกต่างจากเด็กจบใหม่ทั่วๆไป ส่วนน้ำมนต์เธอต้องการให้แน่ใจก่อนว่าได้ค่าแรงตามที่คุยกันไว้จริงๆ

"พรุ่งนี้เช้าค่ะ"

"เร็วขนาดนี้เลยเหรอ"

"จะชักช้าทำไม หนูนั่งๆนอนๆอยู่บ้านให้พ่อกับแม่เลี้ยงมาตั้งนานแล้ว...เบื่อจะแย่"

"ไปอยู่ต่างบ้านต่างถิ่นดูแลตัวเองดีๆด้วยนะลูก" ผู้เป็นแม่อดที่จะเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม

"พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง หนูดูแลตัวเองได้ ขอตัวไปเก็บกระเป๋าก่อนนะจ๊ะ" พูดจบน้ำมนต์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าบ้านไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยเตรียมตัวออกเดินทางวันพรุ่งนี้แต่เช้า

ทางด้านนายหัวราเมศ ช่วงเย็นของวันเดียวกัน เขาต้องกลับบ้านไปกินข้าวเย็นกับคุณแม่ และแน่นอนว่า การกินข้าวเย็นในวันนี้ก็คือการดูตัวดีๆนี่เอง

"กลับมาแล้วเหรอลูก" น้ำเสียงดีใจของผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กเดินเข้ามาในบ้าน

"สวัสดีครับคุณแม่"

"มาๆนั่งลงข้างแม่ก่อน" ราเมศทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆคุณแม่ของเขา

"พี่เมศ สวัสดีค่ะ" เสียงนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนภัสสร ผู้หญิงที่คุณอัมพรพามาให้ลูกชายคนเล็กดูตัวถึงบ้าน เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิท อายุสามสิบสี่ปี

"สวัสดีครับ" ราเมศยกมือรับไหว้ตามมารยาท แค่มารยาทเท่านั้น ใบหน้าของเขานิ่งเฉย ไม่ได้บ่งบอกถึงความยินดีที่ได้เจอกันเลยแม้แต่น้อย

"สอนเองค่ะ พี่เมศจำสอนได้ไหมคะ" น้ำเสียงมีจริตจะก้านเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม นภัสสรมีอายุสามสิบสี่ปี เธอผ่านการมีสามีมาแล้ว เพิ่งจะเลิกรากันไปได้เมื่อไม่นานมานี้เอง

"สอนไหนครับ"

"ตาเมศ...ทำไมเสียมารยาทกับน้องแบบนี้ล่ะ" เขาจำไม่ได้จริงๆ แล้วก็ไม่คิดจะจำด้วย

"น้องอะไรกันครับ ผมไม่เคยมีน้อง" เขาเป็นลูกคนเล็ก มีพี่ชายและพี่สาว ไม่เคยมีน้อง!

"ตาเมศ!" เสียงดุของคุณแม่ทำให้ราเมศต้องรีบเล่นละคร ซึ่งวันนี้เขาตั้งใจมาทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ

"คุณแม่เรียกผมมาดูตัวแบบนี้ แล้วเมียผมที่บ้านจะว่ายังไงครับ" ราเมศเริ่มแสดงละครทันที เขาได้ผู้หญิงแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เห็นหน้าเธอก็ตาม

"อะไรกัน แกมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมแม่ถึงไม่รู้" เสียงของผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายด้วยความแปลกใจ แต่ลึกๆแล้วกลับรู้สึกดีใจ เพราะสิ่งที่คาดหวังไว้คืออยากให้ลูกชายมีใครสักคนดูแล

"จริงเหรอคะคุณป้า ไหนคุณป้าบอกว่าพี่เมศยังโสดไงคะ" น้ำเสียงมีจริตจะก้านฟังแล้วรำคาญหูเสียจริง

"ผมมีภรรยาแล้ว คุณกลับไปเถอะ เสียเวลาเปล่าๆ" ประโยคนี้ของราเมศทำให้นภัสสรหน้าเจือนไป

"หนูสอนใจเย็นๆนะลูก ตาเมศแกอย่ามาหลอกแม่เล่นนะ" คุณอัมพรไม่มีทางเชื่อคำพูดนี้ของลูกชายแน่นอนจนกว่าจะได้เห็นกับตาของตัวเอง แต่นภัสสรนี่สิ

"ผมพูดจริงครับ" ราเมศเป็นคนเอาตัวรอดเก่ง คุณอัมพรรู้นิสัยของลูกชายคนนี้เป็นอย่างดี

"เอาเถอะๆ มาๆกินข้าวกันดีกว่า ได้เวลาแล้ว" นภัสสรมีสีหน้าไม่พอใจอยากเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงกิริยาไม่ดีออกมา แต่ราเมศมองออกว่าเธอไม่สบอารมณ์อย่างแรง

ส่วนคุณอัมพรถ้าลูกชายของท่านมีภรรยาแล้วจริงๆท่านก็ยินดีด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไงท่านก็ยังไม่เชื่อคำพูดของลูกชายง่ายๆ จนกว่าจะได้เห็นใบหน้าของว่าที่ลูกสะใภ้

"ผมไปตามคุณพ่อให้นะครับ" ราเมศลุกขึ้นแล้วเดินออกไปตามคุณพ่อมานั่งรับประทานอาหารด้วยกัน

บนโต๊ะรับประทานอาหาร

"กินเยอะๆนะหนูสอน" คุณอัมพรเห็นนภัสสรมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้ว่าชีวิตคู่ครั้งแรกของนภัสสรจะไม่เป็นไปอย่างที่หวัง แต่ท่านก็ยังอยากให้โอกาส ส่วนทั้งสองจะชอบกันหรือไม่นั้น ท่านไม่คิดที่จะบังคับอยู่แล้ว

"ขอบคุณค่ะคุณป้า" ทั้งหมดเริ่มลงมือรับประทานอาหารร่วมกัน โดยมีบทสนทนายังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องภรรยาของราเมศ

"พี่เมศคะ ถ้าพี่เมศมีภรรยาแล้วจริงๆ ทำไมวันนี้พี่ไม่พาภรรยาของพี่มาด้วยคะ"

"นั่นสิ" คุณอัมพรรู้สึกเห็นด้วยกับประโยคนี้ของนภัสสร เพราะท่านยังไม่อยากจะเชื่อคำพูดของลูกชาย

"ตาเมศ แกมีเมียแล้วเหรอ" เสียงของผู้เป็นบิดาเอ่ยถามลูกชายขึ้นมาบ้าง พร้อมกับมองหน้าลูกชายนิ่งๆ ทำเอาคนที่กำลังโกหกอยู่ณเวลานี้ ต้องยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนที่จะแถต่อว่า...

"ครับ วันนี้คุณแม่เรียกผมมาทำอะไรก็น่าจะรู้ดี เธอคงไม่สะดวกมาด้วยหรอกครับ" ราเมศตอบคำถามด้วยท่าทางนิ่งๆ

"ภรรยาของพี่เมศเป็นคนที่ไหนเหรอคะ สอนกับคุณป้ารู้จักหรือเปล่าคะ" นภัสสรยังคงยิงคำถามไม่ยอมหยุด ทำเอาราเมศเริ่มรู้สึกรำคาญ

"ทำไมถึงต้องอยากรู้เรื่องคนอื่นด้วยล่ะครับ" เขาไม่ได้ตอบคำถามของนภัสสร แต่เลือกที่จะตั้งคำถามกลับไปแทน ซึ่งคำถามนี้ของราเมศ ทำให้นภัสสรหน้าถอดสีลงทันที

"ตาเมศน้องถามดีๆไม่เอาน่า..."

"ขอโทษค่ะ"

"ไม่เป็นไรนะหนูสอน กินเยอะๆนะ ป้าว่าหนูผอมไปหน่อย" คุณอัมพรพูดกับนภัสสรเสร็จ ท่านจึงหันไปช้อนสายตาดุลูกชายที่กล้าพูดเสียมารยาทต่อหน้าแขก

"เมศที่ฟาร์มหอยมุกเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้มีปัญหาอะไรไหม" คุณพ่อเห็นสถานการณ์บนโต๊ะรับประทานอาหารเริ่มไม่ค่อยดีจึงชวนเปลี่ยนเรื่องสนทนา

"ไม่มีปัญหาอะไรครับ"

"แล้วงานที่บริษัทล่ะ พ่อได้ข่าวมาว่าแกไม่ค่อยเข้าบริษัทเลยพักนี้" ที่บริษัทยังมีพี่ชายและพี่สาวของเขาคอยบริหารงานอยู่ ส่วนงานของเขาก็จะมีเพชรคอยช่วยดูแลอยู่ จึงไม่มีอะไรให้เป็นห่วง

"ผมชอบไปดูงานที่ฟาร์มมากกว่า ส่วนงานที่บริษัท ผมให้ไอ้เพชรมันช่วยดูแลอยู่ครับ"

"อือ...มีอะไรให้พ่อช่วยก็บอกได้นะ"

"ขอบคุณครับ" หลังจากรับประทานอาหารอิ่มแล้ว ราเมศจึงขอตัวกลับทันที เขาอ้างว่ามีงานที่จะต้องทำอีกมาก

เช้าวันรุ่งขึ้น น้ำมนต์ออกเดินทางจากบ้านด้วยกระเป๋าเป้ใบใหญ่หนึ่งใบและกระเป๋าลากใบใหญ่อีกหนึ่งใบ ในกระเป๋ามีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น โดยมีพ่อของเธอขับรถไปส่งลูกสาวที่สนามบิน

ในขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่บนเครื่อง เธอรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางในครั้งนี้มาก ในใจกำลังคิดว่างานแม่บ้านเงินเดือนหลักแสนจะมีลักษณะเป็นแบบไหนนะ เจ้านายจะใจดีหรือเปล่า แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอพร้อมที่จะปรับตัวเสมอ

#สนามบิน

ในขณะที่เธอกำลังเดินลงจากเครื่อง เธอเห็นพี่เพชร ผู้ชายที่สัมภาษณ์เธอเมื่อวานนี้กำลังยืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว เขาส่งยิ้มบางๆมาให้เธอ เธอจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหา

"สวัสดีค่ะพี่เพชร น้ำมนต์เองค่ะ" เธอยกมือไหว้ผู้ชายตรงหน้า พร้อมกับแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม

"สวัสดีครับ รถจอดอยู่ทางด้านโน้น เดินตามพี่มา" เพชรหันหลังเดินนำ โดยไม่ลืมที่จะช่วยเธอแบกกระเป๋าหนึ่งใบ ส่วนน้ำมนต์เธอรีบเดินตามหลังเขาไปติดๆ

หลังจากที่พากันขึ้นรถและขับออกไปตามท้องถนน ไม่นานนักเพชรก็หมุนพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าไปจอดสนิทที่หน้าบ้านสองชั้นหลังใหญ่ และแน่นอนว่าบ้านหลังนี้คือที่ทำงานของเธอ

"ถึงแล้วที่นี่แหละ บ้านของนายหัวราเมศ" ทั้งสองคนเปิดประตูลงจากรถ โดยมีเพชรเดินนำเข้าบ้านไป ภายในบ้านเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่

"พี่เพชรคะ มีคนอยู่บ้านไหมคะเนี่ย ทำไมบ้านเงียบจัง"

"เงียบปกติครับ" บ้านหลังนี้ถ้าไม่นับคนงาน ก็เท่ากับว่าราเมศอยู่คนเดียว

"........" เพชรช่วยน้ำมนต์แบบกระเป๋าเป้ใบใหญ่เข้าบ้าน ทั้งสองพากันเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงานของเจ้าของบ้าน

"ก๊อกๆๆ นายหัวครับ ผมเองครับ" เพชรยกมือขึ้นเคาะประตูหน้าห้องทำงาน ส่งสัญญาณบอกนายหัวของเขาว่าเขาได้พาผู้หญิงที่นายหัวต้องการมาถึงแล้ว

"ให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามา ส่วนนายกลับไปทำงานต่อได้" น้ำเสียงของคนด้านในที่เปล่งออกมา น้ำมนต์รู้สึกได้ว่าคนพูดอายุไม่น่าจะมากเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าสำเนียงที่เขาพูดจะไม่คุ้นหูเธอเลยก็ตาม

"คนที่อยู่ด้านในคือนายหัวราเมศ หมดธุระของพี่แล้ว พี่กลับก่อนนะ" เพชรใช้ภาษากลางพูดกับน้ำมนต์ จากนั้นเขาจึงหมุนตัวเดินออกไปทิ้งให้เธอยืนงุนงงอยู่คนเดียว

"เข้ามา" น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่คนฟังนั้นกลับรู้สึกสะดุ้ง เธอจึงยกมือจับลูกบิดประตูแล้วผลักเข้าไปด้านใน

ทันใดนั้นเธอได้พบกับผู้ชาย ใบหน้าของเขาหล่อเหลา มีเคราและหนวดบางๆ ดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน ทรงผมถูกตัดตกแต่งทรงทันสมัย เขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ส่งสายตามองมาทางเธอ สิ่งที่น้ำมนต์เห็นทำให้เธอถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ เขาไม่ได้แก่อย่างที่เธอคิด ไม่ได้เป็นผู้ป่วยติดเตียงอย่างที่เธอเข้าใจ

"จะมองอีกนานไหม"

❤️❤️❤️❤️❤️

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel