ตอนที่2-2
ใบหน้าราบเรียบขณะช่วงขาเรียวยาวพาตัวเองออกมาจากหลังเวที ศศิ หรือซิลเวีย นางแบบดาวรุ่ง สะกดทุกสายตาให้ชื่นชมความงามของการออกแบบชุดที่สวมใส่ไว้ได้อย่างอยู่หมัด แต่ไม่ทั้งหมดจากบรรดาแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญมา เพราะมีสายตาคู่หนึ่งที่ไม่ได้สนใจชุดที่นางแบบสวมใส่เลย แต่กำลังนั่งสะกดอารมณ์ที่กำลังลุกฮือขึ้น ไม่ต่างจากสึนามิที่พัดเข้าชายฝั่ง ให้สงบเยือกเย็นลง
ในที่นั่งแถวหน้าของการชมแฟชั่นชุดนี้ที่เจ้าของห้องเสื้อดังได้ออกบัตรเชิญมาจะมีไล่เรียงตั้งแต่ดีไซน์เนอร์ที่เป็นผู้ออกแบบ บรรณาธิการบริหารจากนิตยสารดังระดับโลกและนิตยสารประจำท้องถิ่น ดาราเซเลบ รวมถึงเชื้อพระวงศ์ แต่ที่เหนือความคาดหมาย ศศิไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น หากชายหนุ่มคนนั้นไม่บังเอิญตั้งใจลุกขึ้นเพื่อทำสิ่งที่เรียกว่าเขย่าขวัญเธอเสียก่อน
ไม่มีอาการเซหรือสะดุด ศศิยังคงเก็บอาการตื่นตระหนกไว้บนใบหน้าที่นิ่งเฉยได้อย่างดีเยี่ยม มีแต่เสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำเร็วจนแทบกระดอนกระเด็นออกมานอกอก กับฝ่ามือที่เย็นเฉียบที่แสดงออกมาทางกายภาพเท่านั้น ด้วยสายตาของพี่ชายบุญธรรมที่มองมาบอกให้ศศิรู้ว่าเขาไม่พอใจอย่างหนัก เพียงแวบเดียวเท่านั้นที่เธอเห็นและสามารถเดาความคิดของอเล็กซานโดรออก ก่อนเธอจะหมุนตัวกลับเข้าหลังเวที นางแบบสาวชาวไทยที่มีเสี้ยวตะวันตกเพียงน้อยนิดไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงปรบมือที่ดังตามหลัง
เมื่อลงมาถึงหลังเวที พอเท้าแตะพื้นศศิก็รีบบอกกับหัวหน้าทีมงานที่ดูแลว่าต้องขอตัวกลับก่อน โดยขอเสียมารยาทไม่ขึ้นเวทีไปพร้อมกับดีไซน์เนอร์ทั้งสอง
“ศศินี่เธอจะรีบไปไหนกัน” เสียงบาร์บาร่าดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาหลังได้ยินว่าศศิจะกลับทันทีไม่ร่วมขึ้นเวทีแสดงความยินดีกับดีไซน์เนอร์
คนถูกกึ่งต่อว่าด้วยน้ำเสียงตำหนิหันขวับขณะมือบางกำลังถอดชุดคืนให้กับทีมงานและรับเสื้อผ้าชุดเดิมของเธอมาเปลี่ยนกลับ
“ขอบคุณมากค่ะ” ศศิบอกทีมงานที่มาดูแล แล้วหันไปพูดกับเจ้าของเอเจนซี่ชื่อดัง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น”
“จริงเหรอ ไม่ใช่เพราะมีนัดที่ไหนหรอกนะ” บาร์บาร่าขยับเท้าเข้ามาใกล้ จ้องสำรวจอย่างจับผิด
“นัด นัดอะไรกันคะ” เจ้าของร่างเพรียวบางเลิกคิ้วสูงถามกลับอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องอะไรและพอดีกับที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย
“ก็นัดกับเจ้าของดอกไม้ที่รออยู่ด้านนอกนั่นไง” บาร์บาร่าบอกแล้วก็ยื่นดอกไม้ช่อโตที่ซ่อนอยู่ข้างหลังมาอยู่ตรงหน้าคนที่ยังยืนมองงุนงง
ศศิหรี่ตามอง แต่ยังไม่กล้ารับช่อดอกไม้ปริศนานั่น
“ของใครคะ”
“เธอก็รับเอาไปดูเองสิจ๊ะ แค่รับฝากถือมาให้ก็อิจฉาจนอกจะระเบิดแล้ว”
ศศิหัวเราะเบาๆ ให้กับท่าทางประชดประชันไม่จริงจังนักของบาร์บาร่า ก่อนจะยื่นมือออกไปรับ แล้วคลี่การ์ดใบเล็กๆ ที่เสียบไว้ออกอ่าน เป็นกำลังใจให้
“ฟรานเชสโก...”
“ก็ใช่น่ะสิ กองหน้าหนุ่มรูปหล่อของทีมอินเตอร์มิลาน หล่อนใช้เวลาถ่ายแบบกับเขาไม่นานก็สอยหัวใจเขามาได้แล้วเหรอ”
คนถูกกล่าวหาว่าสอยหัวใจนักเตะหนุ่มดาวดังของเมืองมิลานแทบทำดอกไม้ร่วงจากมือ
“บ้าน่ะสิบาร์บ ศศิคุยกับเขาแค่ไม่กี่คำเองนะ แล้วเราก็เป็นเพื่อนกันเท่านั้น เขาคงแวะผ่านมาล่ะมั้ง ก็เขาต้องอยู่มิลานเป็นประจำอยู่แล้ว” ศศิตวาดแหว พลางอธิบายให้บาร์บาร่าเข้าใจไปด้วย
“ข้ออ้าง แต่ยังไงก็ช่างเถอะ เขามารอเธอนานแล้วรีบออกไปเถอะ เดี๋ยวฟรานเชสโกรูปหล่อจะรอนาน สงสารคนหล่อ”
“อะไรกันบาร์บ แล้วตกลงไม่เชื่อที่ศศิพูดใช่ไหม” คนพูดความจริงยังไม่หายข้องใจ ยังยืนกรานถามเอาความเห็นต่อ
“เชื่อจ้ะเชื่อ ก็เธอน่ะเสน่ห์แรงอยู่แล้วเขาคงตามกลิ่นฟีโรโมนเธอมาถึงนี่ด้วยตัวเองได้แหละ ชื่อคุณหนูศศิ อบาเต้น่ะตามหาไม่อยากหรอกถ้าหัวใจเขาอยากจะตามหา”
จากท่าทางและคำพูดของบาร์บาร่าทำให้ศศิส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายและไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม เพราะไม่คิดว่าเป็นเรื่องสลักสำคัญใดๆ หญิงสาวมั่นใจว่าฟรานเชสโกกองหน้าหนุ่มแค่แวะผ่านมาเท่านั้น
“งั้นศศิขอตัวกลับเลยแล้วกันนะคะบาร์บ”
“จ้ะ แต่อย่าลืมอีกสองวันเธอมีงานเดินแบบที่ปารีสต่อนะจ๊ะ”
คนสวยพยักหน้ารับคำ “ค่ะ ไม่ลืม ศศิไม่เคยผิดนัดอยู่แล้ว” สั่งลากันอีกครั้ง เจ้าของเรือนร่างเพรียวระหงสมส่วนที่อยู่ในชุดทะมัดทะแมงของตนดังเดิมก็ออกมาจากห้องที่ใช้แต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ก้าวเดินต่อมาไม่นานก็พบกับชายหนุ่มเจ้าของดอกไม้ที่มาดักรออยู่แล้ว
“เพื่อนศศิเองเลวินสัน” ศศิหันไปบอกบอดี้การ์ดหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดสูทสีดำอย่างดีสองคนจึงถอยห่างออกไป
“สวัสดีค่ะ ฟรานเชสโก” หญิงสาวทักทายทันทีที่เห็น ฟรานเชสโกหล่อเหลาเตะตาแบบนักฟุตบอลทั่วไป รูปร่างกำยำไม่สูงมากแต่เต็มไปด้วยลอนกล้าม จากการต้องเข้ายิมออกกำลังกายตลอดจึงทำให้เขาดูสมส่วนสมบูรณ์แบบจนสาวๆ ต้องหยุดมอง
“สวัสดีครับ ผมมารบกวนคุณศศิหรือเปล่า” เขาเรียกเธอด้วยชื่อไทยที่เธอภูมิใจแทนที่จะเรียกว่าซิลเวียเหมือนเพื่อนนางแบบหลายๆ คนเพราะการออกเสียงเป็นภาษาไทยค่อนข้างยากแต่ฟรานเซสโกก็พยายามเพราะแอบรู้มาว่าศศิชอบชื่อไทยมากกว่าจะถูกเรียกว่าซิลเวีย
“ไม่เลยค่ะ” ศศิยิ้มกว้างตอบแล้วมองตามสายตาของเขาที่มองมายังดอกไม้ที่เธอถืออยู่ในมือ
“ขอบคุณสำหรับลิลลี่ช่อนี้นะคะ”
“กำลังใจจากผมให้คุณศศิครับ” นักเตะหนุ่มบอก ทอดเวลาให้หญิงสาวได้เลือดลมสูบฉีดแล้วรุกหน้าต่อทันที
“คุณศศิเดินแฟชั่นได้อย่างเป็นมืออาชีพมากๆ ไม่รู้ว่าจะรังเกียจหรือเปล่าครับถ้าผมจะชวนออกไปหาอะไรทานข้างนอก”
คนที่ไม่ได้เลือดลมสูบฉีดก้มมองดูเวลา แล้วเผลอกลั้นอาการหาวน้อยๆ ไว้ แต่คนอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ทันเห็น
“ศศิพอมีเวลาค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นตอบแล้วต้องยิ้มค้าง
“แต่ผมว่าดูคุณศศิอยากพักผ่อนมากกว่าแล้วมั้งครับ”
คนถูกรู้ทันพรวดเสียงหัวเราะออกมาทันที “คงใช่ค่ะ เกือบสองอาทิตย์แล้วศศิไม่ได้พักเลยรับงานต่อเนื่องมาตลอด แต่ศศิยังไหวนะคะ ออกไปหาอะไรทานแล้วนั่งคุยกันแถวนี้ก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นผมว่าไว้วันหลังดีกว่าครับ ผมเป็นห่วงสุขภาพคุณศศิไม่อยากเบียดบังเวลาพักที่มีน้อยของคุณ”
“ไม่ใช่ว่ากลัวศศิจะหลับคอพับใส่จานอาหารใช่ไหมคะ และคุณคงจะขายหน้ามาก”
“ฮ่าๆ ไม่ใช่เรื่องนั้นแน่นอนครับ คุณศศิไม่มีทางทำให้ผมขายหน้าแน่นอน แต่ถึงจะทำผมก็ไม่ขายหน้าหรืออายใครๆ หรอกครับ ผมรับได้”
“แต่ศศิว่าอย่าดีกว่าค่ะ ศศิไม่อยากทำให้คุณต้องขายหน้าจริงๆ”
“ก็ได้ครับ ผมอยู่ที่มิลานตลอดฤดูกาลนี้ ถ้ามีโอกาสหน้าที่เราสองคนว่างตรงกันอีก ผมขอพาคุณศศิไปทานอาหารสักมื้อนะครับ”
“ตกลงค่ะ ได้ไปกับนักเตะดังระดับโลกอย่างฟรานเชสโก ศศิไม่มีทางปฏิเสธแน่ สาวๆ หลายคนคงอิจฉาศศิกันค่อนเมือง”
“ฮ่าๆ จริงเหรอครับก็คงเหมือนที่หนุ่มๆ ค่อนเมืองคงก่นด่า อิจฉาผมกันยกใหญ่เช่นกัน”
แล้วเสียงพูดคุยหัวเราะก็ไปจบที่สุดบันไดทางลงจากตัวอาคาร ฟรานเชสโกยืนมองจนเห็นบอดี้การ์ดเปิดประตูรถลีมูซีนและคุณหนูคนงามสอดตัวเข้าไปนั่งพร้อมกับโบกมือลาเขาแล้ว นักฟุตบอลหนุ่มรูปหล่อจึงหมุนตัวกลับไปที่รถยนต์ของตัวเองบ้างในที่สุด
คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองมิลาน ใช้เวลาจากสถานที่จัดแฟชั่นเพียงยี่สิบนาทีคุณหนูคนงามก็มาถึงที่พัก ศศิไม่เสียเวลาสักนาทีที่จะลงจากรถและรีบขึ้นห้องไปพักผ่อน เพราะถูกความเหนื่อยล้าอดหลับอดนอนเล่นงานมาตลอดสองสัปดาห์เต็ม พอเธอขอร้องให้บาร์บาร่าช่วยป้อนงานให้ บาร์บาร่าก็ทำราวกับประชดเธอโดยป้อนงานให้ทุกวันแบบไม่เว้นวันหยุด บางวันถึงกับมีสองงานชนกันก็ทำมาแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นที่ตัวเธอไม่คิดจะปฏิเสธบาร์บาร่าด้วย
การทำงานมากๆ มันก็ดี ศศิบอกตัวเองขณะเร่งฝีเท้าเข้าลิฟต์ไปยังห้องพักบนชั้นที่ 39 เพราะจากการทำงานหนักมันทำให้เธอง่วงงุนเมื่อหัวถึงหมอนทุกครั้ง ทั้งยังไม่ต้องคิดถึงใครบางคนให้วุ่นวายเจ็บปวดหัวใจ ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา อเล็กซานโดรหายเงียบไปจากชีวิตเธอ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับศศิ ชีวิตเธอเงียบสงบและปกติสุขขึ้นมาก มีงานที่ท้าทายและสนุกรออยู่ทั้งยังได้พบเจอเพื่อนใหม่อีกมากมาย
ความคิดของคุณหนูแห่งตระกูลอบาเต้หยุดลงเมื่อลิฟต์พาขึ้นมาถึงชั้นที่ 39 บอดี้การ์ดร่างสูงสองคนหลีกทางให้เธอเดินนำออกมาก่อน ห้องพักของหญิงสาวกินเนื้อที่ทั้งชั้นที่ 39 เป็นพื้นที่ที่กว้างขวางใหญ่โตพอสำหรับตัวเธอและผู้ติดตาม แม้ความหรูหราโอ่โถงจะไม่เทียบเท่าคฤหาสน์หลังงามแต่ก็เพียงพอให้หญิงสาวมาพักบ้างครั้งคราวเวลามีงานเดินแบบที่มิลาน
ศศิค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อขอบคุณบอดี้การ์ดส่วนตัวที่เปิดประตูให้ จากนั้นบอดี้การ์ดสองคนก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องแล้วปล่อยให้คุณหนูคนงามเข้าไปพักผ่อนตามสะดวก ศศิมองบอดี้การ์ดทั้งสองอยู่ชั่วครู่ ครุ่นคิดอะไรอยู่แวบหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก จากนั้นจึงผลักประตูให้ปิดลง
“ว้าย...” เสียงอุทานตกใจตามมาด้วยเสียงกรีดร้องดังสุดลำคอ เมื่อรู้สึกว่ามีมือแข็งแรงจากไหนไม่รู้รวบเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง ร่างบางปลิวหวือเข้าไปปะทะแผงอกกว้างกำยำ ดีที่เธอเสียบคีย์การ์ดแล้วจึงทำให้เห็นใบหน้าของคนที่แอบเข้ามาได้อย่างชัดเจน
