บทที่ 19 กลุ่มซากุระ
ในตอนที่หวางเย๋ใจลอยอยู่นั่นเอง เหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นบนเวทีก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
พิธีกรที่แต่งตัวดุดีคนหนึ่ง มือถือไมโครโฟนพลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม: “ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างพวกเราดราก้อนโกลด์กรุ๊ปและไมค์กรุ๊ปในวันนี้ ดิฉันขอเป็นตัวแทนทั้งสองฝ่ายขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง”
หลังจากที่ได้กล่าวเปิดงานเสร็จเรียบร้อย พิธีกรก็กล่าวเสียงดัง: “ขอเชิญสาวพิธีการส่งหนังสือความร่วมมือขึ้นมา”
ระหว่างนั้นหวางเย๋จ้องมองบนเวทีตาไม่กะพริบ เพียงแค่มีความผิดปกติเล็กน้อย เขาจะสามารถรับรู้ได้ทันที ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ได้จับจ้องไปที่สาวพิธีการที่เดินมาจากทางด้านซ้าย จ้องมองบริเวณขาของเธอ
หลงเหม่ยซินที่อยู่บนเวทีได้เห็นเข้าพอดี ในดวงตาปรากฏแววขยะแขยงขึ้นมาเล็กน้อย หวางเย๋คนนี้ทนมาสามปีในที่สุดก็ทนไม่ได้แล้วงั้นเหรอ?
ในความเป็นจริงแล้วหวางเย๋ไม่ใช่ผู้ชายที่หิวโหยขนาดนั้น เขาเห็นว่าน่องขาที่อยู่ใต้กี่เพ้าของสาวพิธีการคนนั้นผิดปกติเล็กน้อย มีร่องรอยของการถูกแดดเผา แต่นางแบบที่รับงานพิธีนั้นจะเอาใจใส่ขาของตัวเองที่สุด จะให้มันถูกแดดเผาได้ยังไง?
นี่เป็นข้อที่หนึ่ง นอกจากนี้ในตอนที่สาวพิธีการคนนี้เดินผ่านหน้าหวางเย๋ไป เธอได้ใช้หางตามองเขาแวบหนึ่ง นางแบบมืออาชีพจะแบ่งสมาธิในตอนที่งานกำลังดำเนินการได้ยังไง?
แต่อาศัยเพียงแค่สองจุดนี้ หวางเย๋ก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายเป็นนักฆ่า
ทันใดนั้นดวงตาคมกริบขอบเขาก็ได้สังเกตเห็นลำแสงสีแดงปรากฏออกมาจากถาดที่สาวพิธีการถืออยู่ เขาครุ่นคิดสักพัก หวางเย๋พลันเคลื่อนไหวทันที เขาพุ่งขึ้นไปบนเวทีราวกับเสือดาวล่าเหยื่อ
“เหม่ยซิน รีบหลบเร็ว มีระเบิด!” หวางเย๋ตะโกนไปยังหลงเหม่ยซิน
หลงเหม่ยซินได้ยินดังนั้น ก็สั่นสะท้านขึ้นมา แม้ว่าเธอจะไม่ชอบหวางเย๋ แต่เธอก็รู้ว่าหวางเย๋จะไม่ร้องออกมาแบบนี้ถ้าไม่มีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นภายในใจของเธอเชื่อหวางเย๋
ไมค์ที่อยู่อีกข้างเมื่อพบว่าเป็นหวางเย๋ สีหน้าซีดเผือดไปทันที ท่านชายแห่งองค์กรฮั๋วบอกว่ามีระเบิดจะต้องไม่ใช่การล้อเล่นอย่างแน่นอน
เขาเองก็ไม่กล้าชักช้า รีบลุกขึ้นมาจากที่นั่งทันที มีบอดี้การ์ดคุ้มครองออกไปจากเวทีอย่างรวดเร็ว
สาวพิธีการที่เดินมาถึงด้านข้างหลงเหม่ยซิน จู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย หยิบมีดอันแวววาวออกมาและจ่อไปที่คอของหลงเหม่ยซิน แล้วเปิดผ้าสีแดงบนถาดออก
ระเบิดเวลา C4 ขนาดเล็กปรากฏขึ้นมาต่อสายตาทุกคน
“ว้าย......”
ผู้หญิงคนหนึ่งในฝูงชนกรีดร้องเสียงดังขึ้นมา
สถานการณ์โกลาหลขึ้นมาทันที นักข่าวและแขกที่มาร่วมงานต่างแย่งกันวิ่งออกจากลานห้องประชุม
หวางเย๋มองดูเครื่องจับเวลาที่อยู่บนระเบิด พบว่ายังเหลือเวลาอยู่อีกนาทีกว่า ๆ ดูเหมือนว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายจะไม่ใช่การก่อการร้ายอะไร เป้าหมายคือหลงเหม่ยซินหรืออาจจะเป็นตัวเอง
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฝูงชนกระจัดกระจายออกไปแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลมาก
"ใครส่งเธอมา เพียงแค่เธอบอกฉัน ฉันรับรองว่าจะไม่ฆ่าเธอแน่” หวางเย๋ถามพลางขยับเข้าใกล้
นักฆ่าหญิงหัวเราะเยาะ และตวาดขึ้นมา: “อย่าเข้ามาอีกนะ ไม่งั้นละก็เมียของนายไม่ปลอดภัยแน่”
ตอนนี้ทั้งสองอยู่ห่างกันประมาณเจ็ดแปดเมตร ปกติแล้วหวางเย๋สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ภายในสามวินาที แถมยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย แต่ว่าหลงเหม่ยซินอยู่ในมือของเธอ จะเสี่ยงไม่ได้
หวางเย๋หยุดอยู่กับที่ สายตาที่แหลมคมสังเกตเห็นรอยสักดอกซากุระบนมือของสาวพิธีการ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป “น้องสาว เธอคงไม่ใช่นักฆ่าที่กลุ่มซากุระส่งมาหรอกนะ?”
กลุ่มซากุระหนึ่งในสามกลุ่มนักฆ่าแห่งประเทศฮั๋วในอดีต เนื่องด้วยความสามารถเหนือมนุษย์ของหวางเย๋ องค์กรฮั๋วจึงเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว กลุ่มซากุระต้องจำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหวลงอย่างจำใจ และยังได้ย้ายฐานปฏิบัติการไปที่ประเทศกลุ่มเกาะ
ลักษณะเด่นของนักฆ่ากลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าสมาชิกเก่งกาจเพียงใด แต่อยู่ที่สมาชิกทุกคนล้วนเต็มใจอุทิศชีวิตให้กับองค์กร ได้ปลูกฝังนักฆ่าอุทิศชีวิตไว่จำนอนไม่ได้ การก่อการร้ายแบบพลีชีพในต่างประเทศนั้นมีส่วนหนึ่งที่เป็นคนของกลุ่มซากุระ
“ทำไมแก...แบบนี้นี่เอง ถึงว่าทำไมเบื้องบนต้องทำลายการพิธีลงนามในครั้งนี้ ที่แท้ก็เพราะมีท่านชายผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ที่นี่นี่เอง ฮ่า ๆ วันนี้สามารถให้แกตายไปพร้อมกับฉันได้ ถือว่าคุ้มแล้ว” สาวพิธีการได้ชะงักไปก่อน จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
หลงเหม่ยซินที่ถูกจับเป็นตัวประกันนั้นฟังมาถึงตรงนี้ยิ่งงงไปหมด หวางเย๋มีชื่อเสียงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ส่วนหวางเย๋นั้นนึกว่าสถานะของตัวเองได้ถูกเปิดโปงเสียแล้ว แต่เห็นว่าหลงเหม่ยซินไม่ได้พูดอะไร ก็แอบโล่งใจไม่น้อย โชคดีที่สาวพิธีการคนนี้ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก
“อย่าขยับ ให้พวกเรารอเวลาเดินไปจนจบอย่างเงียบ ๆ เถอะ!” นักฆ่าหญิงสีหน้าโหดเหี้ยม ตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองนั้นตายอย่างมีค่ามาก ถ้าหากดึงท่านชายแห่งองค์กรฮั๋วให้ตายไปด้วยได้ เช่นนั้นกลุ่มซากุระก็จะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง
เวลาบนระเบิดเวลานั้นเดินไปทีละก้าว บริเวณโดยรอบเงียบสงัด
“เธอเองหน้าตาก็ไม่เลว ทำไมถึงเต็มใจตายให้กับกลุ่มซากุระ ล่ะ?” หวางเย๋ไม่รีบไม่ร้อน สายตาจ้องมองอีกฝ่ายพลางกล่าว: “ฉันให้โอกาสเธออีกครั้ง ถ้าหากเธอยอมวางมือและบอกมาว่าใครอยู่เบื้องหลัง ฉันรับรองว่าเธอจะไม่ตาย”
นักฆ่าหยิงหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง จ้องมองหวางเย๋ด้วยดวงตาแดงก่ำ: “ท่านชาย ด้านนอกบอกว่านายไม่กลัวตายไม่ใช่เหรอ? หรือว่านายทนเห็นภรรยาคนสวยของนายถูกระเบิดจนร่างเละไม่ได้!” หวางเย๋ทอดถอนใจ “ฉันได้ให้โอกาสเธอแล้ว แต่เธอไม่คว้าเอาไว้เอง”
ในตอนที่หลงเหม่ยซินกำลังจะต่อว่าหวางเย๋ว่าตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว ยังจะมีอารมณ์มาเก๊กหล่ออยู่นั่นเอง แต่ว่าชั่วพริบตาเดียวหวางเย๋ที่อยู่ตรงหน้าก็ได้หายไปแล้ว
การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแบบนี้ใช่สิ่งที่มนุษย์ทำได้เหรอ?
นักฆ่าหญิงเองก็ร้อนใจขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างมองหาร่องรอยของหวางเย๋อย่างรวดเร็ว มีดในมือนั้นก็ขยับเข้าใกล้ลำคอของหลงเหม่ยซินขึ้นมาอีก
เห็นว่าในเวลานี้อีกฝ่ายมีท่าทางกระวนกระวายเล็กน้อย หลงเหม่ยตัดสินใจเด็ดขาด ใช้ศีรษะโขกไปด้านหลังอย่างแรง เว้นระยะห่างออกมาในระยะสั้น ๆ ทันที เธอคิดที่จะวิ่งลงจากเวทีอย่างรวดเร็ว
แต่รีบไปจนไม่ทันระวัง เธอบังเอิญเหยียบเข้าที่ชายกระโปรงของตัวเอง และล้มลงไปทันที
“หลงเหม่ยซิน รนหาที่ตาย!” นักฆ่าหญิงโมโหขึ้นมา สองตาแดงก่ำถือมีดเตรียมที่จะแทงเข้าใส่หลงเหม่ยซิน
แต่เธอทำพลาดอย่างมหันต์
หวางเย๋ถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งนักฆ่า จะละเลยได้อย่างไรกัน?
เห็นเพียงเงาดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาในอากาศ นักฆ่าหญิงใช้มีดไปขวางไว้ด้วยสัญชาตญาณ กลับถูกกระแทกจนลอยออกไป
ร่างของเธอถอยหลังไปหลายก้าว เธอยังไม่ทันได้ตั้งท่าป้องกัน ก็เห็นมือข้างหนึ่งที่เป็นเหมือนดั่งกรงเล็บบีบคอตัวเองเอาไว้แน่น จากนั้นขาสองข้างก็ค่อย ๆ ลอยห่างจากพื้น
นักฆ่าหญิงพบว่าดวงตาของหวางเย๋ได้ถูกย้อมด้วยสีแดงดุจดั่งเลือด ก็รู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งตัว เหมือนได้ตกลงไปในหุบเหวที่มองไม่เห็นก้น ไม่มีความหวังที่จะปีนขึ้นมาได้อีกเลย
ผู้ชายคนนี้เป็นซาตานชัด ๆ !
และเธอรู้สึกว่าอากาศที่เธอสามารถหายใจได้นั้นลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกหายใจไม่ออกผสมกับความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง แต่พอนึกถึงว่าตัวเองได้ตายไปพร้อมกับท่านชายแห่งองค์ฮั๋วที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เช่นนั้นเธอก็ไม่มีอะไรให้เสียใจแล้ว
“ดูเหมือนว่าคงเชื่ออย่างปัญญาอ่อนว่าตัวเองจะสามารถทำให้ฉันตายได้สินะ!” สีหน้าของหวางเย๋เต็มไปด้วยความเย็นชา ในน้ำเสียงไม่มีความรู้สึกใด ๆ อยู่เลยสักนิด และที่ถืออยู่ในมือของเขานั้นก็คือระเบิดที่นักฆ่าหญิงเตรียมเอาไว้
ส่วนนาฬิกาจับเวลาที่อยู่บนระเบิดนั้นไม่รู้ว่าได้หยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่......
