ตอนที่ 7 ผู้หญิงแกร่ง
ขาลมองตามร่างสูงเพรียวที่เดินขาไม่เท่ากันคู่กันไปกับน้องสาวจนสุดสายตา เขาลืมบอกไปอีกเรื่องก็คือคนในยุคนี้หาได้ยากที่จะมีรองเท้าสวมใส่ ซึ่งครอบครัวเขาและครอบครัวของประกายก็เป็นหนึ่งในนั้น ขาลก้มมองเท้าตัวเองที่คลุกดินจนหม่นหมองด้วยความเวทนา ก่อนหน้าเคยใส่รองเท้าคู่ละหลายพันจนถึงหลักหมื่น ตอนนี้อย่าว่าแต่รองเท้า แม้แต่สบู่กับยาสีฟันยังไม่มีเงินซื้อ
เขาเริ่มรู้สึกนับถือผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาเสียแล้วสิ เธอต้องแกร่งขนาดไหนถึงทนอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ โดยไม่รู้สึกท้อเลยสักวัน วันนั้นหลังจากที่เขาตัดสินใจบอกกับพ่อว่าเขาจะแต่งงานกับประกาย พ่อจึงเล่าให้ฟังว่าเธอไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะผู้เป็นพ่อไม่สนับสนุนให้เรียนต่อ เพราะถ้าเธอเรียนก็เหมือนเป็นตัวถ่วงคนอื่น ๆ และก็คิดว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า สู้เอาเวลาที่ไปรับไปส่งลูกสาวไปโรงเรียนไปทำอย่างอื่นยังดีกว่า อีกทั้งประกอบยังได้ขึ้นชื่อว่าใช้งานลูกกับเมียโหดที่สุด ขาลส่ายหน้าอย่างเอือมระอา พ่อแบบนี้ก็มีด้วย ขนาดลูกอายุเพียงสิบสี่ ยังบังคับให้ลูกแต่งงาน เพื่อแลกกับแรงงาน
ประกายกับน้องสาวเดินไปยังลำน้ำที่อยู่ห่างจากเถียงนาประมาณหนึ่งกิโลเมตรกว่า เพื่อนำรากตดหมาไปล้างให้สะอาด จากนั้นจึงไล่ต้อนวัวควายไปกินน้ำ ก่อนจะนำควายมาผูกไว้ในร่มให้พวกมันพักผ่อนนอนเคี้ยวเอื้อง หรือตัวไหนจะเล็มหญ้าต่อก็ตามแต่พวกมันจะเลือก แต่วัวก็ปล่อยไว้ตรงลานกว้างเช่นนั้น เพราะนิสัยของมันไม่ชอบร่มอยู่แล้ว ส่วนเธอต้องกลับไปสับมะละกอ และทำอาหารเที่ยงเสียก่อน การทำอาหารให้คนกินเกือบสิบคนในแต่ละมื้อนั้นไม่ง่ายเลย ส่วนรากตดหมาคงต้องเก็บไว้ทำช่วงบ่าย
ขาลเลิกจากการขุดดินก็ตรงมาที่เถียงนาทันที มาถึงก็ช่วยประกายเตรียมที่สำหรับกินอาหาร โดยการปูเสื่อใต้ร่มยางนาต้นใหญ่
วันนี้เป็นวันแรกที่ขาลยอมกินข้าวร่วมวงเดียวกันกับประกาย ซึ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่บัวผันก็แอบดีใจที่ว่าที่ลูกเขยไม่ทำตัวห่างเหินลูกสาวตนเหมือนเช่นเคย ไม่พอแค่นั้นวันนี้ขาลยังนั่งใกล้ประกายอีกด้วย เหตุผลคือเขาอยากมองขาข้างที่พิการให้ชัด ๆ เขาอยากเห็นว่าเธอใส่ขาเทียมอย่างไร แต่ดูแล้วคงไม่ได้เห็นง่าย ๆ เพราะเธอดูหวงมันมากเหลือเกิน เมื่อเห็นสายตาที่เขามองไปยังขาข้างนั้น ประกายมักใช้ผ้าถุงปิดมันไว้ทุกครั้งไป
หน้าที่อีกอย่างของประกายก็คือไปตักน้ำดื่มมาให้ทุกคนกิน ความจริงบ่อน้ำที่นาก็มี เพียงแต่ตอนนี้น้ำแห้งขอดไปแล้ว เช่นนั้นหลังจากทุกคนลงไปทำงานในช่วงบ่าย ประกายจำเป็นต้องไปหาบน้ำ
สองสาวต่างวัยเดินตามกันไปตามคันนาเพื่อไปตักน้ำที่นาของลุงหนวดที่อยู่ห่างจากเถียงนาเธอประมาณสองกิโลเมตร ขาลที่กำลังใช้จอบขุดดินพอมองเห็นหลังทั้งสองไว ๆ จึงหยุดมือพร้อมทั้งเอ่ยถามพ่อ
“กายกับนิ่มจะไปไหนเหรอพ่อ”
“ไปตักน้ำมั้ง” เพราะบนบ่าของประกายหาบถังน้ำไปด้วย
ถามจบขาลก็วางจอบเดินกลับไปยังเถียงนา หยิบกระติกน้ำเปล่าสองใบเดินตามประกายกับน้องสาวไป
“พี่ขาลจะไปไหนเหรอลุงศรี” ออด น้องชายของประกายตะโกนถาม
“ไปตักน้ำ” บุญศรีตะโกนตอบกลับไปเพราะคิดว่าคงอ่านความคิดลูกชายไม่ผิด ถึงแม้ก่อนหน้ามันจะไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อนก็ตาม
เที่ยงพี่ชายของประกายจึงพูดกับแม่ “พี่ขาลดูเปลี่ยนไปนะแม่”
“ยังไง”
“ไม่รู้สิ แต่รู้สึกว่าเขาเข้าหากายมากขึ้น”
“ก็ดีแล้ว แต่งกันไปจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน” แรกเริ่มเดิมทีเธอยังนึกหวั่นว่าทั้งสองจะเข้ากันไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อเห็นขาลเป็นเช่นนี้เธอก็เบาใจไปหลายส่วน
ประกายกับน้องสาวเดินมาถึงบ่อน้ำดื่ม เธอมองดูน้ำที่ก้นบ่อแล้วจึงใช้เชือกที่ถือมาด้วยผูกกับเสาไม้ที่อยู่บนขอบบ่อ บ่อนี้เป็นบ่อดินแต่รอบบ่อด้านในมีท่อนไม้เรียงกั้นไว้ทั้งสี่ด้านเพื่อไม่ให้ดินพังทลายลงมา
“พี่กายจะลงไปตักน้ำอีกแล้วเหรอคะ” น้องน้อยเอ่ยถามเสียงใส บ่อยครั้งที่มาตักน้ำด้วยกันพี่สาวชอบทำเช่นนี้
“อืม! น้ำในบ่อเหลือน้อย พี่ต้องลงไปตักข้างล่าง” ถ้าใช้ถังตักจะได้น้ำไม่เต็มถัง อีกทั้งยังทำให้น้ำขุ่นด้วย
“พี่กายไม่กลัวเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกจ้ะ ถ้านิ่มโตขึ้นนิ่มก็ต้องทำเหมือนพี่” แน่นอนว่าลูกสาวบ้านนี้ไม่มีทางได้อยู่สบาย อีกหน่อยพอนิ่มนวลอายุสักหกเจ็ดขวบพ่อก็ต้องบังคับให้นึ่งข้าวตักน้ำแล้ว คนอย่างประกอบต้องใช้คนให้คุ้ม ผูกเชือกเสร็จประกายเดินไปหยิบถังน้ำกับขันที่เตรียมมาด้วยแล้วเดินมาหาน้องสาว “นิ่มยืนอยู่ให้ห่างจากบ่อนะ ไม่ต้องเข้ามาใกล้เดี๋ยวจะตกบ่อเอา พี่ลงไปแป๊บเดียวก็ขึ้นมาแล้ว”
“ค่ะ” นิ่มนวลรับคำอย่างว่าง่าย ผมสั้นเสมอติ่งหูบวกกับตัดหน้าม้าทำให้หน้าเธอกลมขึ้นไปอีก แต่ก็ถือว่าเป็นเด็กที่น่ารักอยู่ไม่น้อย
คุยกับน้องสาวเสร็จประกายจึงรวบผ้าถุงขึ้นแล้วนุ่งแบบผูกเตี่ยว จากนั้นจึงโรยตัวลงไปในบ่อน้ำ ที่มีน้ำไม่มากนัก จนไม่สามารถใช้ถังตักได้ แต่ถ้าใช้ขันตักใส่ถังแล้วหิ้วขึ้นมายังพอตักได้หลายถัง น้ำดื่มในหน้าแล้งก็หายากเช่นนี้ นี่เป็นวิธีที่เธอหาน้ำดื่มไปเลี้ยงทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่นาก็ตาม
ขาลมองเห็นว่านิ่มนวลยืนอยู่คนเดียวใกล้ ๆ บ่อน้ำจึงรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้นจนเกือบเป็นวิ่ง มาถึงก็รีบเอ่ยถามเสียงเครียด “พี่กายไปไหนเหรอนิ่ม” เหตุใดประกายถึงปล่อยให้น้องสาวยืนอยู่คนเดียวใกล้บ่อน้ำเช่นนี้ พลาดพลั้งตกลงไปจะทำเช่นไร
นิ่มนวลยืนยิ้มแฉ่งชี้นิ้วน้อย ๆ ลงไปในบ่อน้ำ “อยู่ในนั้นค่ะ”