ตอนที่ 2 เอาหัวโขกต้นตาล
“เข้มมันยังเด็กเกินไป รอสักสิบแปดค่อยแต่งก็ได้” บุญศรีพยายามอธิบายกับลูก “ถ้าแลกกับให้เรามีที่ซุกหัวนอนกับมีข้าวกินพ่อว่ามันก็คุ้มนะขาล เอ็งไม่ลองคิดดูอีกครั้งเหรอ” บุญศรีพูดเสียงเนิบช้าอย่างใจเย็นที่สุด
สองมือหนายกขึ้นกุมศีรษะแล้วดึงทึ้งผมตนแรง ๆ กล่าวออกด้วยท่าทางโกรธจัด “โธ่เว้ย! ก็บอกว่าไม่แต่งก็คือไม่แต่งพูดมากทำไมวะ” ดวงตาสีแดงคล้ายมีลูกไฟสุมอยู่มองหน้าพ่อนิ่ง เขาขบกรามแน่นแล้วพูดออกว่า “ได้ อยากให้ฉันแต่งมากใช่ไหม ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าไม่มีฉันแล้วพ่อจะทำยังไง” ว่าจบขาลก็วิ่งไปยังต้นตาลใหญ่ที่ยืนตระหง่านอย่างไม่หวาดหวั่นกับสายลมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเถียงนามากนัก
“ขาล!” พ่อกับน้องชายส่งเสียงเรียกขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าขาลคิดจะทำอะไร เข้มวิ่งตามพี่ชาย บุญศรีกระโดดลงจากเถียงนาวิ่งตามลูกชายไปอีกคน
ขาลเอาศีรษะตนพุ่งชนเข้ากับต้นตาลใหญ่อย่างสุดแรงเกิดสองครั้ง จนเกิดเสียงดังตุบ ๆ
“พี่ขาล!”
“ขาล!”
น้องชายกับพ่อวิ่งเข้ามาหาด้วยความตกใจ เข้มจับร่างพี่ชายไว้ ร่างสูงใหญ่ยืนโงนเงนด้วยความมึนงง ดวงตาพร่ามัวด้านหน้าคล้ายมีนกเป็นร้อยตัวบินว่อนอยู่รอบศีรษะ ไม่นานคนตัวใหญ่ก็ทรุดกายลงกับพื้น น้องชายกับพ่อรีบหามร่างไร้สติไปที่เถียงนาเพื่อห้ามเลือดที่ไหลไม่หยุดให้เขา
บุญศรีรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ตัดสินใจพูดเรื่องนี้กับลูกชาย ทั้งที่เขารู้อยู่แล้วว่าคนอย่างขาลไม่มีทางแต่งงานกับหญิงพิการอย่างแน่นอน แต่เพราะไม่มีที่นอนไม่มีข้าวกิน เขาจึงคิดว่าอยากให้ลูกชายแต่งงานกับลูกนายจ้าง ตามข้อเสนอของประกอบ ใช้แรงงานแลกที่หลับนอนและข้าวปลาอาหาร เพื่อไม่ต้องเร่ร่อนไปที่ไหนอีก เขาจึงตัดสินใจคุยกับลูกชายเรื่องนี้ ไม่คิดว่าขาลจะโกรธมากจนคิดสั้นเช่นนี้
รุ่งเช้าของวันใหม่แสงสีทองสาดส่องออกมาจากทิวไม้ ร่างที่นอนอยู่บนเถียงนาตลอดทั้งคืนจึงค่อย ๆ ขยับกาย เปลือกตาสีอ่อนลืมขึ้นอย่างช้า ๆ หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากันเมื่อรู้ว่าตนนอนอยู่ในมุ้งหลังเก่าคร่ำคร่าและมีสีเทาเข้มจนเกือบดำ บางจุดขมวดเป็นปมแล้วถูกมัดไว้ด้วยตอกไม้ไผ่ ดวงตาคมคายกวาดมองไปรอบกายจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่คฤหาสน์ที่ตนเคยอาศัยอยู่ ก็เมื่อคืนนี้เขาจำได้ว่าเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเพื่อนที่ผับของมัน จากนั้นก็…
แย่แล้ว! เขาขับรถชนผู้หญิงคนหนึ่งด้วย ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง คงมีคนมาช่วยเหลือเธอแล้วกระมัง ว่าแต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน
มือใหญ่ยกขึ้นกุมศีรษะเพราะรู้สึกปวดมากคล้ายมันจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยง ๆ ทันใดนั้นความทรงจำบางอย่างก็ถาโถมเข้ามาในโสตประสาทไม่หยุดหย่อน ยิ่งทำให้ปวดศีรษะมากขึ้น
เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่อยู่บนศีรษะ ขุนทัพในร่างของขาลจึงใช้มือลูบคลำเบา ๆ จึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนร่างนี้เอาศีรษะพุ่งชนเข้ากับต้นตาลเพราะพ่อบอกว่าต้องแต่งงานกับสาวพิการศีรษะเขาจึงแตก พ่อของเขาคงทำแผลให้
เขาถอนหายใจออกมายืดยาว นิ้วโป้งกับนิ้วกลางคลึงระหว่าคิ้วหนัก ๆ พร้อมกับแค่นยิ้มออกมาด้วยนึกสมเพชตัวเอง จากทายาทเศรษฐีหมื่นล้าน กลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน “นี่มันเรื่องอะไรกันวะ” เขาพึมพำเสียงเบา หลับตาลงอีกครั้ง หรือว่าเขาจะแค่ฝันไป แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งภาพตรงหน้าก็ยังเป็นมุ้งเก่า ๆ เหมือนเดิม