บทที่ 4 แยกบ้าน
ผลจากคำพูดของฉันในวันนั้นทำให้ฉันต้องถูกคุณย่าเฉินเรียกตัวมาตำหนิในวันนี้ ฉันคิดถึงแต่ผลลัพธ์ของตนเองแต่ลืมเลือนไปเลยว่าชื่อเสียงของจางเจี้ยนกั๋วในตอนนี้ก็ดำดิ่งลงเหวเช่นเดียวกัน แต่ฉันรู้ดีว่าเรื่องนี้ย่อมไม่ส่งผลถึงหน้าที่การงานของเขาในกองทัพอย่างแน่นอน ก็แค่ชื่อเสียงเสียหายเล็กๆ น้อยๆ อดีตอันธพาลประจำหมู่บ้านอย่างเขาย่อมจะสามารถรับมือได้อยู่แล้ว
“ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้าเช่นนี้มาก่อนเลย นังตัวดีแกตั้งใจจะทำให้ฉันต้องตายก่อนวัยอันควรใช่หรือไม่” คำพูดนี้ของคุณย่าทำให้คุณแม่เฉินรีบยื่นมือมาบีบมือของฉันเอาไว้ในทันที
“ที่จางเจี้ยนกั๋วพูดมาก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นความจริง ในเมื่อเขายินดีที่จะรับผิดชอบแต่คุณแม่ก็ไม่ควรที่จะบีบบังคับให้เขาต้องจ่ายเงินมากมายถึงขนาดนั้น” คำพูดของคุณพ่อเฉินทำให้ฉันต้องเงยหน้าไปมองเขา นี่นับเป็นครั้งแรกที่คุณพ่อออกหน้าโต้แย้งคุณย่า
“เจ้าสามนี่แกคิดอยากแต่จะให้ลูกสาวของแกได้แต่งงานจนโง่เขลาไปแล้วหรือ ถ้าหากว่าพวกเราไม่เรียกสินสอดมากขึ้นสักหน่อยแล้วชื่อเสียงของสกุลเฉินของพวกเราจะได้รับการชดเชยหรือไม่ แล้วยังความเป็นอยู่ของทุกคนในบ้านอีกที่ฉันทำอย่างนี้ก็เพราะอยากให้พวกแกมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” คำพูดของคุณย่าทำให้ฉันขยับริมฝีปากเพื่อยิ้มเยาะนาง
“คุณย่าก็เลยขายฉัน ทำให้คนอื่นยิ่งหัวเราะเยาะฉันมากกว่าเดิมใช่ไหมคะ” คำพูดนี้ของฉันทำให้คุณย่าเฉินลุกขึ้นมาแล้วตบลงบนใบหน้าของฉันในทันที
“แกกล้าดียังไง ถึงได้กล้ามาพูดกับฉันอย่างนี้ นังเด็กตัวดีเป็นเพราะแกถึงทำให้ฉันต้องได้รับความอับอายเช่นนี้”
“ตบฉันเลยค่ะ ตบให้ตายไปเลยหรือเอาให้ลูกในท้องของฉันหลุดไปเลยก็ได้นะคะ ไม่มีเด็กแล้วจางเจี้ยนกั๋วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมารับผิดชอบชีวิตและชื่อเสียงอันเสียหายไปแล้วของฉันอีก อ้อ! ไม่แน่นะคะหากเด็กเป็นอะไรไปขึ้นมาเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกโล่งใจแต่กลับโกรธแค้นขึ้นมาแทนที่คุณย่าเป็นสาเหตุให้ลูกของเขาต้องได้รับอันตรายก็เป็นได้” คำพูดของฉันทำให้คุณย่าตัวสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ แต่กลับไม่กล้าลงมือกับฉันทำให้ฉันอดรู้สึกไม่ได้ว่าเจ้าคนเสเพลคนนั้นช่างมีความสามารถยิ่งนักที่ทำให้คนอย่างคุณย่ารู้สึกเกรงกลัวเขาได้เช่นนี้
“พวกแกดูลูกสาวที่พวกเขาสั่งสอนมาสิ นอกจากจะทำเรื่องงามหน้าเก่งแล้ว ยังเต็มไปด้วยความก้าวร้าวคำพูดเมื่อครู่นี้นั้นไม่ใช่ว่าต้องการจะข่มขู่ฉันหรอกหรือ” คำพูดนี้ของคุณย่าเฉินทำให้ฉันรีบคว้าโอกาสนี้ในทันที
“สาเหตุที่คุณย่าไม่อยากจะเก็บฉันเอาไว้ฉันนั้นเข้าใจดี ถึงแม้ว่าในรุ่นของฉัน ฉันคนนี้จะเป็นหลานสาวคนที่สองของสกุลเฉิน แต่สำหรับคุณย่าแล้วฉันนั้นไม่ใช่สายเลือดของคุณย่าใช่หรือไม่ ในสายตาของคุณย่าฉันคนนี้จึงได้สมควรตาย ที่ผ่านมาต่อให้ฉันทำอะไรคุณย่าก็ไม่เคยมองว่าดีอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อฉันพลาดพลั้งเช่นนี้คุณย่าจึงได้ยกความผิดทั้งหมดมาให้ฉัน และคิดว่าฉันไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้” ฉันเอ่ยพลางพยายามบีบน้ำตา เรื่องนี้ที่จริงแล้วเป็นจุดอ่อนไหวที่ไม่สมควรจะเอ่ย เพียงแต่ฉันไม่อาจจะถือโอกาสหยิบยกเรื่องสายเลือดขึ้นมาเอ่ยถึงได้
ที่จริงแล้วสาเหตุที่บ้านสามไม่ค่อยจะได้รับความเป็นธรรมจากคุณย่าเท่าใดนักก็เป็นเพราะคุณพ่อคือลูกที่เกิดจากผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่คุณย่า สรุปก็คือคุณพ่อของร่างนี้คือผลพวงจากการนอกใจของคุณปู่นั่นเอง ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้อาวุโส แต่ในตอนนี้ถ้าหากว่าฉันต้องการจะให้บ้านสามใช้ชีวิตอย่างดี ก็ไม่อาจจะละเลยความจริงข้อนี้ไปได้
“เอ้อยา เรื่องนี้ลูกไม่สมควรที่จะเอามาพูด” คุณพ่อเฉินดุฉันพลางหันไปมองคุณปู่ด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่ฉันกลับพยายามบีบน้ำตาแล้วเอ่ยกับคุณพ่อด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
“คุณพ่อคะ แต่ฉันทนไม่ไหวแล้วนะคะ ที่จริงแล้วฉันอยากจะตายจากไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดอย่างที่คุณย่าต้องการ แต่เด็กคนนี้ที่อยู่ในท้องของฉันนั้นเขาไม่ได้ทำผิดอะไร ทุกวันนี้ที่คนภายนอกต่างพากันนินทาฉันส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะว่าฉันทำตัวไม่ดีเอง แต่อีกส่วนหากคุณพ่อไปสอบถามก็จะรู้เองว่าล้วนเป็นเพราะคุณย่าเป็นคนเล่าเรื่องฉันให้คนอื่นฟังทั้งนั้น” ฉันเอ่ยพลางเช็ดน้ำตา
“แล้วอย่างไรเล่า นี่ไม่ใช่เพราะสายเลือดของแกปนเปื้อนมาจากนังหญิงใจง่ายคนนั้นหรอกหรือ แกดูสิลูกสาวและหลานสาวของฉันมีคนไหนบ้างที่ทำเรื่องน่าอับอายอย่างแก ฉันอุตส่าห์ช่วยเรียกสินสอดให้มีมูลค่าสูงก็เพื่อช่วยกู้หน้าให้แก แล้วดูที่เจ้าหนุ่มสกุลจางทำกับแกสิ โอย ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งขายหน้า” เมื่อได้ยินคุณย่าเอ่ยออกมาเช่นนี้ฉันก็ได้แต่แอบยินดีอยู่ในใจ คุณพ่อเฉินจะต้องทนรับคำพูดนี้ของคุณย่าไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่มีใครยินดีให้แม่แท้ๆ ถูกผู้อื่นต่อว่าอย่างหยาบคายเช่นนี้หรอก
“ในเมื่อลูกสาวของผมทำให้คุณแม่รู้สึกขายหน้ามากเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกผมแยกบ้านไปเสียตอนนี้เถิดครับ” คำพูดนี้ของคุณพ่อเฉินทำให้ฉันแอบยิ้มยินดีอยู่ในใจ
“ได้อย่างไร แกมาจอแยกบ้านตอนนี้ลูกสาวของแกกำลังจะขายออกไปได้นี่นะ เจ้าสามนี่มันไม่เป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ” คำพูดของป้าสะใภ้รองทำให้ฉันขมวดคิ้ว แต่ลุงรองกับหยุดป้าสะใภ้รองเอาไว้แล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา
“น้องสาม เรื่องนี้พวกเราควรแล้วแต่คุณพ่อ”
“แยกเสียก็ดีเหมือนกัน ฉันเห็นด้วย” คุณปู่เฉินที่นั่งฟังอยู่นานแล้วเอ่ยขึ้นมาพลางหันมาจ้องมองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
“พวกแกสามคนไปคุยกับฉันในห้องของฉันส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ต้องเข้ามา” คุณปู่เอยแล้วเดินนำเข้าไปด้านในของตัวบ้าน ส่วนคุณย่ารีบตะโกนขึ้นมาในทันที
"แยกอะไรตอนนี้ นี่มันออกจะวุ่นวายจนเกินไปแล้ว" ถึงแม้ว่านางจะเอ่ยโต้แย้งด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่พอคุณปู่มีท่าทางว่าจะเอาจริงขึ้นมาคุณย่าก็ไม่กล้าที่จะโต้แย้ง
"มันคงเป็นเวรกรรมของฉัน พวกแกออกไปให้หมดโดยเฉพาะแกเลยนังตัวซวยช่วงนี้ถ้าไม่จำเป็นอย่าได้โผล่มาให้ฉันเห็นหน้า" เสียงของคุณย่าดังเสียจนฉันแน่ใจว่าตอนนี้เพื่อนบ้านที่กำลังเงี่ยหูฟังอยู่ทางด้านนอกจะต้องได้ยินกันหมดแล้ว ฉันได้แต่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกโดยไม่คิดจะหันหลังกลับ ยิ่งแยกบ้านกันเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อบ้านสามมากเท่านั้น ฉันแน่ใจว่าด้วยความขยันขันแข็งของคุณพ่อเฉินบ้านสามจะต้องสามารถหาเลี้ยงตนเองได้เป็นแน่
