ตอนที่ 5 ถูกพิษ
ตอนที่ 5 ถูกพิษ
หลายวันผ่านไปหลังจากการเผชิญหน้ากับแม่สามี หลิงเยว่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในเรือนของตน ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
เช้าวันนี้ หลิงเยว่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาด ความร้อนวูบวาบแล่นไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย นางรู้สึกกระสับกระส่าย ไม่สบายตัว
“ฮูหยินน้อย ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?” ชุนเฟยเดินเข้ามาพร้อมน้ำล้างหน้า
“อืม...” หลิงเยว่ลุกขึ้นนั่งบนเตียง พยายามข่มความรู้สึกแปลกๆ ในร่างกาย “ชุนเฟย...ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย”
“ฮูหยินน้อยเป็นอะไรหรือเจ้าคะ?” ชุนเฟยวางอ่างน้ำลงและเดินเข้ามาใกล้
“ข้าไม่แน่ใจ... รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว”
ชุนเฟยมองนางด้วยสายตาประหลาดใจ “ฮูหยินน้อยต้องการให้ข้าไปเชิญนายน้อยมาหรือไม่เจ้าคะ?”
หลิงเยว่ส่ายหน้าทันที “ไม่! ไม่ต้อง”
หลิงเยว่ลุกขึ้นล้างหน้า แต่ความรู้สึกร้อนวูบวาบกลับทวีความรุนแรงขึ้น นางรู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์เสียโดยไม่มีสาเหตุ
“เจ้าเอาชุดอะไรมาให้ข้า?” หลิงเยว่ถามเสียงดังเมื่อเห็นชุดที่ชุนเฟยเตรียมไว้ “ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ชอบสีนี้! ทำไมไม่จำ!”
ชุนเฟยก้มหน้างุด “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าจะไปเปลี่ยนชุดใหม่ทันที”
ทันทีที่คำพูดหลุดออกไป หลิงเยว่ก็รู้สึกตกใจกับตัวเอง นางไม่เคยพูดจารุนแรงกับใครแบบนี้มาก่อน แต่สาวใช้กลับดูไม่แปลกใจเลย
“ชุนเฟย รอก่อน” หลิงเยว่เรียก “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ข้ารู้สึกไม่สบายตัวมาก”
ชุนเฟยหันมามองด้วยความประหลาดใจ “ฮูหยินน้อยไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ?”
หลิงเยว่ถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ตั้งแต่เมื่อวานข้ารู้สึกร้อนวูบวาบ กระสับกระส่าย และหงุดหงิดง่ายผิดปกติ”
“อาการของท่านเหมือน...” ชุนเฟยหยุดพูดกลางคัน ใบหน้าแดงเรื่อ ตั้งแต่รับใช้ฮูหยินน้อยมาทำไมนางจะไม่รู้ว่าฮูหยินน้อยมีความต้องการสูง และหลายวันที่ผ่านมาฮูหยินไม่เรียกหานายน้อยเลย
“เหมือนอะไร?”
“เหมือน... เหมือนสตรีที่มีความต้องการ... ทางกาย เจ้าค่ะ” ชุนเฟยตอบเสียงเบา
หลิงเยว่นิ่งอึ้ง นางนึกถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ที่มักจะเรียกเจี้ยนหลงมาหาในยามค่ำคืนเสมอ ทั้งที่เขาไม่เต็มใจ
“ชุนเฟย เจ้ารู้จักหมอที่ไว้ใจได้หรือไม่?” หลิงเยว่ถาม “ข้าอยากไปพบหมอ”
“หมอหรือเจ้าคะ?”
“ใช่! ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของข้า แต่ข้าไม่อยากเรียกหมอมาตรวจที่นี่”
หลังจากนั้น หลิงเยว่และชุนเฟยก็แต่งตัวอย่างเรียบง่ายและออกจากจวนเหอทางด้านหลังอย่างเงียบๆ ชุนเฟยพานางไปยังร้านยาเล็กๆ ในตรอกแคบ ที่นี่ไม่ใช่ร้านหรูหราแต่ดูสะอาดและเป็นระเบียบ
“หมอจางเป็นหมอที่มีฝีมือเจ้าค่ะ” ชุนเฟยกระซิบ “ข้าเคยปวดท้องแล้วมาหาเขาเมื่อเดือนก่อน กินยาของเขาแล้วหายทันที”
หมอจางเป็นชายวัยกลางคน ท่าทางใจดีและสุขุม เมื่อเห็นหลิงเยว่ก็ยิ้มให้เล็กน้อย
“ไม่ทราบว่าแม่นางมีอาการอย่างไรบ้าง?” หมอจางถาม
หลิงเยว่เล่าอาการของตนให้ฟัง โดยไม่เปิดเผยว่านางเป็นใคร หมอจางฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะขอตรวจชีพจร
“ขออนุญาตจับชีพจรแม่นาง”
หลิงเยว่ยื่นข้อมือให้ หมอจางจับชีพจรอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป จากความสงบกลายเป็นความกังวล
“แปลกมาก...” หมอหลี่พึมพำ “ชีพจรของแม่นางมีความผิดปกติ ธาตุไฟในร่างกายแรงมากผิดธรรมชาติ”
“หมายความว่าอย่างไร?” หลิงเยว่ถาม
“ข้าคิดว่า...แม่นางได้รับพิษชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย” หมอจางตอบ ก่อนจะนิ่งไปสักพักเมื่อได้กลิ่นบางอย่างจากหลิงเยว่ “น่าจะเป็นพิษจากเห็ดที่มีฤทธิ์กระตุ้นความต้องการทางกาย พิษนี้จะทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน และมีความต้องการทางกายสูงผิดปกติ”
หลิงเยว่และชุนเฟยมองหน้ากันด้วยความตกใจ
“แต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ ดูเหมือนว่าแม่นางจะได้รับพิษนี้มาเป็นเวลานานแล้ว อาจเป็นปีหรือมากกว่านั้น ทำให้ธาตุไฟแปรปรวนและส่งผลต่อมดลูก”
“ส่งผลอย่างไร?” หลิงเยว่ถามเสียงสั่น
“ทำให้มดลูกอ่อนแอ และอาจเป็นสาเหตุให้... ไม่สามารถมีบุตรได้อีก” หมอจางตอบเสียงเบา
หลิงเยว่รู้สึกเหมือนถูกสาดน้ำเย็น นางนึกถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ที่พยายามมีลูกคนที่สองมาหลายปีแต่ไม่สำเร็จ เพื่อผูกมัดไม่ให้เจี้ยนหลงรับอนุ เพราะนางรู้ว่าเจี้ยนหลงรักเสี่ยวอันมาก นางจึงคิดว่าต่อให้เขาไม่รักนางก็ไม่เป็นไร แค่เขารักลูกของนางก็เพียงพอแล้ว ลูกคือสิ่งที่ผูกมัดให้เขาอยู่กับนาง
“มีวิธีรักษาหรือไม่?” นางถาม เพราะไม่อยากไปบังคับเจี้ยนหลงให้ร่วมหลับนอนด้วย
“ข้าจะจ่ายยาให้คุณหนู เพื่อบรรเทาอาการและช่วยขับพิษออกจากร่างกาย แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับมดลูก ข้าไม่สามารถรักษาให้หายได้”
หลิงเยว่นิ่งคิด ใครกันที่จะวางยาพิษนางเป็นเวลานานเช่นนี้? และทำไปเพื่ออะไร?
“ที่สำคัญ หากได้รับพิษนี้ในปริมาณมากเกินไปในคราวเดียว อาจถึงแก่ชีวิตได้ เพราะมันทำให้หัวใจจะเต้นเร็วเกินไปจนหยุดเต้น”
ทันใดนั้น หลิงเยว่ก็เข้าใจทุกอย่าง เจ้าของร่างเดิมคงตายเพราะพิษนี้ และนางเองก็กำลังอยู่ในร่างที่เต็มไปด้วยพิษ แบบนี้เรียกว่าซวยซ้ำซวยซ้อนได้หรือไม่!
ในเรือนหลัก เหอเจี้ยนหลงกำลังนั่งอ่านเอกสารราชการอยู่ที่โต๊ะทำงาน แสงตะเกียงสีเหลืองนวลส่องสว่างในห้อง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะอ่านรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน แต่สมาธิของเขากลับไม่อยู่กับเอกสารตรงหน้า
"แปลกจริง" เขาพึมพำกับตัวเอง "สามคืนติดต่อกันแล้วที่หลิงเยว่ไม่ส่งคนมาตามข้า"
เถาเฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดของนายจึงตอบ "อาจเป็นเพราะฮูหยินน้อยไม่สบายหรือเปล่าขอรับ"
เจี้ยนหลงส่ายหน้า "ไม่น่าใช่ ถ้านางไม่สบาย ยิ่งต้องเรียกหาข้า นางไม่เคยพลาดโอกาสที่จะเรียกร้องความสนใจจากข้า"
“เจ้าสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ของนางบ้างหรือไม่?” เจี้ยนหลงถาม
“ข้าได้ยินจากบ่าวในจวนคุยกันว่า ฮูหยินน้อยไม่ได้ดุด่าใครเลยในช่วงสองสามวันมานี้ และเมื่อวานนี้ ข้าเห็นนางเดินไปที่เรือนของคุณชายน้อย แต่ไม่ได้เข้าไป เพียงแต่ยืนมองจากระยะไกลเท่านั้น”
เจี้ยนหลงขมวดคิ้วมากขึ้น พฤติกรรมเหล่านี้ไม่เหมือนหลิงเยว่ที่เขารู้จัก ภรรยาของเขาเป็นคนอารมณ์ร้าย เอาแต่ใจ และไม่เคยสนใจลูกชายเลย
“และวันนี้...” เถาเฉิงลังเลอีกครั้ง
“พูดมาเถอะ” เจี้ยนหลงกล่าว
“วันนี้มีคนเห็นฮูหยินน้อยแอบออกจากจวนพร้อมกับสาวใช้ชุนเฟย พวกเขาออกไปตั้งแต่เช้าและกลับมาตอนบ่าย ไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหนขอรับ”
เจี้ยนหลงนิ่งไป ความสงสัยเริ่มก่อตัวในใจ “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปเถอะ”
เมื่อเถาเฉิงออกไปแล้ว เจี้ยนหลงนั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เขาไม่เคยรักหลิงเยว่ การแต่งงานของพวกเขาเป็นเพียงการเมืองระหว่างสองตระกูล แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ภรรยาของเขาทำอะไรที่นำความอับอายมาสู่ตระกูลเหอได้
“หรือว่านางจะออกไปพบชายอื่น?...” เขาพึมพำกับตัวเอง ความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างประหลาด
เจี้ยนหลงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เขาไม่เคยรักหลิงเยว่ แต่นางก็เป็นภรรยาของเขา และเป็นแม่ของลูกชายคนเดียวของเขา หากนางทำอะไรที่ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของตระกูลเหอ เขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด
