ตอนที่ 3 ทำอะไรก็ผิด
ตอนที่ 3 ทำอะไรก็ผิด
หลิงเยว่เดินออกมาจากห้องอาหารแล้ว แต่น้ำตายังคงไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้ ความเจ็บปวดจากคำพูดของพ่อแม่สามีและสายตาเย็นชาของเหอเจี้ยนหลงยังคงแผดเผาหัวใจของนาง ทั้งที่นางไม่ควรรู้สึกเช่นนี้ด้วยซ้ำ เพราะนางไม่ใช่เจ้าของร่างตัวจริงสักหน่อย
“ฮูหยินน้อย” ชุนเฟยเดินตามมาติดๆ ด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ?”
หลิงเยว่พยายามเช็ดน้ำตา “ข้าไม่เป็นไร... แค่...” นางไม่สามารถพูดต่อได้ ทั้งที่นางไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมแต่ทำไมมันเจ็บปวดเช่นนี้นะ
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินกลับไปยังเรือนของหลิงเยว่ นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะใสๆ ของเสี่ยวอันดังมาจากสวนเล็กๆ ด้านข้าง หลิงเยว่หยุดเดินและมองไปยังต้นเสียง
ในสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ เสี่ยวอันกำลังวิ่งเล่นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม โดยมีหยางซื่อคอยวิ่งตามและระวังไม่ให้เด็กน้อยล้ม ภาพตรงหน้าทำให้หลิงเยว่รู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
หลิงเยว่สูดหายใจลึกๆ แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในสวน ทุกย่างก้าวของนางเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น แต่นางก็ยังคงเดินต่อไป
เมื่อเสี่ยวอันเห็นมารดาเดินเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที เด็กน้อยรีบวิ่งไปหลบอยู่หลังหยางซื่อ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เสี่ยวอัน...” หลิงเยว่เรียกลูกชายเบาๆ พยายามส่งยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดให้ “แม่แค่อยากคุยกับลูกหน่อย”
“ไม่เอา!” เสี่ยวอันตะโกน มือน้อยๆ เกาะชายเสื้อของหยางซื่อแน่น “ข้าไม่อยากคุยกับท่านแม่!”
หยางซื่อมองหลิงเยว่ด้วยแววตาสะใจ “ฮูหยินน้อย... บางทีอาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม...”
“ข้าเป็นแม่ของเขา” หลิงเยว่ตอบเสียงสั่น “ข้ามีสิทธิ์ที่จะพูดคุยกับลูกของข้า”
หลิงเยว่ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ และคุกเข่าลงเพื่อให้อยู่ในระดับสายตาของเสี่ยวอัน “เสี่ยวอัน แม่ขอโทษที่เคยทำให้ลูกกลัว แม่สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายลูกอีกแล้ว”
เสี่ยวอันยังคงซ่อนตัวอยู่หลังหยางซื่อ แต่ก็เริ่มชะโงกหน้าออกมามองมารดาด้วยความสงสัย
“ลูกอยากเล่นกับแม่ไหม?” หลิงเยว่ถามพร้อมรอยยิ้ม “เราไปจับผีเสื้อด้วยกันไหม?”
เสี่ยวอันมองไปที่ผีเสื้อตัวน้อยที่กำลังบินวนอยู่เหนือดอกไม้ แล้วมองกลับมาที่มารดา ความลังเลปรากฏชัดบนใบหน้าเล็กๆ
เสี่ยวอันค่อยๆ ก้าวออกมาจากที่ซ่อน แต่ยังคงระวังตัว “ท่านแม่จะไม่ตีข้าใช่ไหม?”
คำถามนั้นทำให้หลิงเยว่ชะงัก “แม่สัญญา ลูกรัก แม่จะไม่ทำร้ายลูกอีกเลย”
เสี่ยวอันยังคงลังเล แต่เมื่อเห็นผีเสื้อตัวน้อยบินมาใกล้ เขาก็อดใจไม่ไหว วิ่งไปพยายามจับมัน
หลิงเยว่ลุกขึ้นและเดินตามลูกชายไปอย่างช้าๆ พยายามไม่ทำให้เด็กน้อยตกใจ นางยิ้มเมื่อเห็นเสี่ยวอันกระโดดพยายามจับผีเสื้อแต่ไม่สำเร็จ
“ลูกอยากให้แม่ช่วยไหม?” หลิงเยว่ถามเบาๆ
เสี่ยวอันมองมารดาด้วยความลังเล ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
หลิงเยว่ค่อยๆ เข้าไปใกล้ลูกชาย และโน้มตัวลงเล็กน้อย “ลูกต้องค่อยๆ เข้าไปใกล้ แล้วเคลื่อนไหวช้าๆ นะ”
เสี่ยวอันทำตามที่มารดาบอก และเมื่อผีเสื้อบินมาเกาะที่ดอกไม้ใกล้ๆ เขาก็ค่อยๆ ย่องเข้าไป แต่เมื่อเขาเกือบจะจับได้ ผีเสื้อก็บินหนีไปอีกครั้ง
“อา!” เสี่ยวอันร้องอย่างผิดหวัง
พวกเขาเล่นไล่จับผีเสื้อกันอยู่พักใหญ่ หลิงเยว่รู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกชาย แม้เสี่ยวอันจะยังคงระวังตัวไม่ยอมเข้าใกล้นางมากนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้วิ่งหนีเหมือนก่อนหน้านี้
เมื่อเสี่ยวอันวิ่งไล่ตามผีเสื้อตัวหนึ่งที่บินไปทางพุ่มไม้ หลิงเยว่ก็รีบวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง
“ระวังนะลูก!” นางเตือน
แต่เสี่ยวอันไม่ได้ยิน เขายังคงวิ่งตามผีเสื้อด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าลูกชายกำลังจะวิ่งชนกับกิ่งไม้ที่ยื่นออกมา หลิงเยว่ก็รีบวิ่งเข้าไปและคว้าตัวเสี่ยวอันไว้
“ระวังลูก!” นางร้องพร้อมกับดึงตัวเสี่ยวอันเข้ามากอด
แต่การกระทำที่กะทันหันนั้นทำให้เสี่ยวอันตกใจ เขาดิ้นรนพยายามหลุดจากอ้อมกอดของมารดาอย่างรุนแรง
“ปล่อย! ปล่อยข้านะ!” เสี่ยวอันร้องไห้ ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง “ท่านแม่จะตีข้า! ปล่อยข้านะ!”
“เสี่ยวอัน แม่ไม่ได้จะตีลูก!” หลิงเยว่พยายามอธิบาย แต่เสี่ยวอันยังคงดิ้นรนต่อไป
ในที่สุดเสี่ยวอันก็ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของมารดา แต่แรงดิ้นทำให้เขาล้มลงกับพื้น เข่าของเขากระแทกกับก้อนหินเล็กๆ ทำให้มีเลือดไหลซึมออกมา
เสี่ยวอันร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบแก้ม
“เสี่ยวอัน!” หลิงเยว่ร้องอย่างตกใจ นางรีบเข้าไปดูบาดแผลของลูกชาย “ลูกเป็นอะไรมากไหม? ให้แม่ดูหน่อย”
แต่เสี่ยวอันกลับถอยหนีจากมารดา “อย่าเข้ามา!”
“แม่แค่อยากดูว่าลูกเป็นอะไรมากไหม” หลิงเยว่พยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“มีเรื่องอะไรกัน?” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง
หลิงเยว่หันไปมองและพบว่าเหอเจี้ยนหลงกำลังยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขาเคร่งเครียด
“ท่านพ่อ!” เสี่ยวอันร้องเรียกด้วยความโล่งใจ “ข้าเจ็บ!”
เหอเจี้ยนหลงรีบเดินเข้ามาและคุกเข่าลงข้างลูกชาย เขามองบาดแผลที่เข่าของเสี่ยวอันด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านแม่...” เสี่ยวอันสะอื้น “ท่านแม่จับตัวข้า ข้ากลัวว่าท่านแม่จะตีข้า ข้าเลยดิ้นหนี แล้วก็ล้ม...”
เหอเจี้ยนหลงหันมามองหลิงเยว่ด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าทำอะไรเขาอีก!!”
“ข้า... ข้าแค่กันไม่ให้เขาวิ่งชนกิ่งไม้” หลิงเยว่อธิบายเสียงสั่น “ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาตกใจ”
“แต่เขาก็บาดเจ็บ” เหอเจี้ยนหลงตอบเสียงเย็น เขาอุ้มเสี่ยวอันขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ!” หลิงเยว่ร้อง น้ำตาไหลอาบแก้ม
“พอได้แล้ว” เหอเจี้ยนหลงตวาด “เจ้าก็รู้ว่าเขากลัวเจ้า ยังจะเข้าใกล้เขาอีก”
“แต่ข้า...”
“พอ!” เหอเจี้ยนหลงตัดบท “ข้าจะพาเสี่ยวอันไปให้หมอดู เจ้ากลับไปที่เรือนของเจ้าเถอะ และอย่าเข้าใกล้ลูกของเราอีก จนกว่าเขาจะพร้อม”
คำพูดของเหอเจี้ยนหลงเหมือนคมมีดที่กรีดลงบนหัวใจของหลิงเยว่ นางยืนนิ่งมองสามีอุ้มลูกชายเดินจากไป เสี่ยวอันซบหน้าลงบนไหล่ของบิดาพลางสะอื้นเบาๆ
วันต่อมา หลิงเยว่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในอก เหตุการณ์เมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
หลังจากกินอาหารเช้าเพียงเล็กน้อย หลิงเยว่ก็ตัดสินใจออกไปเดินเล่นในสวน นางหวังว่าอาจจะได้พบเสี่ยวอันโดยบังเอิญ แม้จะรู้ว่าเหอเจี้ยนหลงสั่งไม่ให้นางเข้าใกล้ลูกชาย แต่นางก็ยังอยากเห็นหน้าเขา แม้จะเป็นเพียงแค่การมองจากระยะไกลก็ตาม
เมื่อเดินมาถึงสวนหลักของจวน หลิงเยว่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเสี่ยวอัน นางรีบเดินตามเสียงไปและพบว่าเสี่ยวอันกำลังเล่นอยู่กับหยางซื่อและเหอเจี้ยนหลง
หลิงเยว่ยืนมองภาพครอบครัวที่แสนอบอุ่นตรงหน้าด้วยความรู้สึกบีบคั้นในอก เสี่ยวอันกำลังหัวเราะร่าเริงขณะที่เหอเจี้ยนหลงและหยางซื่อคอยเล่นด้วย ภาพนั้นช่างแตกต่างจากเมื่อวานที่ลูกชายร้องไห้ด้วยความกลัวเมื่อนางเข้าใกล้
“ฮูหยินน้อย...” ชุนเฟยที่ตามมาด้วยกระซิบเบาๆ “เราควรกลับเรือนเถอะเจ้าคะ หากนายท่านเห็น...”
หลิงเยว่พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหันหลังกลับ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้า เสียงของเสี่ยวอันก็ดังขึ้น
“ท่านแม่!”
หลิงเยว่ชะงัก นางหันกลับไปมองลูกชายด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เมื่อพบว่าเสี่ยวอันกำลังเรียกหยางซื่อ ไม่ใช่นาง
“ข้าอยากกินขนมที่ท่านแม่ทำ!” เสี่ยวอันพูดพลางกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
เหอเจี้ยนหลงหันมาเห็นหลิงเยว่ยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เสี่ยวอันหันมามองตามเสียงของบิดา เมื่อเห็นหลิงเยว่ เขาก็รีบวิ่งไปซ่อนหลังหยางซื่อทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ข้า... ข้าแค่ออกมาเดินเล่น” หลิงเยว่ตอบเสียงสั่น
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้เจ้าอยู่ห่างจากเสี่ยวอัน” เหอเจี้ยนหลงพูดเสียงเย็น
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาใกล้ ข้าแค่ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา...” หลิงเยว่พยายามอธิบาย
“พอเถอะ” เหอเจี้ยนหลงตัดบท “กลับไปที่เรือนของเจ้าเดี๋ยวนี้”
หลิงเยว่กัดริมฝีปาก พยายามกลั้นน้ำตาไว้ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เหอเจี้ยนหลงมองตามแผ่นหลังของหลิงเยว่ที่เดินจากไปด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหันกลับมาหาลูกชายที่ยังคงซ่อนตัวอยู่หลังหยางซื่อ ดวงตาของเสี่ยวอันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มือน้อยๆ เกาะชายเสื้อของหยางซื่อแน่น
เสี่ยวอันค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากหลังหยางซื่อ ดวงตากลมโตยังคงมีความหวาดระแวง
"เสี่ยวอันมานี่ พ่อมีเรื่องจะพูดกับเจ้า"
เสี่ยวอันเดินมาหาบิดาด้วยสีหน้างุนงง เหอเจี้ยนหลงจูงมือลูกชายไปนั่งที่ม้านั่งหินใต้ต้นไม้ใหญ่ ห่างจากหยางซื่อพอสมควร
"เสี่ยวอัน ท่านพ่อรู้ว่าเจ้ารักพี่หยางซื่อมาก" เหอเจี้ยนหลงเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง "แต่เจ้าไม่ควรเรียกนางว่า 'ท่านแม่'"
เสี่ยวอันเอียงศีรษะด้วยความสงสัย "ทำไมหรือท่านพ่อ? พี่หยางซื่อดูแลข้าเหมือนแม่ นางใจดีกับข้า ทำขนมให้ข้า และเล่านิทานให้ข้าฟังก่อนนอนด้วย"
เหอเจี้ยนหลงถอนหายใจเบาๆ "ใช่ พี่หยางซื่อใจดีมาก แต่เจ้ามีแม่อยู่แล้ว"
ดวงตาของเสี่ยวอันฉายแววหวาดกลัว "แต่นางใจร้าย..."
"เสี่ยวอัน ฟังพ่อให้ดี" เหอเจี้ยนหลงจับไหล่ลูกชาย "หลิงเยว่คือแม่ที่แท้จริงของเจ้า"
"ข้ารู้..." เสี่ยวอันเริ่มน้ำตาคลอ
"ไม่ว่านางจะเป็นไงยัง นางก็เป็นแม่ของเจ้า หากเจ้าเรียกคนอื่นว่าแม่ นางจะเสียใจมาก"
น้ำตาของเสี่ยวอันเริ่มไหลออกมา "แต่ข้า...ข้าแค่รักพี่หยางซื่อเหมือนแม่ ข้าผิดด้วยหรือ?"
คำพูดนั้นเหมือนมีดแทงเข้าที่หัวใจของเหอเจี้ยนหลง แต่นั่นเป็นเพราะหลิงเยว่ทำตัวเอง
"เจ้าสามารถรักพี่หยางซื่อได้" เหอเจี้ยนหลงอธิบายอย่างใจเย็น "เจ้าสามารถมีคนที่เจ้ารักได้หลายคน แต่แม่ของเจ้ามีเพียงคนเดียว"
เสี่ยวอันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ" เขาเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยดวงตาที่ยังคงมีน้ำตาคลอ "แต่บ้างครั้งข้าอาจจะเผลอพูดไปบ้าง"
เหอเจี้ยนหลงพยักหน้า "พ่อเข้าใจ แต่เจ้าอย่าพูดในยามที่อยู่ต่อหน้าแม่ของเจ้า"
เมื่อกลับถึงเรือน หลิงเยว่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ความเศร้าและความสับสนเข้าครอบงำจิตใจ ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหนแต่ถ้าโดนไล่บ่อยๆ แบบนี้นางก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
“ฮูหยินน้อย...” ชุนเฟยเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “อย่าเพิ่งเสียใจไปเลยนะเจ้าคะ”
“ชุนเฟย” หลิงเยว่เงยหน้าขึ้นมอง “เจ้าอยู่กับข้ามานานแล้วใช่ไหม?”
“เจ้าค่ะ ข้ารับใช้ฮูหยินน้อยมาห้าปีแล้ว” ชุนเฟยตอบ
หลิงเยว่ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจ “ข้าอยากออกไปข้างนอก”
“ออกไปข้างนอกหรือเจ้าคะ?” ชุนเฟยทวนคำอย่างประหลาดใจ
“ใช่ ข้าอยากได้เสื้อผ้าชุดใหม่”
