ตอนที่ 2 เป็นที่รังเกียจ
ตอนที่ 2 เป็นที่รังเกียจ
แสงอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างกระดาษข้าวเข้ามาในห้อง หลิงเยว่ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย ความทรงจำเมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว นางยังไม่อยากเชื่อว่าตัวเองข้ามมิติมาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่มีชื่อเดียวกัน แต่นิสัยแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ตามด้วยเสียงแหบเล็กของสาวใช้ “ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ได้เวลาตื่นแล้วเจ้าค่ะ”
หลิงเยว่ลุกขึ้นนั่ง “เข้ามาเถอะ”
ประตูเปิดออก ชุนเฟยเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน คนหนึ่งถือกาน้ำชา อีกคนถือผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่น
“ฮูหยินน้อย ข้าน้อยเตรียมน้ำล้างหน้ามาให้แล้วเจ้าค่ะ” ชุนเฟยเอ่ยพลางส่งผ้าเช็ดหน้าให้หลิงเยว่
หลิงเยว่รับมาเช็ดหน้าอย่างเรียบร้อย ไม่มีอาการอาละวาดหรือโวยวายเหมือนที่เจ้าของร่างเดิมเคยทำ ทำให้บรรดาสาวใช้มองกันอย่างประหลาดใจ
แต่หลิงเยว่รู้สึกเหนียวตัว นางอยากอาบน้ำมากกว่า "ข้าขออาบน้ำได้ไหม"
ชุนเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรีบตอบ "ได้เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย ข้าจะรีบไปเตรียมน้ำอุ่นให้ท่าน"
หลิงเยว่สังเกตเห็นความประหลาดใจในดวงตาของสาวใช้ทั้งสาม เจ้าขอร่างเดิมคงไม่เคยขอร้องอะไรด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นนี้
"ขอบใจ" หลิงเยว่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง
สาวใช้ทั้งสามคนยิ่งตกใจกับคำพูดขอบคุณของนาง "ฮูหยินน้อยไม่จำเป็นต้องขอบคุณพวกเราหรอกเจ้าค่ะ นี่เป็นหน้าที่ของพวกเรา"
สาวใช้ทั้งสามรีบโค้งตัวแล้วออกจากห้องไป ทิ้งให้หลิงเยว่นั่งอยู่บนเตียงคนเดียว
ไม่นานนัก ชุนเฟยก็กลับมาพร้อมกับสาวใช้อีกสี่คนที่แบกถังไม้ใส่น้ำอุ่นเข้ามาในห้อง พวกนางเทน้ำลงในอ่างไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่หลังฉากบังตา
"น้ำอุ่นพร้อมแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย" ชุนเฟยเอ่ย
หลิงเยว่ลุกจากเตียงเดินไปที่อ่างอาบน้ำ แต่แล้วนางก็ชะงัก เมื่อเห็นว่าสาวใช้ทั้งหมดยังยืนอยู่ที่เดิม
"พวกเจ้าจะอยู่ช่วยข้าอาบน้ำหรือ?" หลิงเยว่ถามอย่างประหลาดใจ
"เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย" ชุนเฟยตอบ "ทุกครั้งที่ผ่านมา พวกเราจะช่วยถูหลังและสระผมให้ท่าน"
หลิงเยว่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นางไม่เคยชินกับการมีคนช่วยอาบน้ำ แต่นางก็รู้ว่านี่คงเป็นธรรมเนียมปกติสำหรับสตรีชั้นสูงในยุคโบราณ
หลิงเยว่คิดหาทางออก "เช่นนั้น เจ้าอยู่ช่วยข้าก็ได้ ชุนเฟย ส่วนคนอื่นออกไปรอข้างนอกก่อน"
ชุนเฟยพยักหน้า แล้วสั่งให้สาวใช้คนอื่นๆ ออกไป เหลือเพียงนางกับหลิงเยว่ในห้อง
หลิงเยว่ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้า โดยมีชุนเฟยช่วยเหลือ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ นางก็ใส่ชุดคลุมเดินตามชุนเฟยออกมา
“วันนี้ฮูหยินน้อยจะสวมชุดใดดีเจ้าคะ?” ชุนเฟยถามพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
หลิงเยว่เดินตามไปดู และต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็น ในตู้เสื้อผ้ามีแต่ชุดสีสันฉูดฉาด เนื้อผ้าบางเบาที่ดูยั่วยวน บางชุดเว้าโชว์เนินไหล่และแผ่นหลังอย่างไม่เหมาะสมกับสตรีที่แต่งงานแล้ว
“นี่... มีแต่ชุดแบบนี้หรือ?” หลิงเยว่ถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ชุนเฟยพยักหน้า “เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อยเป็นคนสั่งตัดชุดพวกนี้ไว้ใส่... เอ่อ... ยามอยู่กับท่านเสนาบดีเจ้าค่ะ”
หลิงเยว่ถอนหายใจ ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนในจวนจะมองนางด้วยสายตาดูแคลน เจ้าของร่างเดิมแต่งตัวไม่ต่างจากนางโลมเลยสักนิด
“มีชุดที่สุภาพกว่านี้บ้างไหม?” หลิงเยว่ถาม
ชุนเฟยอึ้งไปชั่วขณะ "ปกติฮูหยินน้อยก็จะสวมชุดเหล่านี้ไปพบนายท่านและฮูหยินใหญ่อยู่แล้วเจ้าค่ะ แต่ถ้าออกไปข้างนอกท่านถึงจะใส่ชุดคลุมทับอีกชั้น”
หลิงเยว่ส่ายหน้าอย่างระอา “ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะรังเกียจข้า” นางพึมพำ
“ฮูหยินน้อยว่าอะไรนะเจ้าคะ?” ชุนเฟยถาม เมื่อนางได้ยินไม่ชัด
“ไม่มีอะไร” หลิงเยว่ตอบ ก่อนจะเลือกชุดที่ดูเรียบร้อยที่สุดในบรรดาชุดทั้งหมด เป็นชุดสีฟ้าอ่อน แม้จะยังคงรัดรูปแต่ก็ไม่ได้โป๊เปลือยจนเกินไป “ข้าจะใส่ชุดนี้”
“ฮูหยินน้อย จะให้ข้าน้อยเกล้าผมแบบใดดีเจ้าคะ?” สาวใช้อีกคนถาม
“แบบเรียบๆ สุภาพ ไม่ต้องหวือหวามาก” หลิงเยว่ตอบ
สาวใช้ทั้งสามมองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนที่ชุนเฟยจะกล้าเอ่ยถาม “ฮูหยินน้อย... ท่านเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ? ตั้งแต่เมื่อวานท่านเปลี่ยนไปมาก”
หลิงเยว่ชะงัก นางลืมไปว่าการเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้อาจทำให้คนอื่นสงสัยได้ “ข้า...ข้าแค่เบื่อเลยอยากเปลี่ยนบ้าง"
เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย หลิงเยว่มองตัวเองในกระจก ใบหน้าสวยงามถูกแต่งแต้มอย่างพอดี แม้ชุดจะรัดรูปแต่ก็ยังดูสุภาพกว่าชุดอื่นๆ ผมถูกเกล้าเรียบร้อยไม่ได้ปล่อยสยายเหมือนที่เคยทำ
ระหว่างทางเดินไปยังเรือนใหญ่ หลิงเยว่สังเกตเห็นว่าบ่าวไพร่ที่เดินผ่านต่างหลบตานางและก้มหน้างุด บางคนถึงกับเดินอ้อมไปทางอื่นเมื่อเห็นนางเดินมา แสดงให้เห็นว่าเจ้าของร่างเดิมเป็นที่หวาดกลัวของทุกคนในจวนมากเพียงใด
“ชุนเฟย” หลิงเยว่เรียกสาวใช้ที่เดินนำหน้า
“เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย” ชุนเฟยหยุดและหันมา
“เสี่ยวอัน... ลูกชายของข้า ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“คุณชายน้อยอยู่ที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่เป็นคนดูแล” ชุนเฟยตอบ
หลิงเยว่พยักหน้า ความทรงจำของร่างเดิมบอกว่าเสี่ยวอันเป็นเด็กชายน่ารัก แต่หลิงเยว่คนเดิมไม่เคยสนใจดูแลลูก มักจะปล่อยให้พี่เลี้ยงดูแล และบางครั้งยังทำร้ายลูกชายเมื่อน้อยใจหรือโมโหสามี
“ข้าเป็นแม่ที่แย่มากสินะ” หลิงเยว่พึมพำ
“ฮูหยินน้อยว่าอะไรนะเจ้าคะ?” ชุนเฟยถาม
“ไม่มีอะไร เดินต่อเถอะ”
เมื่อมาถึงเรือนใหญ่ หลิงเยว่สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องโถงกว้าง ภายในห้องมีโต๊ะกลมใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง รอบโต๊ะมีคนนั่งอยู่หลายคน
ที่หัวโต๊ะคือชายชราอายุราวหกสิบปี ใบหน้าเคร่งขรึม นั่งอย่างสง่างาม คือเหอเว่ยจง บิดาของเหอเจี้ยนหลง ถัดมาเป็นหญิงชราใบหน้าอ่อนโยนแต่แววตาเฉียบคม นางคือฮูหยินใหญ่ฟางหรง มารดาของเหอเจี้ยนหลง
ด้านซ้ายของโต๊ะคือเหอเจี้ยนหลง สามีของนาง ที่นั่งอย่างเงียบขรึม ใบหน้าไร้อารมณ์ ข้างๆ เขามีเด็กชายตัวน้อยอายุราวห้าขวบ ใบหน้าน่ารัก ดวงตากลมโต กำลังกินข้าวต้มอย่างเรียบร้อย คงเป็นเสี่ยวอัน ลูกชายของนาง
และอีกฝั่งของโต๊ะคือหญิงสาวงดงาม อายุราวยี่สิบปี ใบหน้าอ่อนหวาน ดวงตาเป็นประกาย นางคือหยางซื่อ น้องสาวบุญธรรมของเจี้ยนหลง ที่ถูกวางตัวให้เป็นฮูหยินใหญ่แต่ต้องรอเพราะเจี้ยนหลงแต่งงานกับหลิงเยว่ก่อน
“มาแล้วหรือ” ฟางหรงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหลิงเยว่ “นั่งลงเถอะ”
หลิงเยว่ย่อตัวคำนับอย่างนอบน้อม “คารวะท่านพ่อ ท่านแม่”
ทุกคนในห้องชะงัก มองหลิงเยว่ด้วยความประหลาดใจ ไม่เคยมีวันไหนที่หลิงเยว่จะทักทายพ่อแม่อย่างสุภาพเช่นนี้ ปกติแล้วนางมักจะเดินเชิดหน้าเข้ามานั่ง ไม่สนใจใครทั้งสิ้น
“เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?” ฟางหรงถามอย่างสงสัย
“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ” หลิงเยว่ตอบพลางนั่งลงข้างๆ เสี่ยวอัน
เสี่ยวอันมองมารดาด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองหยางซื่อเหมือนขอความช่วยเหลือ ดวงตากลมโตของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อหลิงเยว่ยื่นมือไปแตะไหล่เล็กๆ ของเขา เสี่ยวอันก็สะดุ้งและผละออกห่างทันที
“เสี่ยวอัน...” หลิงเยว่เอ่ยเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เด็กน้อยกลับยิ่งถอยห่างออกไปอีก จนเกือบจะตกเก้าอี้
หยางซื่อรีบลุกขึ้นมาประคองเสี่ยวอัน “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว” นางพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กน้อย
เสี่ยวอันยิ้มตอบและเกาะแขนหยางซื่อแน่น “พี่หยาง ข้ากลัว...” เด็กน้อยกระซิบเบาๆ แต่ทุกคนในห้องได้ยินชัดเจน
หลิงเยว่รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างบีบรัดหัวใจ นางมองลูกชายที่หลบซ่อนอยู่หลังหยางซื่อด้วยความเจ็บปวด ทั้งที่ไม่ใช่มารดาแท้ๆ ทว่าความทรงจำของร่างเดิมก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่หลิงเยว่คนเก่าตบตีเสี่ยวอันเพียงเพราะเด็กน้อยพูดว่าอยากให้หยางซื่อเป็นแม่ของเขา
“เสี่ยวอัน...” หลิงเยว่พยายามอีกครั้ง “ต่อไปนี้แม่จะไม่ทำร้ายลูกอีกแล้ว แม่สัญญา”
“ข้าไม่เชื่อ! ท่านแม่โกหก!” เสี่ยวอันตะโกนออกมา น้ำตาคลอ “ท่านบอกแบบนี้ทุกครั้งที่ตีข้าเสร็จแล้ว! ท่านก็ตีข้าอีกเหมือนเดิม”
ฟางหรงถอนหายใจ “หยางซื่อ พาเสี่ยวอันไปกินข้าวที่ห้องข้างๆ เถอะ”
หยางซื่อพยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ ท่านแม่” นางอุ้มเสี่ยวอันขึ้นและเดินออกจากห้อง เด็กน้อยกอดคอหยางซื่อแน่น ไม่แม้แต่จะหันมามองมารดาแท้ๆ ของตัวเอง
เมื่อหยางซื่อและเสี่ยวอันออกไปแล้ว บรรยากาศในห้องก็ยิ่งอึดอัด หลิงเยว่มองไปที่เหอเจี้ยนหลง แต่เขากลับนั่งกินข้าวต่อโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
“หลิงเยว่” เหอเว่ยจงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเย็นชา “ต่อไปห้ามเจ้าทำร้ายหลานข้าอีก หากข้ารู้ข้าจะลงโทษเจ้าด้วยกฏของจวนเหอ"
หลิงเยว่ก้มหน้า “เจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก ข้า... ข้าขอโทษ”
“ขอโทษ?” เหอเว่ยจงหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าคำขอโทษของเจ้าจะลบล้างความผิดที่เจ้าทำมาตลอดห้าปีได้หรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะพระราชโองการ ข้าคงไม่มีวันยอมรับลูกสะใภ้อย่างเจ้า!”
“ท่านพ่อ...” หลิงเยว่พยายามพูด แต่ถูกขัดจังหวะ
“พอ!” เหอเว่ยจงตวาด “ข้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเจ้า ทุกวันนี้ที่ข้ายังอนุญาตให้เจ้าอยู่ในจวนนี้ ก็เพราะเสี่ยวอันเท่านั้น”
ฟางหรงถอนหายใจอีกครั้ง “หลิงเยว่ เจ้าควรจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ลูกชายของเจ้ากลัวเจ้าขนาดนี้ เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ?”
เหอเว่ยจงวางตะเกียบ “เจี้ยนหลง เจ้าควรจะจัดการภรรยาของเจ้าขั้นเด็ดขาดเสียที”
เหอเจี้ยนหลงเงยหน้าขึ้นมองหลิงเยว่ ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “คราวนี้ถ้านางทำร้ายเสี่ยวอันอีก ข้าจะจัดการนางเอง ท่านพ่อไม่ต้องห่วง”
หลิงเยว่มองสามีด้วยแววตาเศร้าหมอง แต่สิ่งที่นางเห็นในดวงตาของเขามีเพียงความเย็นชาและความเกลียดชัง
“ข้า... ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” หลิงเยว่ลุกขึ้นยืน น้ำตาเริ่มไหลออกมา นางไม่อาจทนอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังได้อีกต่อไป
“นั่งลง!” เหอเจี้ยนหลงสั่งเสียงเข้ม “เจ้ายังกินข้าวไม่เสร็จ”
“แต่ข้า...”
“ข้าบอกให้นั่ง!” เขาตวาดเสียงดัง
หลิงเยว่นั่งลงอีกครั้ง นางพยายามกลั้นน้ำตาไว้ แต่มันก็ยังไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ นางฝืนกินข้าวอีกสองสามคำก่อนจะเอ่ยขอตัว
"ข้ารู้สึกไม่สบาย ขอตัวกลับเรือนก่อน" นางพูดเสียงสั่น
"เจ้าเพิ่งกินไปแค่สามคำเอง" เหอเจี้ยนหลงเอ่ยทั้งที่ไม่มองหน้านาง
"พอเถอะ" ฟางหรงเอ่ยขึ้นในที่สุด "ปล่อยให้นางไป"
หลิงเยว่ลุกขึ้นยืนทันที ย่อตัวคำนับเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
