หนึ่ง เท้าเหยียบจวนไม่ทันไร เรื่องก็เข้ามาหาเสียแล้ว
ทางกลับจวนอันเป็นสถานที่เกิดของร่างนี้ไม่ยากมากนัก เพียงลองผิดลองถูกไม่กี่เส้นทางนางก็สามารถพาตัวเองเข้าทางประตูหลังจวนตระกูลซ่งและเดินกลับเรือนเหลียนฮวา อันเป็นเรือนพำนักของตนเองได้สำเร็จ
เป็นดังคาด....
หลังจากซ่งเจียซินกลับมาที่เรือนตนเองได้อย่างปลอดภัย นางทำธุระจัดการตัวเองเสร็จไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูที่ด้านหน้าเรือนของนางดังขึ้น
ในจวนแห่งนี้มีหูตาของฝ่ายตรงข้ามเต็มไปหมด พอพวกมันเห็นนางรอดปลอดภัยกลับมาคงรีบรายงานให้เจ้านายของตนเองรับรู้ในทันที
"ซวงอี๋ เจ้าออกไปดูหน่อยซิว่าผู้ใดมาเคาะประตูยามนี้"
แน่นอนว่าหลังจากซ่งเจียซินกลับมาก็เลยยามโหย่ว มาสักพักแล้ว จึงนับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน หากไม่มีเรื่องสำคัญเวลานี้จริงๆ ย่อมไม่ควรรบกวนเวลาคนอื่น
“เจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”
ซวงอี๋คือ สาวใช้ประจำตัวผู้พักดีคนหนึ่งที่มารดาร่างนี้เคยช่วยชีวิตบุพการีของนางไว้โดยการให้คนไปตามหมอ จ่ายค่ารักษาและค่ายาให้ทั้งหมดจนกระทั่งมารดานางหายป่วย บุญคุณในครั้งนั้นทำให้นางจึงคิดว่าสตรีผู้นี้ไว้ใจให้อยู่ใกล้ชิดได้
ร่างบอบบางของซวงอี๋เดินออกไปและเดินเข้ามารายงานสารที่ได้รับมาจากข้างนอก
“เป็นสาวใช้จากเรือนใหญ่ของนายท่านเจ้าค่ะคุณหนู นางมาบอกว่านายท่านเรียกตัวคุณหนูไปพบที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อเรียกข้าอย่างนั้นรึ”
ในความทรงจำของร่างเดิมที่หลงเหลืออยู่ มีน้อยครั้งนักบิดาผู้นี้จะเรียกหาบุตรีขี้อายและพูดออดอ้อนไม่เก่งอย่างร่างเดิม
อืม มีก็แต่หนใดที่เกิดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับนางจากปากสตรีเคียงหมอนทั้งหลายนั่นแหละ อีกฝ่ายจึงเรียกนางไปเข้าพบเพื่อตำหนิโดยใช้คำสวยหรูว่าสั่งสอนแทน
ชะตากรรมร่างเดิมหลังจากมารดาสิ้นชีวีลงช่างน่าเวทนายิ่งนัก
หากแต่จะโทษโชคชะตาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ทั้งที่เกิดเป็นบุตรีของฮูหยินใหญ่แท้ๆ ไยจึงไม่ใช้สถานะที่คนยุคนี้ให้ความสำคัญยิ่งเหนือสิ่งอื่นใดนี้ให้เป็นต่อจากคนอื่นในบ้านที่มารังแกกันเล่า!
เพราะร่างนี้ไม่สู้คนเองต่างหากจึงปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ในที่สุด
ครั้งนี้เองก็คงไม่ต่างกัน คงมีใครไปฟ้องบางเรื่องแล้วกระมัง
“ไปเถอะ พวกเราไปพบท่านพ่อกัน”
“คะ คุณหนูเจ้าค่ะ ดูท่าหนนี้นายท่านมีโทสะไม่น้อย ตอนบ่าวเดินออกไป เห็นสีหน้าของสาวใช้ดูไม่ค่อยดี นางบอกว่านายท่านดูอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่กลับมาจากข้างนอกแล้วเจ้าค่ะ....บ่าวว่าคุณหนูอ้างว่าวันนี้ไม่ค่อยสบายดีกว่าหรือไม่เจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวเดินไปรายงานนายท่านด้วยตัวเอง”
สาวใช้ผู้นี้กำลังกลัวว่านายของตนเองถูกลงโทษหนักจึงบอกให้รอบิดาสร่างโทสะลงก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปขอเข้าพบอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
หากแต่ในทางตรงกันข้ามซ่งเจียซินไม่คิดเช่นนั้น นางกลับคิดว่าการประวิงเวลาเพื่อรอให้บิดาผู้นั้นคลายโทสะลงก่อนนั่นถือเป็นการเปิดทางให้ สตรีที่ไม่หวังดีทั้งหลายในความทรงจำของร่างนี้ใช้เป็นเครื่องมือในการสุมไฟโทสะของบิดานางให้ลุกโหมมากกว่าเก่าด้วยซ้ำไป
“เจ้าถามนางหรือว่าบิดาอารมณ์ไม่ดี หรือว่าสาวใช้ผู้นั้นบอกเจ้าเอง”
“ไม่ได้เอ่ยถามเจ้าค่ะ สาวใช้เรือนใหญ่เป็นฝ่ายกระซิบฝากบ่าวมาเอ่ยเตือนคุณหนูเอง”
“....”
แสดงว่าสาวใช้จากเรือนใหญ่ไม่ได้เข้าข้างและหวังดีต่อคุณหนูใหญ่อย่างนางสักเท่าไหร่
ซวงอี๋เองก็ไม่ค่อยทันคนเช่นเจ้านายร่างเดิมจึงพลอยหวังดีผิดทาง
หากหนนี้เป็นวิญญาณร่างเดิมคงเลือกเชื่อคำพูดหวังดีประสงค์ร้ายเหล่านั้นและแสร้งเป็นล้มป่วยเข้าทางให้คนเอื่นมีโอกาสใส่ความว่านางไม่เชื่อฟังคำสั่งของบุพการี
หรือไม่ก็ผู้ไม่หวังดีพาบิดาเจ้าของร่างเดิมมาบุกพิสูจน์ว่าร่างเดิมโกหกถึงที่เรือนก็เป็นได้
“ไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอกน่า ไป เจ้าตามข้ามาซวงอี๋ แล้วอย่าลืมบอกให้อ้ายเย่วเฝ้าเรือนของข้าไว้ให้ดี อย่าให้คนอื่นบุกรุกเข้ามาได้ตอนที่ข้าไม่อยู่เรือน”
“จะ เจ้าค่ะ”
ซ่งเจียซินเดินนำสาวใช้ของตนไปที่เรือนใหญ่ด้วยท่าทางกล้าหาญแตกต่างจากร่างเดิมในอดีตยิ่งนัก ทำเอาบ่าวในเรือนมองตามตาค้างกันไปตามๆ กัน
