บท
ตั้งค่า

เจ้าจันทร์เมียยักษ์ บทที่ ๑ เจ้าจันทร์คือสนมเอกของกรุงยักษา (๓)

“ยะ... อย่างน้อย” มธุรสเอ่ยเสียงแกว่งๆ

“...”

“อย่างน้อยก่อนทำ ก็สวมถุงยางอนามัยก่อนได้มั้ยคะ?”

สุวรรณราพณ์ยักษาถึงกับอึ้งตะลึงงันเมื่อได้ยินภาษาถิ่นที่ไม่คุ้นเคย ถุงยางอนามัยนั้นคือกระไร ไม่เคยได้ยินผ่านหูผ่านตามาก่อน

“เจ้าหมายถึงกระไรรึ” ถามด้วยสีหน้าสงสัย จะว่าไปเจ้าจันทร์ตั้งแต่ฟื้นพิษไข้ประหลาดก็ดูแปลกพิกลขึ้นเล็กน้อย พูดภาษาถิ่นเมืองเกิดของตนออกมาบ่อยๆ ทำให้สุวรรณราพณ์ต้องสับสน

จริงด้วยสิ ถึงจะเป็นความฝันแต่ฉากก็เซ็ตมาอยู่ในสมัยวรรณคดี ถุงยางอนามัยในสมัยนั้นคงยังไม่ผลิตหรอกมั้ง

มธุรสคิดในใจแล้วยิ้มอ่อนๆ

“ท่านมีมาตราการป้องกันการมีเซ็กซ์จากอะไรบ้างเหรอคะ” หลังจากนั้นก็ถามคำถามเป็นทางการออกไป ถ้าให้สดไม่ป้องกันใดๆ มันอาจจะเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อตัวเธอมากกว่าเขา เผลอๆ อาจจะตั้งครรภ์เด็กตัวยักษ์เหมือนเขาจนเบ่งออกมาไม่ไหวโจ๊ะโม๊ะฉีกขาดจนตาย หรือไม่อย่างร้ายแรงที่สุดก็ติดเชื้อ

ก็ดูอีกฝ่ายนุ่งผ้าสิ ไม่น่าจะมีกางเกงในกันความชื้นหรอก ท่าทางกลับจากสงครามตีเมือง (เพื่อล่อหญิง) ก็คงจะถอยทัพกลับมาเลย เนื้อตัวก็ยังไม่ได้อาบไม่ได้ทำความสะอาดอะไรเลย คงมอมแมมไปด้วยฝุ่นดิน

ได้ยินมาว่าช่องคลอดของหญิงสาวนั้นบอบบางและติดเชื้อง่ายมาก ทางที่ดีที่สุดควรยืดอกพกถุงก่อนทุกครั้ง

“มาตราการ? เซ็กซ์? มันคือกระไร ข้ามิรู้จัก” คนตัวใหญ่เลิกคิ้วสงสัย มธุรสถอดถอนใจเฮือกใหญ่

“เอ่อ ฉันง่วงแล้วค่ะ” ก่อนจะหลับก็ไม่ได้พกถุงยางอนามัยวางไว้ใต้หมอนบนเตียงคนไข้ซะด้วย ถึงจะเป็นความฝันแต่ก็น่าเสียดายเหลือเกิน คิดว่าจะได้ลิ้มรสชาติสุขสมฟีโรโมนคลั่งเป็นครั้งแรกแล้วเชียว “เรานอนกันเถอะค่ะ หรือยังไงถ้ามีเรือนเล็กๆ ให้ฉันนอนคนเดียวได้ก็ดีค่ะ”

สุวรรณราพณ์ขมวดคิ้วตีสีหน้าดุดันทันที อุตส่าล่าถอยไม่ยอมเสพสังวาสกับสนมคนใหม่อีกคนเพื่อตรงมาหาเธอแต่เพียงผู้เดียว ใยจึงตัดรอนสัมพันธ์สวาทกันอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้

“แต่ข้าปรารถนาเจ้า เจ้าจันทร์ยอดรัก” แน่นอนว่ายักษ์หนุ่มไม่ยอมแพ้ เอื้อมมือหนาพลิกหลังมือไล้ไปตามเรียวแขนเปลือยของสาวเจ้าอย่างเว้าวอนกลายๆ “คืนนี้ถ้าไม่ได้ร่วมรักกับเจ้า ข้าคงแทบมอดมลาย”

อะไรจะเว่อร์ปานนั้น เจ้าจันทร์คิดในใจแล้วชักไหล่หลบเพราะสยิวจนขนลุกซู่

“ขอโทษนะคะ แต่ฉันง่วงจริงๆ เดินทางมาก็ไกล เหนื่อยไม่ไหวจริงๆ ค่ะคุณสุวรรณราพณ์” พูดพลางปิดปากแสร้งหาวไปหนึ่งกรุบ การอ้างว่าง่วงเป็นการกระทำที่สิ้นคิดอย่างมาก แต่เธอก็แอบคิดว่าดูอีกฝ่ายจะหลงใหลคนที่เธออยู่ในร่างถึงปานนี้ อย่างน้อยก็คงยินยอมไม่แตะต้องได้เพราะว่าสาวเจ้าง่วงหงาวหาวนอนไร้เรี่ยวแรงจะสานต่ออยู่แล้วละน่า

แต่มธุรสนั้นยังอ่อนประสบการณ์ที่จะเดาเชิงบุรุษเพศมากนัก โดยเฉพาะกับคนที่เลือดร้อนและเอาแต่ใจดั่งเช่นสุวรรณราพณ์ตนนี้

มิเคยมีหญิงสาวผู้ใดปฏิเสษยักษาหนุ่มรูปงามเช่นเขา สนมที่ผ่านมา แค่เพียงโอ้โลมแค่เพียงนิดก็ยินยอมเสียแล้ว แต่เจ้าจันทร์ที่เขารอคอยกลับไม่มีทีท่าจะสมยอมเขาเลยแม้แต่เพียงนิด

“เจ้ามิควรปฏิเสธข้าตั้งแต่หนแรกแล้วเจ้าจันทร์ เจ้ามิมีสิทธิ์นั้น” สุ้มเสียงดุดันเมื่อยักษาหมดความอดทน เขาคว้าต้นแขนขาวแล้วบีบแน่นจนมธุรสต้องเบ้หน้า ขยายร่างใหญ่ขึ้นอีกพร้อมกับเคี้ยวโค้งงอ หวังข่มขู่อีกฝ่ายให้ร่วมเสพสวาทกับตน “เจ้าเป็นเพียงแค่เชลยของเมืองที่เจ้าจากมา บิดาของเจ้าขายเจ้าให้เป็นเมียข้า”

“...!!”

“เจ้ามีแต่สิ่งเดียวที่จะเปิดปากเอ่ยได้ นั่นคือเพรียกหาข้ายามที่อยู่ใต้เรือนกายของข้าเท่านั้น”

นี่มันไม่ต่างอะไรกับคำพูดก่อนจะเยเย้มารูโจ้ของพระเอกนิยายซาดิสต์เลยสักนิด!

“ว้าย!” สิ้นคำพูดนั้น ร่างกายที่เล็กและบอบบางอ้อนแอ้นก็ถูกยกขึ้นนั่งบนตักแกร่งของสุวรรณราพณ์ทันควัน สไบถูกถอดออกไปแล้ว พร้อมกับผ้ารัดอกที่ถูกถอดถอนเป็นอย่างที่สอง หน้าอกขาวผ่องสล้างออกมาสัมผัสอากาศและกลิ่นอบอวลของเทียนหอม

เสียงจิ้งหรีดเรไรเป็นเสียงเดียวที่ดังอื้ออึงข้างกกหูของมธุรสในเพลานี้

ทรวงและปทุมถันคู่นั้น เป็นสีชมพูอ่อนงดงามเหลือเกิน สุวรรณราพณ์สางผมสีดำขลับยาวตรงและนุ่มละมุนของเธออย่างอ้อยอิ่ง รั้งมาชิดปลายจมูกโด่งเป็นสันอย่างหลงใหลในเธอ จิตใจที่เดือดพล่านนั้นเย็นลงเมื่อได้เห็นของสวยงาม ริมฝีปากหยักได้รูปกดจูบข้างซอกคอใกล้สันกรามสวย

ส่วนมือใหญ่นั้นก็กอบกุมทรวงของเธอไว้ แล้วคลึงด้วยความปรารถนา

มธุรสหน้าแดงแจ๋ ทั้งที่เป็นความฝันแต่ทุกอย่างกลับชัดเจนตรงหน้าเธอ สัมผัสที่ทรวงอกนั้นก็รู้สึกได้เต็มอิ่มเหมือนกับว่านี่คือความจริง นิ้วมือใหญ่คลึงเคล้าเธออย่างละมุนละม่อมเพราะกลัวว่าถ้าบีบไปเต็มแรงยักษ์ ทรวงของเธออาจจะเละคาอุ้งมือเสียได้

นุ่มนวล กลิ่นกายหอม แทบจะทานทนมิไหว

สุวรรณราพณ์นั้นแลบลิ้นฉกชิมรสหวานจากซอกคอขาวและหอมกลิ่นดอกมะลิ มธุรสครางเสียงหวาน ปลายนิ้วยักษ์จึงบดบี้เม็ดบัวสีสวยเป็นอย่างถัดไป ความนุ่มละมุนในเรือนร่างแน่งน้อยเนื้อนิ่ม ทำให้เขาอยากลิ้มชิมใจแทบขาด

ตัวเล็กน่าพะเน้าพะนอ ใบหน้าสวยหวานดูเป็นกุลสตรี ผิวขาวจัดอมชมพู และผมยาวตรงสลวย

งดงามถึงเพียงนี้ ข้าถึงได้หมายปองเจ้ามานับร้อยปี

“อื้อ... ตรงนั้นมัน” เธอเปล่งเสียงครวญครางน่าเย้าใจ เพราะความรู้สึกทั้งมวลนั้นเต็มอิ่ม สยิวจนหายใจแทบมิทัน แก้มที่แดงระเรื่อถูกสัมผัสด้วยริมฝีปากหยัก ก่อนที่กลีบปากและเรียวลิ้นเล็กของมธุรสจะถูกช่วงชิงเป็นอย่างถัดไป

มธุรสถูกยักษ์หนุ่มกำราบได้เพราะเพียงรสจูบครั้งที่สอง ดูดดื่มและมัวเมา ตัวเล็กๆ ของเธออ่อนปวกเปียกแทบละลายคาอกหนา ทรวงถูกหยอกเย้าจนแดงแจ๋ ทั้งบี้ทั้งคลึงเสียจนเธอเสร็จสมคาตักแกร่ง จึงได้เพลาที่ยักษ์หนุ่มต้องรุกรานสรีระด้านล่างเสียบ้าง

มธุรสกัดกลีบปากของตนแน่น ร่างกายมิเป็นดั่งใจเอาเสียเลย ราวกับว่าเมื่อบุรุษตรงหน้าสัมผัสนางที่ตรงใด ก็จะร้อนผ่าวและทิ้งความกรุ่นร้อนอยู่ตามผิวส่วนนั้น มือหนาใหญ่ที่อบอุ่น จับนั่นแตะนี่เพียงพึงใจ เลื่อนลงมาที่เอวคอดและสะดือสวย ลูบไล้ไปตามกายาที่เป็นสัดส่วนโค้งเว้าอย่างสตรีของนาง

จนปลดผ้าซิ่นสีหมากสุกของนางได้นั้นแล ผ้าผ่อนสีสดหล่นตุบไปกองลงกับพื้น มธุรสหน้าแดงก่ำ เปิดเปลือยอวดดอกไม้งามที่มีน้ำหวานชุ่มฉ่ำเล็กน้อยตรงเกสร เชิญชวนให้ภมรตัวยักษ์อย่างสุวรรณราพณ์ได้เชยชม

แม้นี่จักมิใช่ร่างกายของนาง แต่เพราะวิญญาณมาจุติในร่างนี้แล้ว เลยรู้สึกเหมือนกับว่านี่คือร่างของตนเองไปเสียแล้ว

ปลายมชฺฌิมาไล่ระดับลงมายังแอ่งแกนเกสรสวย มันเป็นสีขาวอมชมพูและกลีบงามนั้นปิดสนิทราวกับเด็กสาวแรกแย้ม ไรขนน้อยๆ ขึ้นเป็นอุ้งๆ แซมๆ พอน่าดูชม

งดงามไปเสียทั้งตัว ทั้งหอม ทั้งเย้ายวน กลิ่นกายสาปสาวมันหอมหวานราวกับรสทิพย์จากสวรรค์ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ มิเคยได้เสพกลิ่นหอมของสนมนางไหนแล้วปรีเปรมดิ์เช่นนี้มาก่อน

ไม่แคล้ว เจ้าจันทร์คงเป็นนางสวรรค์ที่ลงมาจุติบนโลกนี้เป็นแน่แท้

สุวรรณราพณ์ชื่นชมดอกบัวงามที่ผลิบานอยู่ในอุ้งมือหยาบหนาของเขา รู้ดีว่าตนเป็นเพียงแค่ยักษ์ เผ่าพันธุ์อสุรกายที่มิควรสมสู่กับมนุษย์ ยิ่งมนุษย์สูงศักดิ์และงดงามเช่นนาง ยิ่งมิควรแตะต้องให้หมองหม่นในเกียรติ

แต่ทว่า... สุวรรณราพณ์นั้นมีความทะเยอทะยานอยู่มากโข มิสนพระทัยว่าอีกฝ่ายจะเป็นนางฟ้านางสวรรค์ หรือพระธิดาที่งดงามบริสุทธิ์ของกษัตริย์พระองค์ใด

เขารู้ว่านางคือคู่ชะตาชีวิตของเขาเมื่อชาติปางก่อน

นางคือสาวน้อยหน้าตาขี้ริ้วที่ช่วยเหลืออสุรกายมิมีวันมอดม้วยมรณาดั่งเช่นเขา แม้จักรู้ว่าอีกฝ่ายมิใช่มนุษย์ หญิงสาวก็มิได้รังเกียจ เธอยอมตกเป็นเมียของยักษ์กายาอัปลักษณ์ตนนั้น เพราะนางรักเขาเหลือเกิน

ชาตินี้คู่ชะตาของเขากลับมาเกิดใหม่ เป็นสาวนงเยาว์ที่สวยสดงดงาม ซ้ำยังมีบิดาเป็นกษัตริย์ ต่างจากชาติก่อนที่นางเป็นเพียงแค่สาวชาวบ้านขี้ริ้วธรรมดา

ในขณะที่เขากลับมาเกิดใหม่ในพระครรภ์ของพระมารดรที่เป็นกษัตริย์เมืองยักษาแห่งนี้ เกิดมาเป็นกษัตริย์ยักษาผู้โหดเหี้ยม บ้าหญิง หลายสนม และเสพมนตร์ขลัง รวมถึงระลึกชาติได้

แม้ว่าจักแตกต่างกันสักเพียงใด แม้ว่าคู่ชะตาของนางในชาตินี้อาจมิใช่เขา

สุวรรณราพณ์ก็จักสาบานตนว่าจะตามหาเธอเรื่อยไป จนกว่าจะได้กลับมาอยู่กินร่วมกันอีกครา

และในเพลานี้... ดอกบัวงามดอกนี้ ตกอยู่ในกำมือของเขาเสียแล้ว

“อะ... อื้อ คุณสุวรรณราพณ์” เสียงหวานหวีดหวิวพอทำให้กระชุ่มใจยิ่งนัก ดวงใจของนางถูกบดบี้ผ่านเนื้อนุ่ม ผ้าซิ่นหลุดออกจากกายเสียแล้ว กำไลข้อเท้าส่งเสียงกรุ้งกริ้งเมื่ออีกฝ่ายยกเรียวขางามขึ้นเพื่อจะได้สำรวจแกนเกสรได้ถนัดถนี่

ท่าทางของเธอและเขาในเพลานี้ ช่างเรทอาร์เสียจริง โดยเฉพาะกับความรู้สึกตรงแอ่งเกสร ที่กำลังถูกปลายมชฺฌิมาชอนไช สะบัดปลายนิ้วหยอกล้อกับเมล็ดพันธุ์ของเธอที่บวมเต่งสุกใส ความซาบซ่านบังเกิดจนทำให้แน่งน้อยขนลุกซู่ บิดเกร็งไปมาด้วยความสยิวเกินทานทน

“เพรียกเพียงชื่อข้าก็พอ... เจ้าจันทร์” สุ้มเสียงทระนงแต่กลับขยี้อารมณ์สวาทดังข้างริมหู กดริมฝีปากจูบเบาๆ ที่สันกรามสวยของนางนั่นแล ดวงใจดวงน้อยสั่นเร้าจนแทบหลุดลงมากองกับพื้นเสียแล้ว

“อ๊ะ... ท่านคะ อื้ออออ” ปลายมชฺฌิมาแทรกผ่านแกนเกสรสัมผัสความนุ่มนวลด้านใน เข้าออกอย่างเชื่องช้าเพราะแน่นขนัดเหลือทน สาวเจ้าแอ่นกายร้องครวญอย่างสิเหน่หา ยามเมื่อมชฺฌิมาพัดแรงขึ้น น้ำหวานก็ทะลักออกมาจากแกนกลางดอกบัวงามจนชุ่มฝ่ามือ

“แฮ่ก...” มธุรสหอบหายใจราวกับไปวิ่งมาราธอนมาก็มิปาน ดวงใจสั่นตุบตับๆ เหมือนจังหวะรัวกลองในอก เชิญชวนให้กายาใหญ่นั้นกระตุกยิ้มยวน ยกฝ่ามือใหญ่ที่เปียกชุ่มจ้องมองน้ำหวานบนอุ้งมืออย่างหลงใหล

“อืม... หวานสมกับกายาของเจ้า” สุรเสียงทุ้มกระซิบข้างกกหูอีกครา พร้อมกับลิ้มรสน้ำหวานในอุ้งมืออย่างเปี่ยมล้นไปด้วยไฟราคะในดวงจิต “หอมและหวาน ราวกับข้าได้ชิมน้ำผึ้งก็มิปาน”

เขาหยอกเย้าด้วยการโอ้โลมตัวนาง ร่างกายของนาง รวมถึงรสชาติของนางเช่นกัน

มธุรสกัดริมฝีปากแน่น เธอหอบหายใจ สั่นกระตุกเป็นระยะ รู้สึกราวกับว่าเพิ่งผ่านสงครามอันหนักหน่วงมา

“ฮึก... คุณสุวรรณราพณ์ใจร้าย” เธอเบ้หน้าร้องไห้จ้าออกมาทันทีเมื่อคืนสติ ปล่อยให้พญายักษานิ่งตะลึงงั้นกับท่าทีที่แปรเปลี่ยน กายาเล็กจ้อยนั้นปาดหลังมือกับดวงตาที่เอ่อล้นด้วยหยาดน้ำใส สะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อย “หนูกลัวแล้ว ไม่เอาแล้ว ฮึก”

“...”

“ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้วค่า”

ว่ากันว่า... มธุรสนั้นเป็นเด็กสาวที่มิเคยได้รับความรักจากบิดามารดาตั้งแต่เล็ก จนเธอโหยหาความรักเหลือเกิน ชีวิตที่แสนน่าเวทนา และต้องตายลงในอายุขัยแค่ยี่สิบห้าปีโดยมิได้ทำอันใดที่สมควรจะทำ มิสมควรได้เสพสุขสันต์ในสิ่งที่ควรจะมี ดวงจิตก่อนตายในครั้งสุดท้าย นอกจากจะขอผัวแล้ว ก็อยากให้ตัวเองกลับมารู้สึกดั่งเช่นสาวรุ่นอีกครา

ในสมัยรุ่นเยาว์นั้น เธอเป็นเด็กสาวขี้เหงา และขี้แยเสียด้วย

ช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ถูกแต่งแต้มแค่เพียงความหงอยเหงา โดดเดี่ยว และไร้มิตรของเธอนั้น

อาจจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในโลกนี้ก็เป็นได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel