เจ้าจันทร์เมียยักษ์ บทที่ ๑ เจ้าจันทร์คือสนมเอกของกรุงยักษา (๒)
มธุรสถูกจับอาบน้ำ ตบแต่งอย่างสวยงาม หากแต่สาวเจ้ากลับห่อเหี่ยวและเต็มไปด้วยความขลาดกลัว
หลังจากแอบลอบๆ เคียงๆ ถามสาวรับใช้ร่างยักษ์ จึงได้ความเป็นเรื่องราวที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุด ที่ว่าชายที่ชื่อสุวรรณราพณ์นั้นเป็นราชายักษ์ที่ปกครองกรุงยักษาแห่งนี้ และแน่นอนว่าพวกสาวรับใช้ก็คือเผ่าพันธุ์ยักษ์ที่เป็นข้ารับใช้ของเขามาตั้งแต่โบราณ
สุวรรณราพณ์เป็นยักษ์หนุ่มที่เกิดมาในตระกูลยักษ์ตั้งแต่โบราณ ที่วิวัฒนาการตามมนุษย์และสร้างเมืองยักษาขึ้นมา โดยรวบรวมเผ่าพันธุ์ยักษ์ตั้งแต่เด็กยันวัยชราให้มาอยู่ร่วมกันราวกับครอบครัวขนาดใหญ่ เท่าที่ฟังมาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับวิวัฒนาการของมนุษย์ในสมัยสงครามนัก หากแต่ยักษ์จะมีร่างกายที่ใหญ่โต และสามารถท่องคาถายืดหดขนาดตัวได้อย่างใจนึก
นี่มันโดราเอม่อนชัดๆ มธุรสนึกอึ้งทึ่งในใจ
หากแต่สุวรรณราพณ์นั้นมีนิสัยชื่นชอบสาวมนุษย์ที่งดงามยิ่ง พอขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ก็กำเริบในอำนาจที่มีอยู่จนถึงขั้นไปรุกรานเมืองกรุงของมนุษย์และบังคับให้กษัตริย์ของเมืองที่ถูกตีจนราบเป็นหน้ากลองยกลูกสาวให้เป็นสนมในวัง
เรียกได้ว่าเป็นชายที่บ้าในการทำสงคราม พอๆ กับบ้าผู้หญิงเลย
ส่วนเรื่องโล้สำเภากับสาวๆ นั้นก็มิต้องพูดถึง เพราะทางสาวรับใช้เองก็ไม่รู้เช่นกัน ตกดึกสุวรรณราพณ์จะมีเรือนใหญ่เป็นของตัวเอง ที่จะพาสาวงามเข้าเรือนใหญ่นั้นโดยไม่ให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามใกล้ๆ เรือน (หรือเรียกในภาษาบ้านๆ ว่าห้องเชือดนี่เอง)
ได้ความคร่าวๆ ว่าคืนนี้เจ้าจันทร์ที่เธออยู่ในร่าง จะต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนใหญ่นั่นกับสุวรรณราพณ์ตามลำพังสองต่อสอง
นี่มันโคตรจะน่ากลัวเลยไม่ใช่หรือคะ!
มธุรสเหงื่อตก บัดนี้เธอนั่งอยู่ในเรือนใหญ่ที่ว่านั่นอยู่เพียงลำพัง ตะเกียงส่องสว่างเป็นแสงไฟแบบอีโรติคเย้ายวนใจ พร้อมๆ กับเทียนหอมที่ส่งกลิ่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะหลับได้ตลอดเวลา
การตบแต่งเป็นสไตล์จีนโบราณ ที่ดูเหมือนว่าสุวรรณราพณ์จะเรียนรู้วัฒนธรรมของมนุษย์ได้ดีทีเดียว มันสวยแต่ในคราเดียวก็ก็ดูออกไม่ยากว่านี่คือห้องเชือดดีๆ นี่เอง เอาเป็นว่าคืนนี้ถ้าไม่รีบหลับแล้วตื่นขึ้นมาจากฝัน เธอคงได้เสร็จสมยักษ์หนุ่มเป็นแน่
แต่... มธุรสกลับนอนไม่หลับซะนี่!
โอ้พระพุทธเจ้าช่วยด้วย นอนไม่หลับแบบไม่หลับจริงๆ แถมตอนนี้ก็เริ่มเข้าช่วงหัวค่ำแล้วเสียด้วย เรียกว่าตาแข็งตั้งแต่ช่วงสายจนมืดค่ำเลยทีเดียว ไม่รู้จะเดินไปที่ไหนเพราะเกร็งไปหมดแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝันก็ตาม เลยทำได้แค่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในเรือนนี้
นั่งกระสับกระส่ายอยู่เป็นหลายนาที อยู่ๆ เสียงดังกระหึ่มเหมือนฝีเท้าใหญ่ดังมาแต่ไกล ดูท่าจะเป็นหน้าวังตรงนู้น มธุรสสะดุ้งโหยงสุดตัว คิดว่าสุวรรณราพณ์คงกลับมาจากทำสงคราม (หรือการไปตีเมืองเขาเพื่อล่อหญิง) เรียบร้อยแล้ว ใช้ช่วงเวลาเฮือกสุดท้ายในการล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่เกินพอดี หลับตาลงเพื่อสดับตัวเองให้หลับสนิท
จนรู้สึกเหมือนเคลิ้มๆ จะหลับแหล่มิหลับแหล่ ก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามือขนาดใหญ่อุ่นวาบสัมผัสที่ลาดไหล่ ไล่มาจนถึงสะโพกผายที่ตะแคงข้างอยู่
“เฮือก!” สาวเจ้าตกใจจนต้องลืมตาตื่น เหลียวไปเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาหากแต่ดุดันอยู่ใกล้ชิด เขานั่งอยู่ริมเตียง และใช้มือใหญ่ลูบไล้ร่างกายของเธออย่างอุกอาจ
เธอขยับตัวหนีทันที ด้นกระถดตัวถอยไปจนชิดหัวเตียง
“ตื่นแล้วหรือ” คนตัวใหญ่โตชักมือกลับ กระตุกรอยยิ้มที่แฝงเลศนัยบางอย่างออกมา “สาวรับใช้ตบแต่งเจ้าได้งดงามยิ่ง จนข้าแทบจะอดรนทนไม่ไหว”
“อะ... เอ่อ คือกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ” เพราะไม่รู้จะใช้ภาษาอะไรดี เลยเลือกที่จะใช้ภาษาไทยปัจจุบันใส่ซะเลย แปรเปลี่ยนไปยังเรื่องอื่นหวังให้อีกฝ่ายไม่จับตนกินทั้งตัว
“เมื่อสักครู่นี้ ข้าบริกรรมคาถาเพื่อมาสำแดงตัวที่นี่ให้ไวเชียว” เขาคงหมายถึงท่องคาถาวาร์ปมาสินะ แต่ยักษ์หนุ่มไม่พูดเปล่า เขาขยับตัวมาชิดเข่าเล็กๆ ของเธอที่ชันขึ้นหวังปกปิดสะโพกไม่ให้เขาลวนลามได้ หากไม่เป็นปัญหากับสุวรรณราพณ์มือปลาไหลเลยสักนิด “เจ้างดงามจริงๆ งดงามยิ่งกว่าตองนวลที่ควรจะงดงามที่สุดในบรรดาสนมของข้า”
“... ขอบคุณค่ะ” เอ่ยคำขอบคุณทั้งที่ไม่รู้จะขอบคุณไปทำไม เพราะอีกฝ่ายกำลังตะล่อมเธอหวังจะรวบหัวรวบหางเชียวนะ
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณของเจ้า เป็นเสพสังวาสร่วมกันกับข้าได้หรือไม่” ฝ่ายนี้ก็ไม่ยอมแพ้ พอเห็นว่าสาวเจ้าไม่เล่นไปตามน้ำของตน เลยชิงกล่าวคำขอมีเซ็กซ์กับเธอแบบโต้งๆ เสียเลย “ไหนๆ บิดาของเจ้าก็ยกเจ้าให้ข้าเสียแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องขอเสียด้วยซ้ำ”
พูดแกมบังคับแล้วก็ขยับใบหน้าหล่อเหลาชิดพวงแก้มนวล ชิงหอมฟอดใหญ่อย่างหลงใหล
“อะ!” มธุรสหน้าแดงก่ำ เธอเสียความบริสุทธิ์ทางแก้มให้ยักษ์โหดหื่นตรงหน้าเสียแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่โดนหอมแก้มจากผู้ชายหน้าตาดีตั้งแต่ชาติที่แล้วยันชาตินี้เลยเชียวนะ!
“หอมเหลือแสน” เขากล่าวชม ฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจกับปฏิกิริยาที่แสนน่ารักจากสาวเจ้า
“...”
“อยากรู้เหลือเกิน ว่าเวลาที่เจ้าอยู่ใต้ร่างของข้า จักงดงามสักเพียงใด”
พระพุทธเจ้าเจ้าขา หนูกำลังถูกยักษ์ลวนลามเจ้าค่า!
ปฏิกิริยาช่างน่าดูชมเสียจริง ตื่นกลัวตัวสั่นเหมือนกวางป่าที่กำลังจะถูกพรานไล่ล่า
รอยยิ้มกำกวมปรากฏบนใบหน้าของสุวรรณราพณ์อย่างพึงใจ เขาชื่นชอบนางมากเลยทีเดียว
เพราะเจ้าจันทร์... คือหญิงสาวผู้ที่เข้ามาชุบชีวิตเขาในวัยเด็กเมื่อร้อยปีก่อน
ถ้าให้เล่าขี้คร้านว่าคงจะยาวเป็นแน่แท้ เขารอเธอมาเป็นร้อยปี เข้าใกล้สตอล์กเกอร์เธอด้วยการแปลงกายเป็นทหารในวังก็หลายครา บางทีก็แปลงกายเป็นสนมของพระบิดาของเธอ บางครั้งก็เป็นสาวรับใช้สักนางที่คอยปรนนิบัติรับใช้เวลาที่เธอชำระเรือนกาย
ในเพลานั้นแทบจะหักห้ามใจไม่ไหว ร่างกายเล็กๆ แต่ทรวงช่างใหญ่โตเป็นลูกแพร์สวยงามเหลือล้น ผิวขาวนวลเนียนผ่อง กลิ่นกายหอมราวกับดอกไม้แรกแย้ม ทรวดทรงที่โค้งมนสมกับสตรีเพศสูงศักดิ์
กระหายเหลือเกิน อยากได้เป็นเมียเอกจนแทบทนมิไหว
หลังจากที่ได้ยินข่าวคราวว่าเจ้าจันทร์ล้มป่วยด้วยพิษไข้ประหลาด สุวรรณราพณ์โมโหโทโสยิ่งนักที่บิดาบังเกิดเกล้าไม่สามารถช่วยอะไรลูกสาวได้เลย ทั้งที่เป็นกษัตริย์ครองเมืองแต่ช่างโง่เขลาเบาปัญญา เลยคิดก่อการรุกราน ฆ่าคนเป็นบาปเป็นเบือเพื่อชิงนางมารักษาที่เมืองยักษ์
แต่ทว่าเจ้าจันทร์กลับฟื้นจากพิษไข้ประหลาด เธอจ้องมองเขาเหมือนคนแปลกหน้าเสียเช่นนั้น
ก็ว่าจะยืดเวลากินอาหารรสหวานมื้อนี้ไปก่อนเสียหรอก แต่เห็นจะมิได้ เพราะสาวเจ้ากำลังลืมเลือนเขาผู้เป็นเนื้อคู่แต่ชาติปางก่อนของเธอจากพิษไข้ประหลาดเสียแล้ว
สุวรรณราพณ์รอเธอมาร้อยกว่าปีจนเธอมาเกิดใหม่ รอจนเธอโตเป็นสาวแตกเนื้ออ่อนสุกงอมพร้อมกินถึงได้ช่วงชิงไปจากเมืองเกิด
จะไม่รีรอคอยท่าให้เสียเพลาไหนอีกแล้ว
ว่ากันว่าธุลีในน้ำ (หรืออสุจิ) ของยักษ์นั้นมีพิษพอที่จะช่วยให้ร่างกายนั้นซาบซ่าน ชาเปรี้ยะไปทั้งตัว ในขณะเดียวกันก็เป็นพิษชนิดพิเศษที่สามารถรักษาโรคหายากที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในร่างกายมนุษย์
ถ้าปลดปล่อยมันในตัวเจ้าจันทร์ เธอคงจะหายดีในเร็ววัน
คิดเข้าข้างตัวเองอย่างน่าไม่อาย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วยักษ์หนุ่มแค่เพียงต้องการเสพสังวาสกับเธอทบช่วงเวลาร้อยกว่าปีที่รอคอยเธอมาตลอดก็เท่านั้น ในเมื่อนงเยาว์มาอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แล้ว จะไม่ตีเมืองส่วนตัวของเธอให้แตกพ่ายนั้นคงจะเป็นไปมิได้
ร่างกำยำขยับตัวเข้ามาชิดใกล้ มธุรสย่นคอหนีเมื่อไม่มีที่ดิ้นรนให้สามารถหลบหลีกไปที่ใดได้อีก ตัวของสุวรรณราพณ์ใหญ่โตกำยำล่ำสันมาก แค่เพียงใช้แขนใหญ่ๆ นั้นทาบหัวเตียงปิดทางหนีของเธอแล้ว คนตัวเล็กก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกเสียจากนั่งกระถดถอยตัวสั่นอยู่ที่หัวเตียง
“เจ้าจันทร์ยอดรักของข้า” มือหนาเชยคางมนขึ้นมา กดริมฝีปากหยักได้รูปจูบที่แก้มข้างขวาจนร่างเล็กสั่นเกร็ง ไออุ่นของเขาช่างเร้าอารมณ์ยิ่ง “เจ้าช่างไร้เดียงสาราวกับนกน้อย”
“... อื้อ ยะ อย่า”
“ข้าหลงใหลเจ้าเหลือเกิน เจ้าที่บริสุทธิ์งดงามถึงเพียงนี้ ข้าจักมิทำร้ายเจ้าดอก” สิ้นคำนั้น ร่างกำยำก็เบียดชิดริมฝีปาก โลมเล้ามธุรสด้วยการรุกรานกลีบปากบาง เขาแค่แตะเบาๆ พอให้ใจของมธุรสกระสันต้องการมากกว่านี้
สัมผัสอุ่นวาบจากริมฝีปากบุรุษเพศนั้นทำให้สาวเจ้าอ่อนเคลิ้มตาม มธุรสนั้นในชาติก่อนยังอ่อนต่อโลกกับเรื่องเพศนัก ในขณะที่สุวรรณราพณ์นั้นมีหลายเมียจนช่ำชอง สนมหลายๆ คนของเขาเป็นงานยิ่งกว่าเธอนัก
แต่ทว่า... สุวรรณราพณ์กลับไม่ขัดข้องหมองใจกับความไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ผุดผ่องของเจ้าจันทร์แม่นกน้อยของเขาเลยแม้แต่เพียงนิด นั้นเพราะมันเป็นสัญญาณว่าเขาจักเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ
เธอที่มีเขาเป็นผู้ชายคนแรก กับร้อยกว่าปีที่เขารอคอย มันวิเศษสุดๆ ไปเลยมิใช่หรือ
“อื้ม... ท่านสุวรรณ อะ” เสียงหวานกังวานราวกับนกที่ร้องเรียกตัวผู้ในยามเช้า เสียงหวานใสเสียจนอยากเย้าหยอก สุวรรณราพณ์กดเรียวลิ้นลงไปเมื่อเธอเผลออ้าปากเรียกชื่อเขา และทำตราประทับร่างกายเธอผ่านรสจูบอันดุเดือด
รสชาติจูบของเขาทำให้มธุรสคิดอะไรมิออก ในสมองของเธอขาวโพลน เป็นความฝันที่สมจริงเหลือเกิน สัมผัสได้ถึงน้ำลายและปลายลิ้นหยอกเย้าในปาก พร้อมกับมือใหญ่ที่ค่อยๆ ปลดสไบของเธอออกอย่างแนบเนียน
“ดะ... เดี๋ยวค่ะ” เธอผลักแผงอกกำยำนั่นออกเมื่อเขาตั้งท่าจะปลดเกาะอกด้านในออกด้วย มือเล็กสัมผัสกับความแข็งแกร่งรางกับกำแพงยักษ์ของเขา ทำให้มือถึงกับสั่น “ฉะ... ฉันยังไม่พร้อม”
“ไม่พร้อมกระไรหรือ ในเมื่อสีหน้าของเจ้าช่างยั่วยวนข้าถึงเพียงนี้” คนตัวเล็กใต้ร่างใหญ่หน้าแดงก่ำเมื่อถูกบุรุษที่ชำนาญการกว่าเธอเย้า เธอเม้มริมฝีปากแน่น เพราะถึงจะเป็นความฝัน แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้จูบกับผู้ชายเลย
มันรู้สึกดีเสียจนมิอยากหยุด แต่เธอก็เป็นกังวลกับอะไรหลายๆ อย่าง
“ยะ... อย่างน้อย” มธุรสเอ่ยเสียงแกว่งๆ
“...”
“อย่างน้อยก่อนทำ ก็สวมถุงยางอนามัยก่อนได้มั้ยคะ?”
