เกิดใหม่อย่างงงๆ
เคยคิดแบบนั้นจนถึงวาระสุดท้าย ทั้งที่คิดแบบนั้นแท้ ๆ แต่ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย
เหอรุ่ยเถียนที่คิดว่าตนได้ทิ้งทุกอย่างและหลับไปเฉย ๆ แม้ตอนก่อนตายจะโคตรของโคตรทรมานจากการจมน้ำ แต่เธอไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องตื่นขึ้นมาที่ไหนเลย ไม่หวังว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรกด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เหอรุ่ยเถียนกำลังอยู่ในร่างเด็กทารกจริง ๆ แถมยังเป็นร่างที่พึ่งเกิดเมื่อวาน มือเล็ก ๆ ราวกับเม็ดถั่วนี่ยังเป็นเหมือนเมื่อวาน เธอไม่ได้ฝันไป
"ตายจริง เด็กคนนี้ทำไมตื่นเช้านักล่ะ แม่ตื่นหลังเจ้าอีกหรือ"
ร่างของเด็กน้อยถูกประคองไว้ในอ้อมอกมารดา บ้านไม้โบราณกับเครื่องแต่งกายย้อนยุคเหมือนหลุดมาอยู่กองถ่ายภาพยนตร์ แต่คนทั้งสองที่ดูแลเหอรุ่ยเถียนอยู่ดูไม่เหมือนนักแสดงที่เธอเคยรู้จักเลย ถ้าไม่นับหมอตำแยที่มาเมื่อวานเธอก็ไม่เห็นใครอื่นอีก
หญิงสาววัยทำงานที่ไม่เคยทำงานอย่างจริงจังกำลังทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องน่าเหลือเชื่อนี่เกิดขึ้นกับเธอจริง ๆ หรือแค่ฝันไป ทะเลาะกับตัวเองอยู่หลายวันในที่สุดก็ยอมรับความจริงได้ว่ามันไม่ใช่ฝัน ไม่อย่างนั้นเธอคงตื่นนานแล้ว
และครอบครัวใหม่นี้ก็เป็นห่วงเป็นใยเธอเสียเหลือเกิน
"ทำอย่างไรดีเจ้าคะ ลูกแทบไม่ร้องงอแงเลย มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า"
"นั่นสิ ออกจะเงียบเกิดด้วยซ้ำ"
"หรือเราควรเรียกท่านหมอมาดีเจ้าคะ"
"แต่พวกเขาอาจกำลังตามหาเราก็ได้ รอดูไปสักพักก่อนเถอะ"
คนเป็นพ่อปลอบภรรยา บทสนทนาเหล่านั้นที่พ่อแม่ไม่คิดอะไรทำให้เด็กน้อยรู้ว่าครอบครัวกำลังถูกไล่ตาม แต่เด็กหญิงวันยังไม่ถึงเดือนจะไปทำอะไรได้ หน้าที่ของนางมีแค่กินกับนอนไปวัน ๆ และทำตัวให้เหมือนเด็ก
แต่เพื่อให้พ่อแม่คลายกังวล เหอรุ่ยเถียนน้อยจึงต้องแกล้งร้องไห้บ้าง
"อุ…แงงงง!"
ได้ยินเสียงร้องของนางมู่เซียนก็รีบเข้ามาปลอบทั้งใบหน้ายินดี หญิงสาวผู้นี้ใช้คำว่างดงามมาชื่นชมยังได้ ทำให้เหอรุ่ยเถียนคาดหวังถึงตนเองตอนโตไว้พอสมควรทีเดียว
ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือจงใจที่ชื่อของทารกน้อยนี้ตั้งแบบเดียวกับชื่อเดิมของนาง แต่นั่นก็ทำให้เรื่องที่ต้องปรับตัวลดไปอีกหนึ่ง เป็นเรื่องดีสำหรับคนที่ตั้งเป้าหมายชีวิตว่าจะเกียจคร้านก่อนตาย
แต่…ปัญหาคือ นางจะเกียจคร้านได้จริงไหม นางจะเกียจคร้านได้อย่างสบายใจก็ต่อเมื่อมีเงิน แล้วครอบครัวใหม่ของนางมีฐานะทางการเงินเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้
เรื่องนั้นเอาไว้คิดตอนโตกว่านี้ก็ได้มั้ง ตอนนี้ข้าอายุสองสัปดาห์เองนะ จะคิดอะไรเยอะแยะล่ะ
สลัดความกังวลทิ้งไปได้เหอรุ่ยเถียนก็ตั้งหน้าตั้งตากินให้ตัวเองตัวโตเร็ว ๆ
ทารกหญิงค่อย ๆ เติบใหญ่เป็นเด็กน้อยน่ารักน่าชัง ฤดูกาลเปลี่ยนผ่าน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ชีวิตของลูกสาวชาวสวนสงบสุขจนนางหลงลืมความกังวลไปหมดสิ้น
เหอรุ่ยเถียนวัยห้าขวบเดินเตาะแตะตามบิดาไปรดน้ำผักในสวน เสื้อผ้าของนางเปรอะเปื้อนดินอยู่ทุกวันจนมารดาต้องหาผ้าหยาบมาทำชุดให้แล้วเก็บชุดสวยไว้ใส่ในโอกาสพิเศษ มู่เซียนอยากให้ของสวยงามกับลูกแต่เหมือนเจ้าหนูน้อยไม่ต้องการของแบบนั้นมากเท่ากับได้ลงไปจับดิน
ทำใจไว้นานแล้วตั้งแต่บุตรสาวนางเริ่มรู้ความว่าเป็นสตรีที่ความคิดไม่เหมือนใคร ความคิดเช่นนั้นจะทำให้นางเดือดร้อนในอนาคตได้ถ้าไม่จัดการให้ดี
เหอรุ่ยเถียนมองไส้เดือนเลื้อยไปบนดินด้วยความสนใจ สวนผักกว้างใหญ่นี้นางจะดูแลให้ดีเพื่อวันข้างหน้า ยามนางรับช่วงต่อเมื่อใดก็ไม่ต้องห่วงเรื่องว่างงานแล้ว ความเกียจคร้านของนางกำลังมีเทพอวยพรอยู่เป็นแน่
เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะคิกคักไปกับความคิดโลดโผนของตัวเอง ตอนเด็กนางกังวลอยู่เชียวว่าในโลกที่ความคิดของผู้คนยังถือว่าล้าหลังสำหรับนาง คนที่เติบโตมากับเทคโนโลยีจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ปรับตัวได้หรือไม่ แต่เหมือนสวรรค์จะเมตตานางอยู่บ้างจึงได้ให้ความสงบสุขเรียบง่ายนี้มา มีครอบครัวใหม่ที่ค่อนข้างเปิดกว้างและยอมให้นางเอาแต่ใจเป็นครั้งคราว
จะมีอะไรดีกว่านี้อีก!
เถียนเถียนน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอยู่คนเดียว เป็นภาพชินตาสำหรับคนเป็นพ่อแม่มาหลายปี
สวนผักแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับครอบครัวสามคนที่ต้องช่วยกันดูแล เช้าจรดค่ำแทบไม่ได้พักแต่พ่อแม่ของนางก็ไม่เคยจ้างวานใครมาช่วย เหอรุ่ยเถียนสงสัยแต่พอนึกถึงบทสนทนาที่เคยได้ยินตอนนางพึ่งอายุสองวันก็คุ้น ๆ ว่าทั้งสองกำลังหลบหน้าใครบางคนอยู่ มีแต่ตอนเช้าตรู่ที่นำผักไปฝากขายที่ตลาดเท่านั้นที่จะได้ออกไปข้างนอก และกลับมาก่อนฟ้าสาง วิถีชีวิตของพ่อกับแม่ดำเนินซ้ำ ๆ อยู่เช่นนั้น
