การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต 2
กงหลวนฮวาต้องขอบคุณความช่างนินทาของคนรับใช้จริง ๆ เพราะไม่อย่างนั้นนางคงมาที่นี่ไม่ได้สะดวกขนาดนี้ นอกจากเวลาที่ต้องมาหาบน้ำก็ไม่มีใครอยากเหยียบย่างเข้ามา
นายหญิงของจวนขุนนางผลักประตูเข้ามาด้วยใบหน้าขุ่นเคือง มุมปากคว่ำลงพร้อมทั้งแววตาหยามเหยียดคือสีหน้าที่เขาเห็นอยู่ตลอด
นางกวาดตาไปมุมห้อง ชายหนุ่มอัปลักษณ์ยังคงนั่งคุดคู้อยู่แต่มุมเดิม ๆ ด้วยท่าทางเดิม ๆ น่ารำคาญตายิ่ง
"เมื่อไหร่ตาย ๆ ไปเสียทีนะ มาตรงนี้เจ้าขยะ"
ทั้งที่มีชื่ออันไพเราะว่าไป่จ้านแต่ฮูหยินท่านก็ไม่เคยเรียกเลย ถึงกระนั้นเขาก็ยังคลานมาคุกเข่าตรงหน้านาง
มือเรียวบางของสตรีอาวุโสบีบคางเขาแล้วบังคับให้เงยหน้า ยิ่งเพ่งพินิจมองแรงบีบก็ยิ่งหนักหน่วงตามไปด้วย
"หน้าเหมือนนังผู้หญิงคนนั้นดีจริง ๆ สมแล้วที่เป็นสายเลือดเดียวกัน! ไอ้พวกอกตัญญูเลี้ยงไม่เชื่อง!" กงหลวนฮวาสะบัดมือตบลงไปข้างแก้มจนเขาล้มลงกระแทกพื้น
ถึงอย่างนั้นไป่จ้านก็ไม่มีท่าทีโต้ตอบใด ๆ อารมณ์กรุ่นโกรธของหญิงสาวที่ถูกทรยศหักหลังยังติดค้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าไป่จ้านจะมีท่าทีอย่างไรก็ดับไฟโทสะของนางไม่ได้
กงหลวนฮวาคว้าแจกันทุ่มลงพื้นจนแตกกระจาย กวาดทุกอย่างบนโต๊ะทิ้งระเนระนาด อะไรที่อยู่ใกล้มือนางก็คว้ามาขว้างปาใส่พื้นที่อยู่ใกล้เขาที่สุด
แจกันตรงนั้นเปลี่ยนไปไม่รู้กี่รอบแล้ว รอยบาดบนใบหน้านี้ที่เคยมีเศษแจกันกระเด็นมายังไม่อาจคลายความขุ่นเคืองของนางได้เลย
ไป่จ้านรู้ว่าตนเองควรอยู่ตรงไหนเขาจึงไม่โต้ตอบ หญิงชั่วที่ว่าก็ตายไปโดยที่ยังไม่ได้ชดใช้ให้แก่ใครสักคน ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้ คนที่อยากแก้แค้นดันไม่อยู่ให้แก้แค้น ทายาทของนางจึงกลายเป็นเครื่องมือระบายความเศร้าหมองและความโกรธเกรี้ยวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เสียงโครมครามนี้ต่อให้มีคนได้ยินก็ไม่มีใครใส่ใจ ทุกคนเข้าใจว่าเป็นห้องทิ้งเศษแก้วและของแตกหักทั้งหลายที่ถูกปล่อยให้ร้าง คนส่งข้าวส่งน้ำก็มีเพียงสาวใช้ที่ติดตามฮูหยินกับตัวนางเอง แม้แต่บุตรของนางก็ไม่เคยเหยียบย่างมาให้เห็น…ก็เคยมาสองสามครั้ง มาเพื่อสมเพชเวทนาเขาแล้วก็จากไป
กงหลวนฮวาหายใจหอบหนักหลังจากพังทุกอย่างทิ้ง นางต้องสูดยาหอมให้อารมณ์สงบลงจึงพูดต่อไปได้
"จัดการสารรูปอัปลักษณ์นั่นเสีย ข้าจะหาเจ้าสาวให้เจ้าแล้วก็ไสหัวออกไปให้พ้นอย่ามาตายเป็นเสนียดข้าที่นี่!"
สุดท้ายสตรีอาวุโสก็ทนไม่ไหวตวาดลั่นบันดาลโทสะออกมา ตัวนางสั่นระริกมองสิ่งที่ยังไม่อาจทำใจให้อภัยได้ และอาจเป็นเช่นนั้นชั่วชีวิตที่เหลืออยู่
ไป่จ้านผงกหัวรับคำนางอย่างสงบนิ่ง แท้จริงเขาประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่นางยังเมตตาขนาดนี้ นึกว่าจุดจบชีวิตคงเป็นการสั่งให้คนจับเขาไปโยนหน้าผาเป็นอาหารให้แร้งกาเสียอีก
ชายหนุ่มผู้เติบโตในห้องเก็บของไม่เคยคิดว่าชีวิตเป็นของตัวเอง การกระทำของมารดาทำให้เขาตระหนักเสมอว่าต้องชดใช้แทนนางแม้จะไม่ใช่ความผิดเขาก็ตาม หากเขาถูกคนที่ไว้ใจหักหลังก็อาจเป็นเหมือนฮูหยินหรือหนักกว่าก็ได้ใครจะรู้
ถึงจะถูกขังอยู่ในนี้ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแต่เขาก็ทำความเข้าใจโลกใบเล็กนี้ได้เอง คนเราให้น้ำหนักบางสิ่งไม่เท่ากัน สำหรับกงฮูหยินความเชื่อใจกับแม่ของเขานั้นคงเป็นแผลร้ายลึกทีเดียว
เสียงกระแทกประตูดังปังทำให้รู้ว่ากงหลวนฮวาจากไปแล้ว ไป่จ้านมองสภาพรังหนูอันเละเทะของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเก็บกวาดมันอย่างระมัดระวัง สตรีอาวุโสผู้นั้นโยนยามาให้เขาทำแผลเองเพราะกลัวเขาตายไปก่อนที่นางจะได้ระบายแค้น
คนถูกขังเรียนรู้โลกภายนอกจากการฟังคนอื่นพูดคุย และบังเอิญว่าอีกฟากของกำแพงนี่เป็นสำนักศึกษาของบัณฑิตเร่ร่อนเขาจึงได้ยินเรื่องอื่น ๆ มาด้วย
เมื่อครู่นางกล่าวว่าจะหาเจ้าสาวให้เขา คาดหวังเหลือเกินว่าจะเป็นสตรีแบบใด
พลันสายตาก็สะท้อนภาพในกระจกขึ้นมา มือหนาหยาบกร้านยกขึ้นลูบแก้มตนเอง แผลเป็นจากเรื่องวันนั้นเด่นชัดอยู่บนหน้า แม้จะจางลงแล้วแต่ก็ยังเห็นมันได้ชัดเจน นอกจากตรงนี้ที่มือก็ยังเหลือรอยแจกันบาดสมัยเด็กอีกไม่น้อย ตอนนั้นยังไม่ประสา ไม่รู้ว่าควรจัดการเศษกระเบื้องอย่างไร สุดท้ายก็โดนบาดเอา
"เจ้าสาวงั้นหรือ"
