บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ช่วยงานครัว

ประตูห้องของหลินฉงหยูถูกเปิดขึ้นในตอนเช้า ทำให้เจ้าของห้องที่นอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มงัวเงียตื่นขึ้นมา ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจกับเสียงปลุกนั้น

“หลินฉงหยู ฮูหยินใหญ่ให้มาตามเจ้าไปช่วยงานที่ครัว ไม่รู้เลยหรือว่าพรุ่งนี้มีงานสำคัญ” เสียงดุดันของไป๋ช่วน บ่าวรับใช้ข้างกายอันเหม่ยจิงมารดาของเสวี่ยเหวินเจิ้ง กำลังปลุกนางขึ้นมาเพื่อให้ไปช่วยงานในครัว

ร่างอรชรลุกขึ้นนั่งมองคนที่เข้ามาปลุก พลางคิดว่าสมัยนี้จะเข้าห้องใครก็ได้ไม่ต้องเคาะขออนุญาตกันเลยหรือ แล้วงานฉลองก็พรุ่งนี้เช้าแต่กลับมาปลุกให้ไปเตรียมของในห้องครัวตั้งแต่วันนี้แต่เช้ามืด เนื้อสัตว์จะไม่มีกลิ่น ผักจะไม่เหี่ยวหรอกหรือ แบบนี้จงใจกลั่นแกล้งนางชัด ๆ

“เดี๋ยวข้าตามออกไป” น้ำเสียงนั้นรับปากอย่างเสียไม่ได้

“ให้มันเร็ว ๆ เข้าล่ะ” สาวใช้รุ่นใหญ่กล่าวก่อนจะเดินนำสาวใช้อีกสองคนออกไป มาปลุกแค่นี้ก็มากันตั้งสามคน ตั้งใจจะข่มขวัญให้นางกลัวหรืออย่างไรกัน

หลินฉงหยูเดินไปหลังฉากกั้น คิดได้ว่ารายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องการแต่งกายไม่ต้องกล่าวถึงให้มาก เพียงหลับตาแล้วจินตนาการถึงฉากต่อไปที่ตนแต่งตัวเสร็จแล้ว พอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างแล้วลืมตาขึ้นก็ปรากฏอยู่ที่หน้าห้องครัวแล้ว

“ง่ายจัง” ริมฝีปากยกยิ้มเบา ๆ อย่างพอใจกับทักษะที่ใช้ได้ในโลกที่ตนอยู่

พอก้าวเข้าไปในห้องครัวก็ไม่เห็นว่าจะมีความวุ่นวายอะไรมากนัก คนในห้องครัวก็ทำหน้าที่ของตนเองตามปกติ

“นี่เจ้าน่ะ มาช่วยทางนี้” ซ่งมามา แม่ครัวใหญ่ที่คุมห้องครัวกวักมือเรียกนางให้เดินเข้าไปหา

“ซอยขิงจัดใส่จาน เสร็จแล้วก็หั่นเห็ดหอม” ซ่งมามาชี้ไปยังตะกร้าวางผักที่อยู่ด้านซ้ายมือแล้วบอกสิ่งที่จะให้นางทำ

“งานเลี้ยงสำหรับวันพรุ่งนี้ ต้องทำอาหารตั้งแต่วันนี้หรือ” นางกล่าวถามด้วยความใคร่รู้

“อาหารของวันพรุ่งนี้ก็ต้องทำของวันพรุ่งนี้สิ วันนี้ทำแค่อาหารขึ้นโต๊ะให้เรือนใหญ่ ฝึกฝีมือไว้ตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้เวลามาช่วยงานจะได้ไม่ต้องสอนกันให้ยุ่งยาก” หัวหน้าแม่ครัวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน

หลินฉงหยูพยักหน้าเข้าใจ ในนิยายไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ กล่าวเพียงแค่ว่าโจวเยี่ยนหงช่วยตกแต่งในเรือนและดูแลความเรียบร้อย ส่วนนางไม่ได้ทำผลงานอะไรในงานนี้

หญิงสาวเดินไปหยิบผักมาทำตามที่ซ่งมามาสั่ง นำขิงและเห็ดหอมไปล้างจากนั้นก็ปอกเปลือกขิงแล้วนำมาซอยเป็นเส้นฝอยอย่างประณีต และหั่นเห็ดหอมเป็นรูปทรงลูกเต๋าแล้วนำไปใส่จานแยกเอาไว้

“เสร็จแล้ว ให้ข้าช่วยทำอะไรอีก” นางรายงานความคืบหน้าพร้อมทั้งถามหางานเพิ่ม

ซ่งมามามองผลงานการซอยขิงและหั่นเห็ดหอมนั้นด้วยความพอใจ จากนั้นก็หันไปมองที่นอกหน้าต่าง ทำท่าทางเหมือนกับว่ารอคำสั่งจากใคร แล้วหันกลับมาสั่งงานที่ยากขึ้นกับนาง

หลินฉงหยูมองผ่านหาตาก็เห็นว่าบ่าวข้างกายอันเหม่ยจิงยืนอยู่ไกล ๆ แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่อยากทำตัวมีปัญหาอีก

“เอาปลาไปล้าง ขอดเกล็ดแล้วควักไส้ให้เรียบร้อย จากนั้นก็เอาไปทำปลาเปรี้ยวหวาน รีบทำเข้า ทุกคนมีงานล้นมือ” ซ่งมามาสั่งงานแล้วหันไปเร่งบ่าวคนอื่นต่อ

“ปลาเปรี้ยวหวานหรือ ได้เลย เดี๋ยวแม่จัดให้” ริมฝีปากนั้นพึมพำแล้วจัดการทำอาหารอย่างที่ตัวเองถนัด

ในยุคปัจจุบันเธอคือจางเหม่ยหลิน สาวน้อยร้อยงานที่สู้ชีวิต ไรเดอร์ส่งอาหาร ผู้ช่วยกุ๊กในร้านอาหาร บาริสต้ามือชงเครื่องดื่ม พนักงานในร้านดอกไม้ พนักงานขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมในห้างฯ แม้กระทั่งในบ่อนแบบผิดกฎหมายก็เคยเป็นคนแจกไพ่มาแล้ว แค่ให้ทำอาหารง่าย ๆ มีหรือว่าจะทำไม่ได้

ปลาที่อยู่ในอ่างไม้ถูกทำให้ตายแล้วจึงง่ายต่อการที่จะนำไปประกอบอาหาร การขอดเกล็ดปลาและควักไส้ไม่เป็นปัญหาสำหรับอดีตผู้ช่วยกุ๊กที่ทำงานในครัวแทบทุกอย่าง

จากนั้นก็นำมาประกอบอาหารโดยที่นำเครื่องปรุงเท่าที่มีมาชิมรสว่าให้รสและกลิ่นแบบไหน จากนั้นก็ใช้สัญชาตญาณในการคำนวณปริมาณเครื่องปรุงและทำออกมาได้สำเร็จ

“อาหารเสร็จแล้ว” นางหันไปบอกซ่งมามา แล้วสังเกตว่าอีกฝ่ายมีแววตาที่ประหลาดใจและเหมือนผิดหวังที่นางทำออกมาได้สำเร็จ คงคิดว่าตนจะทำไม่ได้แล้วหาเรื่องต่อว่า

ตอนนั้นเองไป๋ช่วนก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่ง นางเป็นบ่าวคนสนิทของเสวี่ยฮูหยินและคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่กว่าบ่าวในครัว ไม่เว้นแม้แต่ซ่งมามาที่เป็นคนเก่าแก่และมีอำนาจมากกว่าตน ในห้องครัวนี้นางใหญ่สุดแต่ก็แค่ในครัวเท่านั้น ในเรือนสกุลเสวี่ยนางคิดว่าตนเองเป็นรองแค่จางมามาที่เป็นบ่าวคนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้น

“อาหารเสร็จหรือยัง ยกอาหารไปเรือนใหญ่ได้แล้ว” น้ำเสียงนั้นกล่าวราวกับว่าตนเองเป็นนายในเรือน

“เสร็จแล้ว” ซ่งมามากล่าวเสียงเรียบ

ไป๋ช่วนหันหลังไปพยักหน้าให้สาวใช้ที่ติดตามมาช่วยยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วไปที่ห้องโถงของเรือนใหญ่ คนที่นั่งรับประทานอาหารในห้องนั้นมีเพียงคนของสกุลเสวี่ยและโจวเยี่ยนหงที่ได้รับคำเชิญเท่านั้น ส่วนหลินฉงหยูไม่มีสิทธิ์ได้ร่วมโต๊ะ

เมื่ออาหารถูกทยอยนำออกไป ซ่งมามาก็เรียกให้คนในห้องครัวไปยังห้องครัวเล็กที่เป็นห้องครัวของบ่าวเพื่อทำอาหารเลี้ยงคนรับใช้ในเรือน แม้อาหารจะไม่ได้เลิศหรูมากและถูกจำกัดเนื้อสัตว์ แต่ว่าก็ถือว่าสกุลเสวี่ยเมตตามากแล้ว

หลินฉงหยูตามไปที่ห้องครัวเล็ก วันนี้อาหารเช้าของพวกบ่าวคือผัดผักใส่เนื้อสัตว์ที่สับละเอียดไม่ได้เป็นชิ้นเพื่อให้ทุกคนได้กินอย่างเท่าเทียม น้ำแกงที่ทำจากโครงกระดูกไก่ที่มีเศษเนื้อติดอยู่ และผัดหัวผักกาด ซึ่งก็ไม่ได้แย่อะไร

“บ่าวในเรือนต้องทำอาหารกินแบบนี้หรือ” นางถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนครัวกำลังทำอาหารอยู่ตรงหน้า ในกระทะใบใหญ่นั้นดูมีเนื้อสัตว์น้อยก็จริง แต่ผักและการปรุงก็น่ากินไม่น้อย

“ไม่เสมอไปหรอก บางวันอาหารของเจ้านายก็แบ่งกินกันได้ทั่วถึง วันไหนเหลือมากก็ได้กินกัน วันไหนมีน้อยพวกสาวใช้ในเรือนบางคนที่รับใช้ใกล้ชิดก็ได้กินอาหารที่เหลือของเจ้านายก่อนมาถึงพวกก้นครัว เราจึงต้องเตรียมอาหารสำรองตามวัตถุดิบที่เหลือในแต่ละวัน ถึงอย่างนั้นอาหารพวกนี้ก็ยังดีกว่าอาหารของชาวบ้านข้างนอกด้วยซ้ำ” ซ่งมามากล่าวเสียงเรียบ

“บ่าวต้องทำอาหารกินเองเนี่ยนะ?” หลินฉงหยูได้ยินก็ประหลาดใจ เคยได้ยินมาว่านายที่ดีควรจะให้บ่าวร่วมสุขด้วย ตัวเองกินอาหารแบบใดก็ควรแบ่งเหลือไว้ให้บ่าวกินแบบนั้น อย่างน้อยอาหารสิบอย่างก็ควรมีแบ่งไว้หกอย่าง ไม่เช่นนั้นจะถูกครหาว่าเป็นนายที่ตระหนี่ถี่เหนียว

แต่ในความเป็นจริงบ่าวในเรือนนี้ต้องทำอาหารกินเองเพราะไม่รู้ว่าอาหารจะเหลือถึงพวกตนหรือไม่ และขนาดเป็นบ่าวด้วยกันก็ยังแบ่งชนชั้นกันเองว่าบ่าวในเรือน บ่าวก้นครัว และบ่าวที่ใช้แรงงาน

รายละเอียดพวกนี้ในนิยายไม่ได้กล่าวถึงเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นพอได้มารับรู้อะไรแบบนี้ก็อดหงุดหงิดใจเกี่ยวกับเรื่องการแบ่งชนชั้นของบ่าวในเรือนด้วยกันไม่ได้ โดยเฉพาะพวกคนที่รับใช้เจ้านายอย่างใกล้ชิดที่มักจะคิดว่าตนเองมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่สถานะก็ไม่ต่างกัน

************************
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel