บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 หาทางรอด

“แม่นางหลิน อาหารว่างเจ้าคะ” เสียงสาวใช้ที่ยกถาดอาหารว่างและน้ำชามาให้ดังขึ้นมาจากหน้าห้อง พร้อมกับเดินก้มหน้าก้มตาเข้ามา

หากจำไม่ผิดหลินฉงหยูเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน เสวี่ยเหวินเจิ้งเคยจะมอบสาวใช้ให้นาง แต่ฮูหยินเสวี่ยผู้เป็นมารดากลับไม่ยินยอม ให้นางอยู่ในฐานะแขกแต่ไม่ให้มีสาวใช้ปรนนิบัติเป็นการส่วนตัว เสวี่ยเหวินเจิ้งจึงให้สาวใช้มาปรนนิบัตินางเฉพาะเรื่องทั่วไปเท่านั้น

“ขอบใจเจ้ามาก”

เมื่อได้ยินคำขอบคุณ สาวใช้ที่เคยถูกข่มเหงก็ต้องประหลาดใจ ครั้งก่อนนางยกอาหารมา หลินฉงหยูตำหนิว่าอาหารเย็นชืดแล้วปัดถ้วยชามหล่นลงพื้น พอคุณชายใหญ่เสวี่ยมาถึงก็ฟ้องว่าถูกกลั่นแกล้ง ตนเกือบจะโดยสั่งโบย ดีที่พ่อบ้านไปรายงานเสวี่ยฮูหยินตนจึงไม่ถูกลงโทษ

“จะให้ข้านำผ้าไปซักเลยหรือไม่” ผินเยว่ถามเสียงเบา

“อืม เอาไปสิ” หลินฉงหยูพยักหน้ารับ ให้นางซักเองก็คงไม่รู้หรอกว่าซักยังไงแล้วซักที่ไหน ให้เป็นหน้าที่ของสาวใช้น่ะดีแล้ว

“เจ้าชื่ออะไร” ยังไม่ทันได้ก้าวไปหยิบเสื้อผ้าที่อยู่หลังฉากกั้นก็ถูกถามขึ้นมา ผินเยว่ตัวสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความกังวลก่อนจะบอกชื่อตัวเองไป

“ผินเยว่เจ้าค่ะ”

“อาเยว่ ซักผ้าเสร็จแล้วเจ้าเข้ามาหาข้า ข้ามีเรื่องจะสอบถามเจ้า” หลินฉงหยูพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร ไม่เชิงเป็นการออกคำสั่งนัก

“เจ้าค่ะ” สาวใช้รับปาก แล้วรีบไปหยิบเสื้อผ้าของนางออกไปจากห้อง

หลินฉงหยูนั่งลงที่โต๊ะมุกกลางห้อง รินน้ำชาแล้วนั่งจิบอย่างช้า ๆ พร้อมกับใช้ความคิดไปด้วย

สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมกับ ประตูห้องที่ถูกเปิดออก คนที่เดินเข้ามามีใบหน้าที่หล่อเหลา ส่วนประกอบของใบหน้าลงตัวกันอย่างเหมาะเจาะ หากเดาไม่ผิดเขาคือพระเอกของนิยายเรื่องนี้

“เสวี่ยเหวินเจิ้ง?” หลินฉงหยูเรียกชื่อตัวละครที่น่าหมั่นไส้เพราะมองความจริงไม่ออกด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่มั่นใจนัก

“เจ้าเรียกข้าเช่นนั้น เป็นอะไรไป ไม่เรียกพี่เหวินเจิ้งแล้วหรือ” ขุนนางหนุ่มในวัยยี่สิบสองเดินเข้ามาในห้อง นางลุกขึ้นคารวะตามธรรมเนียมอย่างในนิยาย รอให้เขานั่งลงแล้วจึงนั่งตาม

“พี่เหวินเจิ้งมาหาข้ามีธุระอันใดหรือไม่” โชคดีที่เคยดูละครจีนโบราณอยู่มาก จึงแสดงท่าทีและพูดจาได้เข้ากับยุคสมัย พร้อมกับเตือนตัวเองว่าต่อไปไม่ว่าจะความคิดหรือคำพูดจาจะต้องไม่หลุดพูดภาษาปัจจุบัน

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่เรือนรับรองของคุณหนูโจว ไปทำอะไรหรือ”

คำถามนั้นทำให้นางเงียบไป สถานการณ์เปลี่ยนจึงทำให้เรื่องนี้ไม่ไปถึงหูเสวี่ยฮูหยินจึงไม่ได้เกิดเรื่องราวใหญ่โต แต่สาวใช้คงเอาไปพูดต่อ ๆ กันเอง

“ข้าหากำไลหยกที่ท่านเคยให้ข้าไม่เจอ เข้าใจว่าเป็นคุณหนูโจว คิดมากว่านางอยากแย่งกำไลไปจากข้า คงเพราะกังวลเรื่องที่นางเป็นคู่หมั้นของท่านจนคิดมากไป เป็นข้าที่เลอะเลือนและได้ขอโทษคุณหนูโจวไปแล้ว หากพี่เหวินเจิ้งจะโกรธข้าก็เข้าใจ” หลินฉงหยูกล่าวตามความจริง

หนึ่งในแผนการคือการที่อยากถูกเขาขับไล่ออกจากสกุลเสวี่ย เดินทางไปใช้ชีวิตที่ชนบท แต่คิดดูแล้วถ้าถูกส่งมาในบทบาทนางร้ายคงทำเช่นนั้นไม่ได้ จึงได้ล้มเลิกแผนการนี้ไป

แผนการต่อมาคือการเปลี่ยนสถานการณ์ให้ตนเองได้เปรียบและอยู่รอด กว่าจะถึงงานแต่งงานของเสวี่ยเหวินเจิ้งและโจวเยี่ยนหงก็อีกสามเดือน สามเดือนนี้นางจะต้องหาทางออกจากสกุลเสวี่ย ไม่ยอมใช้ผู้ชายร่วมกับใคร และเปลี่ยนตอนจบให้หลินฉงหยูยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นจะได้ออกจากโลกนิยายหรือว่าจะกลายเป็นตัวเอกต่อไปก็ค่อยว่ากันในภายหลัง

“เฮ้อ เอาเถอะ ข้าเข้าใจเจ้า ข้ารับปากว่าจะตบแต่งเจ้าเป็นภรรยาแต่ไม่สามารถให้ตำแหน่งฮูหยินแก่เจ้าได้ ข้าละอายใจยิ่งนัก” เสวี่ยเหวินเจิ้งพูดด้วยความหนักอก น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความกังวล

เขาไม่ได้มีใจต่อคุณหนูโจวแม้แต่น้อย อยากแต่งงานครองรักกับหลินฉงหยู สตรีที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ตอนที่บาดเจ็บจากการถูกโจรป่าดักปล้นขณะที่เดินทางไปต่างเมือง

นางยอมที่จะอยู่ในฐานะแขกของเขา พอแต่งงานกับโจวเยี่ยนหงก็เป็นได้แค่นางบำเรออุ่นเตียงให้แก่เขาเท่านั้น แต่หลินฉงหยูก็ยินยอมเพื่อให้ได้อยู่กับตน เขาช่างซาบซึ้งและรู้สึกผิดต่อนางยิ่งนัก

“ข้าต่างหากที่ละอายใจ ท่านมีคู่หมั้นอยู่แล้วแทนที่ข้าจะยอมแพ้แล้วเป็นฝ่ายถอยกลับไป แต่กลับดึงดันจะอยู่ต่อที่นี่ นอกจากจะทำให้ท่านและสกุลเสวี่ยลำบากใจแล้ว ยังทำให้ว่าที่ฮูหยินน้อยเสวี่ยรู้สึกแย่ ยังไม่แต่งงานว่าที่สามีก็พาหญิงอื่นมาด้วยแล้ว ถ้าข้าออกไปจากสกุลเสวี่ยตอนนี้ก็คงจะดีต่อทุกฝ่าย” น้ำเสียงนั้นสั่นเบาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

หลินฉงหยูแสดงได้สมบทบาทนางร้ายจนอดหมั่นไส้ตัวเองไม่ได้

“เจ้าห้ามไปจากข้า หากไม่มีเจ้าข้าจะอยู่ได้อย่างไร ฉงหยู อย่าได้คิดจะไปจากสกุลเสวี่ย ข้าสัญญาว่าในภายภาคหน้าข้าจะทำให้เจ้ามีหน้ามีตา ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในฐานะ...นั้น” เขาไม่อยากเอ่ยคำว่านางบำเรอให้นางรู้สึกสะเทือนใจ

หลินฉงหยูคิดอยู่แล้วว่าการไปจากสกุลเสวี่ยนั้นไม่ง่าย ถ้าง่ายแบบนั้นนางก็คงไม่มาโผล่ในนิยายเรื่องนี้

“และถึงแม้ข้าจะแต่งงานกับนาง ข้าก็จะไม่เข้าหอด้วย ทุก ๆ คืนของข้าจะเป็นของเจ้า” เขาให้คำสัญญา แต่นางรู้ว่ามันไม่จริง ไม่เช่นนั้นโจวเยี่ยนหงจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร

อีกสามเดือนในคืนแต่งงาน เขาจะถูกมารดาวางยากำหนัดในสุรา ทั้งเขาและโจวเยี่ยนหงต่างก็ถูกวางยาด้วยกันในคืนเข้าหอ จนนำมาสู่การตั้งครรภ์หลังจากคืนนั้นเพียงครั้งเดียว

“อย่าสัญญาเลยเจ้าค่ะ ชายหญิงอยู่ชิดใกล้ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้น จากนี้ไปจนถึงวันแต่งงานท่านมีโอกาสศึกษานิสัยใจคอกับคุณหนูโจวและอาจจะเกิดความรักต่อกัน ถึงตอนนั้นท่านจะรู้ว่าที่ท่านรู้สึกต่อข้าเป็นเพียงความรู้สึกที่อยากตอบแทนบุญคุณเท่านั้น” นางกล่าวเสียงนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ

“ไม่ใช่ ข้า...”

“อย่าเพิ่งปฏิเสธเลยเจ้าค่ะ ข้าอยากให้ท่านกับนางได้พูดคุยและสนิทสนมกันเอาไว้ อย่างน้อยถึงท่านมั่นใจว่าไม่ได้คิดจะรักนาง แต่หากนางเข้าใจท่านและเป็นมิตรต่อข้า ข้าเองก็จะได้อยู่อย่างสงบสุข เช่นนั้นจะไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ หากท่านตั้งแง่กับนาง ฮูหยินใหญ่และฮูหยินผู้เฒ่าอาจจะไม่พอใจและคิดว่าเป็นเพราะข้ายุยงท่าน” หลินฉงหยูหว่านล้อมให้เขาเห็นด้วย

นางจะใช้โอกาสนี้เปิดโอกาสให้ทั้งคู่รักกัน จากนั้นหากนางจะไปจากที่นี่เสวี่ยเหวินเจิ้งก็จะไม่ต้องลำบากใจและรั้งนางไว้ หลินฉงหยูจะกลายเป็นเพียงตัวประกอบที่เข้ามาทำให้พระนางรักกันแล้วจากไป ไม่ใช่นางร้ายที่ทำลายความรักอีกต่อไป

“ได้ ข้าจะทำดีกับนาง และผูกมิตรเอาไว้ แต่เจ้าจะทำใจได้หรือ ไม่ใช่ว่าจะคิดมากจนเก็บเอาไปนอนร้องไห้หรอกนะ” เขาพูดเย้านางในตอนท้าย

หลินฉงหยูยกแขนเสื้อขึ้นปิดปากที่กำลังยิ้มกว้างกับคำพูดของเขา หากเป็นตัวละครตัวจริงคงอกแตกตายไปแล้วกระมัง แต่นางที่สวมบทบาทหลินฉงหยูในตอนนี้ มีแต่จะยินดีหากเขารักกับโจวเยี่ยนหงได้

************************
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel