บทที่ 4 มิติบ้านสวน 1/2
“เฮ้อ อยากจะบ้าตายเหตุใดข้าที่เป็นถึงภูติสาวแสนสวยตัวน้อย ๆ ต้องมาเจอเจ้านายเช่นนี้ด้วยนะ นี่ท่านน่ะลืมตามามองข้าสักนิดเถิดที่นี่ไม่มีผีหรอกนะ มีแต่คนหน้าตางดงามอยู่สองคนเท่านั้นท่านไม่อยากรู้หรือว่าที่นี่คือไหนน่ะ ท้องท่านร้องหาอาหารอร่อย ๆ อยู่มิใช่หรืออย่างไรเจ้าคะ ตู้เย็นในห้องครัวยังมีของกินอีกหลายอย่างเชียวนะ ที่ท่านทำเก็บไว้ทาน หากยังไม่เอามันออกมาทานคงจะเน่าเสียจนหมดแน่ ๆ”
ภูติตัวน้อยเรียกสติของมู่หลินหว่านที่ยังไม่ยอมเงยหน้า เพื่อที่จะได้แนะนำตนเองกับเจ้านายที่ตนต้องคอยดูแลนับจากนี้ และต้องบอกถึงประโยชน์หรือที่มาที่ไปของมิติแห่งนี้ให้มู่หลินหว่านได้ทราบ เมื่อได้ยินเสียงน้อย ๆ บอกว่าตนเองไม่ใช่ผีเสียงสวดมนต์ก็หยุดลง และใบหน้าเรียวค่อย ๆ เงยขึ้นมามองหาเสียงที่เปล่งเสียงน่ารัก ๆ เรียกชื่อของนาง ก่อนจะพบว่ามีคนตัวเล็ก ๆ มีปีกและบินได้ลอยไปลอยมาอยู่กลางอากาศ
“นะ นะ นี่เจ้าไม่ใช่ผีแน่นะอย่าได้โกหกให้ข้าตายใจเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคำสาปแช่งสารพัดจะเป็นของเจ้าทันที”
“ไม่ใช่อย่างแน่นอนแต่ข้าคือภูติพฤกษาประจำมิตินี้ และที่สำคัญมันยังเป็นมิติบ้านสวนของท่านจากโลกก่อน รวมถึงความรู้ความสามารถของท่านทุกอย่างยังใช้ได้เหมือนเดิม ตอนนี้พวกเราอยู่ภายในบ้านของท่านของทุกชิ้นยังอยู่กับที่ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมหรือการสับเปลี่ยนใด ๆ ทั้งสิ้น ท่านหิวมิใช่หรืออาหารที่ท่านทำเก็บไว้เอาออกมาอุ่นเสียสิ กินให้อิ่มท้องก่อนเถิดท่านยังต้องคิดหาวิธีออกจากจวนแห่งนี้อีกนะเจ้าคะ”
“เดี๋ยว ๆ ๆ เจ้าบอกว่าที่ยืนอยู่ในตอนนี้คือบ้านสวนของข้าจากโลกก่อน และมันกลายมาเป็นมิติวิเศษโดยมีเจ้าเป็นภูติคอยดูแลที่นี่ข้าเข้าใจถูกไหม” มู่หลินหว่านย้ำกับภูติตัวน้อยอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ใช่เจ้าค่ะท่านเข้าใจได้ถูกต้องแล้วนี่คือบ้านสวนของท่านอย่างแท้จริง ไม่ว่าท่านคิดจะปลูกพืชผักผลไม้หรือทำอะไรเกี่ยวกับการใช้มิติแห่งนี้ จะมีข้าคอยดูแลจัดการแทนโดยที่ท่านไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยเจ้าค่ะ”
“ว้าว! ไม่อยากเชื่อเลยว่านอกจากจะได้มาเกิดใหม่แล้ว ยังมีมิติบ้านสวนของตนเองติดตัวมาอีกด้วยนะเนี่ย ยอดเยี่ยมที่สุดขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาสงสารข้าผู้นี้ ขอบคุณท่านเทพเทวดาที่หล่อเหลางดงามทั้งหลายเมื่อใดที่ออกจากจวนแห่งนี้ได้ข้าจะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะเจ้าคะ ว่าแต่เจ้ามีชื่อหรือไม่จะให้เรียกเจ้าว่าภูติพฤกษามันก็ฟังดูแปลก ๆ
เกินไปนะ”
“นายหญิงช่วยตั้งชื่อให้ข้าด้วยสิเจ้าคะท่านชอบชื่ออะไร สามารถนำมาตั้งชื่อได้ทั้งนั้นแต่ถ้าจะให้ดีขอเป็นชื่อเพราะ ๆ สักนิดจะดีมากเจ้าค่ะ”
“แล้วบอกว่าชื่ออะไรก็ได้ที่ข้าชอบเจ้าจะพูดเพื่อ ฮึ่ม...อือ จะให้ชื่อว่าอะไรดีน้าตัวเจ้าก็เล็กเท่านี้เองแต่เป็นภูติเกี่ยวกับต้นไม้ แล้วต้นไม้มีสีเขียวเป็นธรรมชาติงดงาม อ้อ นึกออกแล้วเช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวลวี่เป็นอย่างไร”
“เสี่ยวลวี่งั้นหรือฟังดูก็น่ารักดีนะเจ้าคะเช่นนั้นข้าใช้ชื่อนี้เจ้าค่ะ ต่อไปข้ามีชื่อว่าเสี่ยวลวี่มีหน้าที่ดูแลมิติแห่งนี้ให้นายหญิง ขอบคุณมากเจ้าค่ะที่ช่วยตั้งชื่อให้กับข้า”
“ยินดีจ้ะเสี่ยวลวี่แต่ตอนนี้ข้าขอไปทานอาหารก่อนนะ ประเดี๋ยวค่อยมานั่งคิดแผนไปจากที่นี่กันต่อ”
เสี่ยวลวี่บินตามหลังมู่หลินหว่านไปยังห้องครัว อาหารที่ทำเก็บไว้ในตู้เย็นยังคงมีสีสันน่ากินเช่นเคย บรรยากาศด้านหลังห้องครัวที่มองเห็นสวนผลไม้หลากหลาย เล้าเป็ดเล้าไก่ที่เลี้ยงไว้อยู่ด้านบนบ่อปลานิลสัตว์ทั้งสามชนิด ยังคงมีชีวิตทั้งไก่และเป็ดจิกกินอาหารเพื่อออกไข่ ให้นางได้เก็บกินทุกวันอยู่เช่นเคยแปลงผักที่กำลังเติบโต และถัดไปยังเป็นนาข้าวที่ยืนต้นเขียวขจีอีกหลายไร่ เมื่อเห็นเช่นนี้ก็พลันให้คิดถึงพ่อแม่ของตนจนน้ำตาคลอ พวกเขาคงจะเสียใจมากและโกรธแค้นพวกค้ายาเสพติด ที่ทำให้ลูกสาวสุดที่รักต้องมาตายขณะที่อายุยังน้อย จึงทำได้เพียงอธิษฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในใจให้พ่อแม่ในโลกนั้น ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีก็เพียงพอแล้วสำหรับลูกสาวคนนี้
“นายหญิงสบายใจเถิดเจ้าค่ะบิดามารดาของท่านทางนั้น พวกเขาอาจจะโศกเศร้ากับการสูญเสียท่านก็จริง แต่ทั้งสองก็เข้าใจสัจจธรรมของชีวิตอยู่มาก พวกเขาย่อมใช้ชีวิตอย่างดีจนกว่าจะสิ้นอายุขัยเจ้าค่ะ” เสี่ยวลวี่ช่วยปลอบโยนมู่หลินหว่านเมื่อเห็นว่านางมีท่าทีเศร้าสร้อย
“ขอบใจเสี่ยวลวี่ที่ช่วยปลอบใจยามนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว สิ่งที่ควรทำมากที่สุดสำหรับตอนนี้คือแผนการให้ตัวข้าถูกไล่ออกจากที่นี่ เจ้าคิดว่าควรใช้แผนเช่นไรได้บ้างกับคนในโลกใบใหม่ของข้า”
“ก่อนหน้านี้มิใช่ว่าท่านได้ยินพวกบ่าวไพร่พูดถึงงานเลี้ยงน้ำชา ที่ฮูหยินเอกจะเป็นคนจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้าหรือเจ้าคะ หากท่านต้องการถูกไล่ออกจากจวนแห่งนี้ วันงานเลี้ยงมีตัวเลือกให้ท่านมากมายสามารถใช้เป็นตัวช่วย ข้าเชื่อว่าบิดาของท่านจะรีบเขียนหนังสือตัดขาดให้อย่างรวดเร็วเชียวล่ะ”
“จริงด้วย!! เสี่ยวลวี่ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยเตือนสติข้า หึ มาคอยดูกันเถิดว่างานเลี้ยงของนางฮูหยินนั่นจะปังหรือจะพังกันแน่ ฮ่า ๆ ๆ แต่ถ้าได้ออกจากที่นี่ไปจะเอาเงินจากไหนใช้จ่ายล่ะ เบี้ยหวัดอะไรก็ไม่เคยได้รับเช่นคนอื่นเขาสักครั้ง” มู่หลินหว่านเป็นกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลังจากนี้
“ไม่เห็นยากเลยเจ้าค่ะนายหญิงในห้องเก็บสมบัตินั่นอย่างไร ท่านจะเอามาทั้งหมดก็ยังได้นะเจ้าคะมีที่เก็บตั้งกว้างถึงเพียงนี้ หรือท่านจะใจดีเหลือไว้ให้จวนบิดาของท่านใช้ซื้อข้าวสารอาหารแห้ง สำหรับคนในจวนสักหีบสองหีบถือว่าเป็นของขวัญช่วงเวลาสิบกว่าปี ที่ท่านได้อยู่อาศัยภายใต้ชายคาจวนตระกูลมู่ทำบุญสักเล็กน้อย เพื่อหนุนดวงชะตาของท่านให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปเจ้าค่ะ” เสี่ยวลวี่ชี้ช่องทางหาเงินจำนวนมากให้กับมู่หลินหว่าน
“ตกลงเสี่ยวลวี่รอให้ใกล้ถึงวันงานทุกคนในจวนคงจะยุ่งกันมาก ไม่มีใครมาสนใจข้าที่เก็บตัวอยู่ในกระท่อมแน่นอน พวกเราค่อยลงมือกันจะดีกว่าวันถัดไปจะได้ออกเดินทางทันที” มู่หลินหว่านเห็นด้วยกับวิธีของเสี่ยวลวี่
“เจ้าค่ะนายหญิงเสี่ยวลวี่จะช่วยท่านเอง”
มู่หลินคลายความกังวลใจทั้งหมดได้แล้วเมื่อทานอาหารเสร็จ จึงออกไปเดินเล่นภายในบริเวณบ้านสวนในมิติ ที่ยังคงให้บรรยากาศเดิม ๆ เช่นอยู่ด้านนอก ระหว่างเดินเล่นก็คิดว่านางควรปรากฏตัวตอนไหนถึงจะดี หรือควรอาละวาดสร้างปัญหาไปเลยจะดีหรือไม่ เพราะขุนนางยุคสมัยนี้รักหน้าตามากกว่าสิ่งใด หากมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยมักจะถูกซุบซิบนินทาจากผู้คนไปนานหลายวันเลยทีเดียว
“มู่หลินหว่านอิสระของเจ้าอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะ”