บทที่ 3 มิติบ้านสวน 1/1
มู่หลินหว่านไม่สนว่าผู้ใดจะนัดเจอกันไม่ว่าจะเป็นที่จวนหรือที่ไหนก็ช่าง ยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทานอาหารให้อิ่มท้อง และนอนพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงโดยเร็วเท่านั้น เพื่อหาหนทางออกไปจากตระกูลที่น่ารังเกียจแห่งนี้
ด้านของมู่จือหย่าที่รีบแต่งตัวออกมาพบคู่หมั้นหนุ่มอนาคตไกล ที่พยายามให้มารดาแย่งมาจากน้องสาวอย่างมู่หลินหว่านได้ นางรีบขอโทษขอโพยต่อเฉินเยี่ยนหมิงเป็นการใหญ่ โดยกล่าววาจาใส่ร้ายว่าถูกน้องสาวคนรองกลั้นแกล้ง ทำชุดที่เพิ่งได้รับจากร้านตัดเสื้อเปรอะเปื้อน ทั้งที่ตั้งใจจะสวมใส่เพื่อออกไปด้านนอกในวันนี้
“หย่าเออร์ขออภัยคุณชายเฉินจริง ๆ เจ้าค่ะที่ออกมาพบล่าช้าจนทำให้คุณชายเสียเวลานั่งรออยู่ตั้งนาน” มู่จือหย่ามาถึงก็เริ่มเสแสร้งเป็นผู้ถูกกระทำทันที
“ไม่เป็นไรคุณหนูใหญ่มู่ข้าเพิ่งมาถึงได้ไม่นานเช่นกัน ว่าแต่เหตุใดถึงไม่สวมชุดใหม่ที่เจ้าบอกเอาไว้เล่า มิใช่ว่าที่ร้านได้นำมันมาส่งให้ที่จวนแล้วรึ”
“เอ่อ คือว่าชุดที่หย่าเออร์ตั้งใจจะสวมวันนี้ ถูกน้องรองทำมันเปรอะเปื้อนตอนที่นำไปซักเจ้าค่ะ หย่าเออร์ไม่แน่ใจว่านางไม่ได้ตั้งใจหรือแค่อยากกลั่นแกล้งกันแน่ ไม่กี่วันก่อนก็แอบขโมยปิ่นปักผมอันใหม่ของหย่าเออร์ไปซ่อนไว้อีกเจ้าค่ะ” มู่จือหย่าทำทีเล่าออกไปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“นี่นางจะอิจฉาเจ้าไปถึงเมื่อไหร่กันถูกลงโทษไปกี่ครั้ง ใยไม่รู้จักหลาบจำเสียบ้างคงเปลี่ยนนิสัยของนางไม่ได้แล้วล่ะ ต่อไปเจ้าต้องระวังให้มากกว่านี้อย่าให้นางจับต้องสิ่งของ ๆ เจ้าอีก ในเมื่อชุดนั่นมันใส่ไม่ได้ก็ช่างเถิดประเดี๋ยวข้าจะซื้อชุดใหม่ให้ท่านเอง” เฉินเยี่ยนหมิงตั้งแต่ได้หมั้นหมายกับมู่จือหย่า เขามักจะได้รับฟังแต่ด้านไม่ดีของมู่หลินหว่านอยู่เสมอ
“หย่าเออร์ขอบคุณคุณชายเฉินล่วงหน้าเจ้าค่ะ ที่ใจดีกับหย่าเออร์ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้วพวกเราไปที่นั่งดื่มชาทานของว่างที่หออี๋ชุนก่อนจากนั้นค่อยไปเดินเล่นกันดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ได้สิวันนี้ข้ามีเวลาให้กับคุณหนูใหญ่มู่ทั้งวัน ท่านอยากไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นหรืออยากได้เครื่องประดับ รวมถึงเสื้อผ้าชุดใหม่แทนชุดที่ขาด ท่านเลือกร้านค้าได้นะว่าอยากไปซื้อที่ร้านตระกูลใด สำหรับคุณหนูใหญ่มู่ควรใช้สิ่งของที่ราคาเหมาะกับฐานะของท่านเท่านั้นถึงจะเหมาะสม” เฉินเยี่ยนหมิงได้รับคำสั่งจากมารดาให้เอาใจมู่จือหย่าให้มาก
“คุณชายเฉินพูดจริงหรือเจ้าคะแต่หย่าเออร์เกรงใจ หากต้องทำให้ท่านใช้จ่ายเงินตำลึงมากมายเช่นนี้ เอาเป็นว่าหากมีสิ่งไหนที่หย่าเออร์สามารถช่วยทำให้ท่านได้ละก็ โปรดบอกกับหย่าเออร์ได้ทันทีนะเจ้าคะ”
“ยังไม่มีสิ่งใดรบกวนคุณหนูใหญ่มู่หรอก ถ้าจะมีเรื่องที่ข้าต้องการ เห็นทีจะมีเพียงอยากให้ถึงวันแต่งงานโดยเร็วเสียมากกว่า ข้าอยากรับท่านเข้าจวนไปเป็นฮูหยินเอกและดูแลปกครองเรือน ยามเสร็จจากการทำงานกลับมาก็ได้เจอภรรยาผู้งดงามรออยู่ที่จวน คงจะช่วยให้ข้าหายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้งแน่ ๆ” เฉินเยี่ยนหมิงแกล้งหยอกเย้าคู่หมั้นสาวจนนางเขินอายกับคำพูดเหล่านั้น
“คุณชายเฉินละก็กล่าวเช่นนี่หย่าเออร์ก็เขินอายเป็นนะเจ้าคะ” มู่จือหย่าทำทีท่าเอียงอายไร้เดียงสา
“หึ ๆ เชิญคุณหนูใหญ่มู่ที่รถม้าเถิดประเดี๋ยวแดดจะร้อนเสียก่อน รับรองว่าวันนี้ข้าจะมาส่งท่านก่อนยามเซินไม่ต้องกังวลไป”
“ขอบคุณคุณชายเฉินที่เข้าใจหย่าเออร์เจ้าค่ะ”
เฉินเยี่ยนหมิงพามู่จือหย่าเดินไปขึ้นรถม้าที่รออยู่หน้าจวน พานางไปหออี๋ชุนเพื่อดื่มชารสชาติดี หลังจากนั้นค่อยพานางตระเวนไปตามร้านเครื่องประดับและร้านผ้าต่าง ๆ มู่จือหย่าเลือกซื้อสิ่งของเหล่านี้อย่างสนุกสนาน ทั้งที่ความจริงนั้นเฉินเยี่ยนหมิงแค่ทำตามคำสั่งของมารดา เขาไม่ได้รู้สึกรักใคร่อันใดในตัวของมู่จือหย่าเลยสักนิด เพียงแต่มารดาของเขาต้องการอาศัยอำนาจของเสนาบดีมู่ เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้กับบิดาของเขาในการเลื่อนตำแหน่งเท่านั้น เฉินเยี่ยนหมิง
มีข้อตกลงกับมารดาเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า เมื่อใดที่แต่งงานกับมู่จือหย่าและบิดาได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว เขาต้องการรับฮูหยินรองจากตระกูลหลินเนื่องจากนางเป็นสตรีที่เขารัก ซึ่งมารดาของเขาได้รับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ และเฉินเยี่ยนหมิงก็ทำตามที่บอกกับมู่จือหย่า เขาพานางมาส่งที่จวนตระกูลมู่ก่อนถึงยามเซินจริง ๆ
ส่วนมู่หลินหว่านที่นอนพักผ่อนไปหลายชั่วยาม ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะยามนี้เสียงร้องจากกระเพาะอาหารของนาง กำลังเรียกร้องหาอาหารเนื่องจากเลยเวลามาพอสมควร จึงลุกขึ้นมาล้างหน้าให้สดชื่นเพื่อไปยังห้องครัวหาอะไรที่กินได้มารองท้องเสียหน่อย แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านในพลันได้ยินบ่าวไพร่พูดคุยกัน เกี่ยวกับงานเลี้ยงน้ำชาที่จะจัดขึ้นในจวนแห่งนี้ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า มีแขกเหรื่อเป็นฮูหยินและบุตรชายบุตรสาวจากตระกูลขุนนาง ที่ได้รับหนังสือเชิญมาร่วมงานด้วยมากมาย เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นงานดูตัวสำหรับครอบครัวที่มีฐานะเหมาะสมกัน เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เข้าทางมู่หลินหว่านให้แล้ว หนทางที่จะหลุดพ้นจากตระกูลที่ฉากหน้าดูดีแต่เบื้องหลังกลับเน่าเฟะเสียที
มู่หลินหว่านเปลี่ยนใจเดินกลับมายังกระท่อมโทรม ๆ ของตนนั่งคิดนอนคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะตัดขาดกับตระกูลนี้ แต่เพราะท้องที่ปราศจากอาหารไปหล่อเลี้ยงยังคงส่งเสียงอยู่ จึงทำให้ในหัวของนางว่างเปล่าคิดสิ่งใดไม่ออกเอาเสียเลย
“โครกคราก!! โอ๊ย คิดไม่ออกเสียทีจะใช้วิธีไหนได้บ้างนะเนี่ย หิวก็หิวมองไปทางไหนก็เห็นเป็นของกินไปหมดแล้ว เฮ้อ หากยังอยู่ที่บ้านสวนป่านนี้มื้อเย็นคงทำกินเองไปตั้งนานละ...เฮ้ย!!!”
“ผลุบ!! กรี๊ดดดด ตุบ ”
“เอ๊ะ! เมื่อกี้ร่วงลงมาจากกลางอากาศแล้วทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บล่ะ หือ ที่นอนคุ้น ๆ เหมือนเตียงนอนที่บ้านสวนเลยแฮะ หรือว่าเราจะหิวจนตาลายเดินสะดุดก้อนหินล้มลงหัวฟาดพื้นตายอีกรอบเหรอเนี่ย”
ขณะที่มู่หลินหว่านกำลังพิจารณาสิ่งของที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งมันเหมือนกับของภายในบ้านสวนของตนเองอย่างมาก กลับมีเสียงเล็ก ๆ ตอบคำถามของมู่หลินหว่านขึ้นมาทันที
“ยินดีต้อนรับนายหญิงกลับสู่มิติบ้านสวน ท่านยังคงมีชีวิตอยู่และยังต้องอยู่ต่อไปอีกนานเจ้าค่ะ”
“อ๊ากกกกก!!! ผีหลอก!! พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยจอมด้วยจ้า พวกเราไม่เคยรู้จักอย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะ เป็นผีก็อยู่ส่วนผีอย่าทำบาปเพิ่มด้วยการแกล้งคนแบบนี้ ถ้าน้องอยากกินอะไรก็สั่งไว้พรุ่งนี้พี่สาวจะไปทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ อย่าได้ผูกเวรผูกกรรมต่อกันจะดีกว่านะคุณน้องผี นะโม ตัสสะ ๆ ๆ” เจ้าจอมในร่างของมู่หลินหว่านถึงกับกรีดร้อง เอาแต่หลับตาก้มหน้าสวดมนต์อย่างลืมตัว