วางแผนจัดการซูเหม่ยลี่ 1.2
นั่นเพราะเธอรู้ดีว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถบีบคั้นชายหนุ่มได้อย่างไรล่ะ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้มีโอกาสพบหน้ากัน ต่างคนต่างก็รู้ดีว่าสามารถไปด้วยกันได้ดีมาก โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง แต่ด้วยนิสัยที่ติดการพนันอย่างหนักด้วยกันของทั้งคู่ สิ่งที่พวกเขาได้รับมาหลังจากที่เริ่มคบหากันแบบลับ ๆ ก็คือการเงินที่ฝืดเคือง
นั่นเพราะว่าทั้งสองคนติดการใช้ชีวิตหรูหรา ท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ โดยขอยืมเงินจากซูเหมยลี่มา ทุกครั้งเขาจะบอกว่าพ่อแม่ป่วยหรือมีความจำเป็นจะต้องใช้เงิน ในขณะที่ซูเหมยลี่ทำงานตัวเป็นเกลียวแต่ก็ยอมให้เพราะเธอไม่มีพ่อแม่ก็เลยอยากดูแลพ่อแม่ของว่าที่สามีให้ดี โดยไม่เฉลียวใจเลยว่ากำลังถูกหลอก
ชายหนุ่มเมื่อถูกยื่นคำขาดแบบนั้น ก็ลุกเดินมาจุดบุหรี่แล้วออกไปยืนนอกระเบียง เขาคิดถึงแผนการบางอย่างที่เขาลงมือไปแล้ว
“ฉันหยอดยาที่ทำให้ระบบประสาทมีอาการอ่อนล้าชาเพลียให้กับเหมยลี่ไปบ้างแล้ว ตอนนี้เธอเองก็เริ่มจะมีอาการเหมือนคนอ่อนเพลียเวลาที่ทำงานดึก ๆ หรือนั่งอยู่ในท่าเดิมนานๆ” เขาพูดขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับพ่นควันออกจากปาก
“ใจดีเหลือเกินนะ ใช้ยาประเภทนั้นแล้วเมื่อไรมันจะตายสักทีถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหม เราก็ลองมาจัดฉากทำให้เหมือนกับเป็นอุบัติเหตุดูสิ” หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างแล้วพูดสิ่งที่เธอต้องการ นั่นก็เพราะต้องการเงินมาใช้เร็ว ๆ
ได้ยินแผนการที่หลุดออกมาจากปากของชู้รัก ซ่งฉีเหอครั้งแรกก็รู้สึกตกใจอย่างมาก แต่เมื่อลองคิดคำนวณถึงเงินจำนวนมากในอนาคต ที่เขาจะได้มาโดยที่ไม่ต้องไปเหนื่อยแรงนั่งทำงานอีกเป็นสิบกว่าปีนั้น ก็เท่ากับว่าเขาจะมีเวลาเสพความสุข โดยที่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรให้มันเกินตัว ทำให้เขาแสยะยิ้มออกมาและเริ่มเห็นด้วยกับความคิดนี้ของเธอ
จูอันอันเห็นเขานิ่งเงียบก็ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาใกล้ ๆ โดยที่ไม่มีความละอายว่าบนร่างกายของตนนั้นไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่แม้แต่ชิ้นเดียว เธอสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง พร้อมกับกระซิบเบา ๆ ข้างใบหู
“เพื่ออนาคตของเราสองคน คุณรีบจัดการเถอะ ซูเหมยลี่ก็แค่คนที่เติบโตมาจากสถานสงเคราะห์ ต่อให้ตายไปก็ไม่มีพ่อแม่หรือญาติคนไหนมาตามเอาเรื่องหรอก ไม่ดีหรือไงเราจะได้คบกันอย่างเปิดเผยและฉันสามารถทำให้คุณมีความสุขได้ หรือคุณอยากอยู่กับผู้หญิงหัวโบราณคร่ำครึขนาดแค่จะจับมือด้วยเขาก็ยังไม่ให้คุณจับ ต่อไปถ้าอยู่ด้วยกันก็คงจะจืดชืดทุกวัน ถ้าเป็นฉันนะ คนเราคิดจะมีชีวิตคู่อยู่ไปด้วยกันนาน ๆ แต่เรื่องแค่นี้กลับให้กันไม่ได้ มันก็ผิดตั้งแต่แรกที่พวกคุณตัดสินใจกันแล้ว”
เธอพูดมันขึ้นมาโดยไม่มีความละอายแม้แต่น้อย ระหว่างที่พูดก็เป่าลมร้อนใส่ลำคอของเขาอย่างยั่วยวน
“อย่าพูดมากไปหน่อยเลย บอกให้ทำอะไรฉันก็ทำไปแล้วนี่ไง” ซ่งฉีเหอเอ่ยเสียงเรียบคล้ายหมดความอดทน ก่อนจะเอียงหน้ามองคนข้างกายด้วยแววตาแฝงความอึดอัด “อีกอย่าง คนลงมือก็เป็นฉันไม่ใช่เธอสักหน่อย เอาเถอะเรื่องนี้เอาไว้พูดกันทีหลัง ตอนนี้ฉันอยากจะจะระบายความเครียดมากกว่า”
พูดจบซ่งฉีเหอก็หันกลับมาคว้าเอาร่างของเธอเข้ามากอดพร้อมกับจูบอย่างหนักหน่วงลงไป จูอันอันก็เสแสร้งทำทีเป็นสะดีดสะดิ้งเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสา
“รับปากฉันก่อนสิคะ” เสียงออดอ้อนดังขึ้นพลางดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์ส่งไปให้กับชายหนุ่ม
“คุณต้องรับปากฉันว่าคุณต้องจัดการผู้หญิงเชย ๆ คนนั้นให้ออกไปจากชีวิตของพวกเราก่อน ไม่อย่างนั้นทุกครั้งที่คุณหาความสุขบนร่างกายของฉัน ฉันก็คงจะไม่รู้สึกถึงความสุขหรอกนะ เพราะถึงยังไงทุกคนในสังคมก็ยังรับรู้อยู่ดีว่าคุณกับหมอซู สุดท้ายแล้วก็จะต้องแต่งงานกัน”
ซ่งฉีเหอถึงจะรำคาญแต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ เพราะรู้ดีว่าตนเองนั้นติดใจในรสสวาทของผู้หญิงตรงหน้า เขาหันมาพาร่างอวบอิ่มของเธอเดินตรงไปที่เตียงก่อน จะดันตัวให้ลงไปนอนราบบนเตียงแล้วพูดขึ้นมาเหมือนไม่อยากพูดอะไรต่อจริงๆ แต่เขาอยากทำอย่างอื่นมากกว่า
“อย่าพูดมากไปหน่อยเลย ถึงยังไงฉันก็เลือกเธออยู่ดี ผู้หญิงหน้าโง่ที่วัน ๆ เอาแต่ทำงานแบบนั้น อยู่ด้วยก็เซ็งจะตาย ขอแค่ให้ยาออกฤทธิ์อย่างสม่ำเสมอก็พอแล้ว แค่นี้ก็ไม่มีใครจับพิรุธได้ หลังจากนั้นเราสองคนก็จะไปอยู่ที่ต่างประเทศสักพัก ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นให้เต็มที่ แล้วค่อยกลับมาที่นี่ ถึงตอนนั้นต่อให้เธอตั้งท้อง ก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเราแอบคบกันมาตั้งแต่แรก”
‘ตั้งท้องเหรอ ใครอยากจะตั้งท้องกัน’
จูอันอันได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับคิดในใจ ‘หึ ตั้งท้องเหรอ ฉันไม่เคยคิดว่าการมีลูกมันดีเลย สำหรับฉันแล้วมันหมายถึงภาระยิ่งใหญ่ ยิ่งตั้งท้องกับผู้ชายที่ไม่สามารถให้ความสะดวกสบายในชีวิต หรือหลักประกันความเป็นอยู่ที่มั่นคงอย่างคนคนนี้ หากแต่งงานกับคนที่ไม่มีเงินหรือความสามารถ นั่นก็เท่ากับเป็นการแต่งงานกับท่อนไม้เหรอหรือ เขาอาจจะให้ความสุขได้ แต่ก็ไม่สามารถให้ความสุขสบายได้อย่างที่ควร’
นี่คือสาเหตุที่เธอเลือกผู้ชายที่มีวิถีชีวิตคล้ายกันอย่างซ่งฉีเหอ เพราะอย่างน้อยที่สุด ก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความร่ำรวยของคู่หมั้นสาวที่เขากำลังคิดจะฆ่า ตราบใดที่เขามีเงิน เธอก็จะอยู่กับเขา แต่ไม่อยากผูกมัดด้วยการมีลูก
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้เรามาสนุกด้วยกันดีกว่า” พูดจบเธอก็โน้มคอเขาลงมาเพื่อรับบดจูบที่ดูดดื่มของตัวเอง
ณ โรงพยาบาล
ตอนนี้ซูเหมยลี่กำลังสับสนกับตัวเอง เพราะอยู่ ๆ สายตาของเธอก็พร่าเลือนขึ้นมา แต่เมื่อเธอจอดรถที่ริมถนนแล้วหลับตาลงพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พอลืมตาขึ้นมาอาการนั้นก็หายไป จนเธอคิดว่าตนเองนอนพักผ่อนไม่เพียงพอจึงเกิดอาการนี้ขึ้นมา เธอจึงเริ่มรู้สึกเป็นห่วงตัวเองมากขึ้น
“ท่าทางเราคงจะทำงานหนักเกินไป ถึงได้มีอาการหน้ามืดแบบนี้ เดี๋ยวคงจะต้องจอดรถแล้วพักข้างทางสักหน่อย”
หญิงสาวพูดกับตัวเองเบา ๆ ใจจริงอยากไปหาจุดจอดรถที่ปลอดภัยเพื่อพักสายตาสักหน่อย
แต่จังหวะนั้นก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น เธอจึงหันไปมองยังหมายเรียกที่โทรเข้า ถึงได้รู้ว่าเป็นเบอร์ของผู้อำนวยการบ้านพักเด็กกำพร้าที่นัดเอาไว้ วันนี้เธอตั้งใจว่าจะนำเงินส่วนที่เอาแบ่งไปไว้ใช้สนับสนุนอาหารกลางวันและเสื้อผ้าของเด็กๆ ไปให้
“จริงสิ วันนี้จะต้องเอาเงินไปให้ที่บ้านเด็กกำพร้านิ ถ้าจอดพักรถเดี๋ยวก็ไปไม่ทัน อย่างนั้นไปก่อนแล้วค่อยกลับมาพักก็แล้วกัน”
เธอพูดกับตัวเองเบาๆ จากนั้นจึงไม่คิดที่จะพักรถ เธอใส่เกียร์พร้อมกับเหยียบคันเร่งออกจากข้างฟุตบาท ทั้งที่ตนเองเพิ่งจะจอดได้ไม่ถึงนาทีเท่านั้น
ความปรารถนาของเธอก็คือ ถึงแม้จะต้องตายไป แต่อย่างน้อยก็อยากจะทิ้งความดีเอาไว้ให้บนโลกนี้ได้จดจำบ้าง และเธอก็อยากให้เด็กๆ ในสถานเด็กกำพร้าได้มีชีวิตดี ๆ จึงตั้งใจจะเอาเงินก้อนนี้ไปส่งให้ถึงมือผู้อำนวยการให้ได้
