บทย่อ
ทูตสวรรค์ผิดพลาด... จับวิญญาณผิดตัว กำลังจะส่งหลินเยว่มาเกิดใหม่ในบทชีวิตรันทด เพื่อชดใช้เวรกรรมที่เจ้าตัวไม่เคยก่อ พวกเขาปิดปากนางด้วยการมอบมิติลับ พร้อมของสี่อย่างที่ใช้เอาตัวรอด หลินเยว่รู้ดี เธอไม่มีทางเอาชนะเจ้าหน้าที่ของสวรรค์ได้ การร้องเรียนไปอาจยิ่งทำให้แย่กว่าเดิม เอาเถอะ... ข้าไม่มีทางก้มหัวให้โชคชะตา ลำบากอีกกี่ชาติ ก็ไม่หวั่น เพราะข้าจะลิขิตทุกอย่างเอง!
ตอนที่ 1 เงียบ ๆ นะ
หลินเยว่เดินตามหลังทูตผู้มาเก็บวิญญาณของเธอ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะพลาดท่าเสียชีวิตอย่างน่าอัปยศถึงเพียงนี้
น่าขายหน้าชะมัด! ความรู้สึกขมขื่นเอ่อท้นอยู่ในอกขณะที่สายตาเธอกวาดมองรอบตัวในดินแดนที่พร่าเลือนและไร้ขอบเขต เสียงก้าวเท้าของทูตที่เดินนำหน้าแผ่วเบาราวกับกระซิบกับลมหนาว
ทันใดนั้น เสียงสนทนาของผู้เก็บวิญญาณสองคนดังขึ้น ลอยมากระทบโสตประสาทอย่างชัดเจน
“ผิดแล้ว… ไม่ใช่หลินเยว่คนนี้”
คิ้วเรียวของหลินเยว่ขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาของเธอฉายแววสงสัยและหวาดหวั่น
นี่เธอไม่ใช่คนที่ควรตายงั้นหรือ?
ความหวังริบหรี่ทอประกายในหัวใจ แต่ทูตทั้งสองยังคงสนทนากันต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ส่งกลับไปก็ไม่ได้… ชะตากรรมของพวกเขาต่างกันอยู่ดี”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ไปเกิดใหม่เถอะ”
หนึ่งในทูตเหลือบตามองเธอ สายตานั้นนิ่งสงบจนน่าขนลุก
ริมฝีปากเขาคลี่ยิ้มแผ่วราวกับทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องชวนขนลุก
“เธอเงียบ ๆ ไว้ อย่าได้ปริปากถาม”
“เราจะส่งเธอไปเกิดใหม่… และจะให้มิติไปด้วย”
“ในมิตินั้นจะมีสิ่งของที่เธอเพียงนึกก็สามารถใช้ได้ แต่จำกัดเพียงสี่อย่างเท่านั้น...จำไว้เลือกได้แค่สี่อย่างเลือกให้ดี”
“เอาล่ะ… ไปได้แล้ว… และอย่าลืมปิดปากเงียบ!”
ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรสักคำเดียว
เสียงลมเย็นแผ่วพัดคล้ายจะกลืนทุกอย่าง เธอสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าที่กำลังโอบล้อมตัวเอง และแล้ว… สติของหลินเยว่ก็ดับวูบลงทันที
เรือนเล็กหลังบ้านสกุลหลิว เมืองชิงสุ่ย
หลินเยว่รู้สึกเหมือนจมอยู่ในความว่างเปล่านานนับชั่วกาล ก่อนที่สติจะค่อย ๆ กลับมา… เธอลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า แสงสลัวจากหน้าต่างบานเล็กสาดเข้ามาในห้องไม้เก่า ๆ สภาพรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของเธอเองเป็นเพื่อน
ห้องเล็ก ๆ นี้มีเครื่องเรือนไม่กี่ชิ้น โต๊ะเตี้ยหนึ่งตัว ม้านั่งเล็ก และตู้ไม้เก่าที่บานประตูดูเหมือนจะพังอยู่รอมร่อ กลิ่นอับของฝุ่นเก่าโชยมากระทบจมูก หลินเยว่ค่อย ๆ ขยับตัว รู้สึกถึงความบอบบางของร่างใหม่ที่เธอสวมอยู่
“นี่เรา… กลายเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าปีแล้วงั้นหรือ…”
เธอพึมพำเบา ๆ พลางสำรวจมือและร่างกายใหม่
ร่างนี้บอบบางและเต็มไปด้วยร่องรอยความลำบาก
หลินเยว่ถอนหายใจยาว นับว่าเกิดมาใช้กรรมจริง ๆ
สายตากวาดมองไปทั่วห้องพยายามจดจำและทำความเข้าใจกับสถานที่เกิดใหม่นี้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน เสียงท้องร้องดังขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจใคร
หิว หิวเหลือเกิน
เธอระลึกขึ้นได้ถึงคำพูดของทูตเก็บวิญญาณก่อนตาย
“ในมิตินั้นจะมีสิ่งของที่เธอนึกได้ใช้ได้อย่างไม่จำกัด… แต่จะได้เพียงสี่อย่างเท่านั้น”
หลินเยว่หลับตาลงครู่หนึ่ง ครุ่นคิดอย่างหนัก จากสถานการณ์ของเธอในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปยิ่งกว่า อาหาร
แล้วควรเป็นอะไรดี
อะไรกันที่ทานบ่อย ๆ แล้วไม่เบื่อ
คลายหิวอุ่นท้อง บะหมี่
แต่ว่าจะเอาบะหมี่ธรรมดาก็ย่อมไม่ดี
ต้องเป็นแบบพรีเมี่ยมราคาแพงหน่อยจึงจะมีพวกกุ้งเนื้อผักด้วย
และที่สำคัญต้องทานได้ง่าย
ภาพบะหมี่แผ่นร้อน ๆ แบบพรีเมี่ยมลอยมาในหัว เป็นรสชาติที่เธอคุ้นเคยและโปรดปรานที่สุด เธอตั้งใจแน่วแน่ นั่นแหละคือสิ่งแรก
ทันทีที่ตัดสินใจเลือกได้
ทันใดนั้น ภาพแผ่นสี่เหลี่ยมใสโปร่งคล้ายหน้าต่างในอากาศก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หลินเยว่เบิกตากว้างด้วยความตกใจแต่ก็รีบยื่นมือไปสัมผัสมัน
มือของเธอคว้ากล่องบะหมี่ออกมาได้จริง ๆ
เธอกวาดสายตาไปรอบห้อง อย่างน้อยก็ยังมีน้ำดื่ม
หลินเยว่รีบเทน้ำใส่กล่องบะหมี่ ปิดฝากล่องบะหมี่ด้วยความคุ้นเคย
กลิ่นหอมคละคลุ้งขึ้นมา ไอร้อนลอยเป็นสาย
บะหมี่พรีเมี่ยมรสทะเล ที่หลินเยว่เลือกจากมิติ เป็นบะหมี่แผ่นหนานุ่ม กลิ่นหอมเฉพาะตัวของน้ำซุปทะเลลอยฟุ้งออกมาเมื่อเธอเปิดฝา ภายในกล่องเล็ก ๆ นี้นอกจากเส้นบะหมี่ที่ร้อนฉ่า ยังมีกุ้งแห้งสีส้มสดนอนแอบอยู่ในมุมหนึ่ง ปลาหมึกแผ่นบาง ๆ ที่ถูกอบจนกรอบก็แทรกอยู่ระหว่างเส้น
กลิ่นหอมทะเลคละคลุ้งขึ้นพร้อมไอร้อน รสชาติซุปทะเลเข้มข้นคล้ายดึงดูดทุกสัญชาตญาณความหิวของเธอ กุ้งแห้งเคี้ยวหนุบหนับ ปลาหมึกกรอบกรุบกรับ ทุกอย่างผสานกันจนกลายเป็นบะหมี่ชามเดียว
หลินเยว่ยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ
แม้จะอยู่ในร่างใหม่และสถานที่แปลกประหลาด
แต่อย่างน้อย… มื้อแรกก็เป็นรสชาติที่คุ้นเคย
หลินเยว่กินบะหมี่จนหมดคำสุดท้าย รสชาติอุ่นร้อนค่อย ๆ ละลายความหิวโหยในท้องลงไปได้บ้าง เธอวางกล่องบะหมี่ลงบนโต๊ะเตี้ย รู้สึกถึงความสบายใจเพียงชั่วครู่ หลังจากนั้น… เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเล็ก ๆ แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดเข้ามา ทำให้ฝุ่นที่ลอยค้างกลางอากาศดูเหมือนเกล็ดหิมะสีทอง
“ในที่สุดก็ได้กินอิ่ม… แต่… แล้วต่อจากนี้ล่ะ?”
ความคิดฟุ้งกระจายอยู่ในหัว ร่างกายเด็กสาวอายุสิบห้าปีนี้ยังดูอ่อนแอ แต่ในดวงตาหลินเยว่กลับฉายแววแน่วแน่
เธอสูดลมหายใจลึก ตั้งใจจะลุกขึ้นสำรวจห้องให้ถี่ถ้วน แต่พอหันกลับไปมองที่โต๊ะ… กล่องบะหมี่ที่เธอวางไว้กลับหายไปเสียแล้ว
“เอ๊ะ…? หายไป…?”
หลินเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มลงมองพื้นที่ว่างเปล่าบนโต๊ะ
“นี่หมายความว่า… สิ่งที่ได้จากมิติ… จะไม่เหลือร่องรอยใด ๆ ในโลกนี้หรือ...”
คงแปลกประหลาดไม่น้อยถ้าบะหมี่แผ่นร้อนจะเกิดขึ้นในยุดนี้นับว่ามิติรอบคอบไม่น้อย
หลินเยว่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาฉายแววครุ่นคิด
เหลืออีกสามอย่างเธอจะต้องเลือกอย่างรอบคอบ

