บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 พยุงผมหน่อย

“ท่านนายพลไม่มีอันตรายอะไรแล้วครับ เพียงแต่ยังมีบางเรื่องที่ต้องระมัดระวัง...” หมอเก็บหูฟังขึ้น และเริ่มพูดบรรยายอาการ

หลี่เสวียนชิงตั้งใจฟังทุกคำพูดของหมอ บางครั้งก็หยิบสมุดขึ้นมาจดบันทึก

เมื่อหมอพูดจบ เธอก็เดินออกไปส่งหมอ ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็กลับมายืนข้างเตียงของโม่เป่ยตง

“คุณอาจจะจำฉันไม่ได้…วันนั้นที่คุณถูกยิง เราพบกันที่งานเลี้ยง หลังจากนั้นคุณก็หมดสติไป แล้วคุณนายใหญ่ก็เป็นคนตัดสินใจ...” เพราะกลัวว่าหลังจากที่โม่เป่ยตงรู้ว่าได้แต่งงานกับเธอ อีกฝ่ายจะขอหย่า หลี่เสวียนชิงจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน แต่ยังไม่ทันได้บอกอะไรเพิ่ม

โม่เป่ยตงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผมหมดสติไปงั้นหรือ… แล้วนานแค่ไหน”

หลี่เสวียนชิงหันไปมองปฏิทินที่แขวนอยู่บนผนัง ก่อนตอบเสียงแผ่ว “เก้าสิบเก้าวัน วันนี้เป็นวันที่หนึ่งร้อยค่ะ”

นับได้ละเอียดขนาดนี้เชียว…

ดวงตาของโม่เป่ยตงมีแววประหลาดใจปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง ยิ่งเห็นท่าทางเหมือนกับหนูขี้กลัวของเธอ ชายหนุ่มก็นึกอยากจะแกล้งขึ้นมา “เธอเป็นสาวใช้คนใหม่ที่มาดูแลใช่ไหม…คุณนายใหญ่อยู่ที่ไหน รู้ข่าวหรือยัง” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

หลี่เสวียนชิงอ้าปากค้าง เธออยากจะอธิบายว่าตนเองไม่ใช่สาวใช้ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดออกมาและเปลี่ยนเป็นตอบคำถามของเขาแทน “ตอนที่ออกไปส่งคุณหมอ ฉันได้ให้คนไปแจ้งคุณนายใหญ่แล้วค่ะ”

โม่เป่ยตงดูพอใจ กวักมือเรียกหลี่เสวียนชิงให้เข้ามาใกล้ “มายืนใกล้ๆ หน่อย กลัวว่าฉันจะกินเธอเข้าไปหรือไง”

“เปล่าค่ะ” หลี่เสวียนชิงก้มหน้าเม้มริมฝีปาก เดินเข้าไปใกล้เขาอีกสองก้าว “นายพลน้อยมีเรื่องอะไรจะสั่งหรือคะ”

เขายกมือขึ้นนวดขมับอย่างคนที่เพิ่งฟื้นตัว ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเรียบ “พยุงฉันหน่อย อยากไปห้องน้ำ”

แม้ว่าความจริงเขาจะเดินไปเองได้แล้ว แต่หลี่เสวียนชิงไม่รู้เรื่องนี้ แล้วทำไมเขาจะไม่ฉวยโอกาสให้เธอช่วยพยุงกันเล่า

หลี่เสวียนชิงหน้าแดงขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำขอแต่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ จึงรีบเข้าไปประคองเขาอย่างระมัดระวัง

เมื่อพยุงส่งเขาไปจนถึงหน้าห้องน้ำ หญิงสาวก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ “นายพลน้อยเข้าไปเองได้หรือไม่คะ”

โม่เป่ยตงเลิกคิ้ว ก่อนจะพูดหน้าตาย “ฉันเป็นคนป่วย...”

หลี่เสวียนชิงเข้าใจทันที ใบหน้ายิ่งแดงกว่าเดิม แต่เธอก็ไม่กล้าปล่อยโม่เป่ยตงเข้าไปคนเดียว เพราะเขาเพิ่งฟื้น แม้ว่าเธอจะคอยนวดขาให้ตลอด แต่การเดินด้วยตัวเองคงจะยากลำบากอยู่บ้าง

“ฉัน...ฉันจะพยุงคุณเข้าไปก็ได้ค่ะ”

โม่เป่ยตงแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ แต่ดีที่หลี่เสวียนชิงกำลังก้มหน้าด้วยความอาย จึงไม่เห็นสีหน้าของเขา

ชายหนุ่มทำเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจปล่อยอีกฝ่ายไป “ช่างเถอะ เธอรออยู่ข้างนอกก็แล้วกัน”

หลี่เสวียนชิงรีบพยักหน้าทันที “ได้ค่ะ นายพลน้อย ระวังด้วยนะคะ”

ก่อนจะปิดประตู ชายหนุ่มยังสั่งอีกว่า “ถอยไปไกลๆ อย่าแอบฟังล่ะ”

หลี่เสวียนชิงหน้าแดงก่ำ “ฉัน…ฉันไม่มีทางแอบฟังแน่” เธอพึมพำเบาๆ ก่อนจะถอยออกไปห่างๆ อย่างว่าง่าย

เมื่อชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำ ก็ไม่ได้ให้เธอช่วยพยุงอีก เขาขยับคอไปมา ยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะเดินนำหน้าเธอออกจากห้อง

หลี่เสวียนชิงอึ้งไป ไม่อยากจะเชื่อสายตาที่เห็นเขาเดินได้อย่างปกติ!

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงยืนไม่ขยับ เขาก็เอ่ยเรียก “สาวใช้ตัวน้อย เหม่ออะไรอยู่ ตามมาสิ”

แต่เธอไม่มีเวลาคิดมาก รีบก้าวเข้าไปพยุงโม่เป่ยตงอย่างร้อนใจ เพราะกลัวว่าเขาจะฝืนใช้ร่างกายของตนเองมากเกินไป

โม่เป่ยตงก็ไม่ได้ว่าอะไร เขายอมให้เธอช่วยพยุง ทิ้งน้ำหนักตัวบางส่วนไปบนไหล่ของเธอ ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันจนเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากอีกฝ่าย

ในขณะเดียวกัน ข่าวการฟื้นตัวของโม่เป่ยตงก็แพร่สะพัดออกไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลโม่

บรรดาคนรับใช้ต่างพากันวิ่งวุ่น บ้างก็รีบไปจัดเตรียมห้องทำงานของนายพลน้อย บ้างก็ไปทำความสะอาดสวนด้านหลัง

หัวหน้าพ่อบ้านก็รีบส่งคนไปแจ้งข่าวให้คุณนายใหญ่กลับมาโดยเร็ว

เมื่อโม่เป่ยตงและหลี่เสวียนชิงเดินลงไปที่ห้องโถง หัวหน้าพ่อบ้านก็เดินเข้ามาพอดี เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“นายพลน้อย ท่านฟื้นแล้วจริงๆ ผมส่งคนไปแจ้งคุณนายใหญ่แล้วนะครับ ท่านต้องการให้ส่งคนไปแจ้งผู้พันซ่งให้มาที่นี่หรือไม่ครับ”

โม่เป่ยนึกถึงลูกน้องคนสนิทของตัวเอง ดวงตาฉายแววชิงชังขึ้นมาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลับเป็นสงบนิ่งดังเดิม

“ไปตามเขามาเถอะ”

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้ซ่งฉีจวิ้นคงอยู่กับโจวหลิงหลิง…

โม่เป่ยตงอยากรู้เหมือนกันว่า...หากสองคนนั้นได้ยินข่าวว่าเขาฟื้นขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป

……

พ่อบ้านสั่งงานอย่างเป็นระบบ และให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

หลี่เสวียนชิงยืนอยู่ข้างๆ คอยสังเกตทุกรายละเอียดเกี่ยวกับความชอบของโม่เป่ยตง

ตั้งแต่แต่งงานเข้ามาในคฤหาสน์ เธอยังไม่ได้รู้จักสามีของตนเองดีเลย เพราะเขาหมดสติไปเสียก่อน เวลานี้จึงเป็นโอกาสดีที่สุดในการทำความรู้จักเรื่องที่เขาชอบ

ผ่านไปไม่นานคุณนายใหญ่ก็กลับมาถึงคฤหาสน์

เมื่อบรรดาคนรับใช้ได้ยินเสียงรถยนต์มาถึง ต่างก็พากันออกมาต้อนรับ ยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้าประตู

คุณนายใหญ่ก้าวลงจากรถ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เธอไม่แม้แต่จะเหลียวมองคนรับใช้เหล่านั้น แต่เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างรีบร้อน

ตลอดเวลาที่โม่เป่ยตงหมดสติ หญิงวัยกลางคนกินไม่ได้นอนไม่หลับ คอยแต่ไปไหว้พระขอพรทุกวัน หวังให้พระพุทธองค์ช่วยดลบันดาลให้ลูกชายของเธอฟื้นขึ้นมา

วันนี้ที่ไม่ได้อยู่บ้าน ก็เป็นเพราะออกไปทำบุญกับคุณนายใหญ่ท่านอื่นที่วัดนอกเมือง

เมื่อได้รับข่าวว่าลูกชายฟื้นแล้ว เธอก็เอ่ยปากชมว่าวัดแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก ก่อนจะบริจาคเงินจำนวนมากให้กับทางวัด แล้วรีบกลับบ้านทันที

“แม่มาแล้วลูก!” คุณนายใหญ่เป็นคนอ่อนโยนสง่างาม น้อยครั้งนักที่ใครจะได้เห็นเธอแสดงอารมณ์เช่นนี้

หญิงวัยกลางคนรีบเดินไปหาลูกชายที่นั่งอยู่ในห้องโถงแทบจะทันที และประคองใบหน้าของลูกชายไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ดวงตามองสำรวจขึ้นลง ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาอาบแก้ม

“ดีแล้วๆ ในที่สุดลูกก็ฟื้นขึ้นมา ไม่เสียแรงที่แม่ไปไหว้พระทุกวัน พระพุทธองค์เมตตาฟังคำอธิษฐานของแม่แล้ว หากลูกฟื้นขึ้นมาไม่ได้อีก แม่คงใจสลายเป็นแน่แท้…”

ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา คุณนายใหญ่คอยไหว้พระขอพรเพื่อปลอบใจตัวเอง แต่แทบไม่เคยสนใจดูแลเจ้าของร่างเดิมอย่างจริงจังเลยสักวัน

ถ้าไม่มีหลี่เสวียนชิงคอยเช็ดตัว นวดขาให้บางทีร่างกายเขาอาจจะแย่กว่านี้ แต่โม่เป่ยตงก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไป เพราะกลัวผู้เป็นแม่จะเสียใจ

แน่นอนว่าเสียงอึกทึกครึกโครมที่ด้านล่าง รบกวนใครบางคนที่อยู่ด้านบน บนชั้นสองร่างอ้อนแอ้นเย้ายวนของหญิงสาวผู้หนึ่งค่อยๆ เดินออกจากห้อง พลางใช้พัดจีบโบกเบาๆ เธอพิงราวระเบียง มองลงมาข้างล่างด้วยสายตาสนอกสนใจ

“นี่คือนายพลน้อยสินะ สมแล้วที่เป็นมังกรในหมู่มนุษย์ ช่างแข็งแรงและฟื้นตัวไวเสียเหลือเกิน...” ประโยคสุดท้ายของเธอถูกลากเสียงขึ้นเล็กน้อย

คุณนายใหญ่ไม่ได้ใส่ใจ ยังคงมองลูกชายของตนเอง สำรวจดูว่าเขาร่างกายแข็งแรงเหมือนเดิมดีหรือไม่

โม่เป่ยตงรู้ดีว่าเธอเป็นใคร จึงไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย หันไปหาหลี่เสวียนชิงแทน

หญิงสาวผู้นั้นหัวเราะเสียงใสราวระฆังเงิน มือบางยกพัดขึ้นปิดริมฝีปาก

หลี่เสวียนชิงแอบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย เนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านมาเธอดูแลแต่สามี จึงไม่ได้สังเกตคนอื่นๆ

นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับอนุภรรยาคนที่หกของท่านนายพลใหญ่ ผู้หญิงคนนี้มีที่ชื่อว่า 'ไป๋เจินเจิน' อีกฝ่ายเพิ่งเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ได้ไม่ถึงสองเดือน

หลังจากได้เห็นตัวจริง…. หลี่เสวียนชิงถึงกับตกตะลึงในความงาม!

ให้ตายเถอะ… อีกฝ่ายสวยขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใด…ท่านนายพลใหญ่ยังแต่งภรรยาคนใหม่เข้ามาเพิ่ม โดยไม่สนใจลูกชายที่กำลังนอนสลบไม่ฟื้น

โม่เป่ยตงเห็นเธอเหม่อมองอยู่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “สวยขนาดมองตาค้างเลยหรือ”

หลี่เสวียนชิงพยักหน้า

โม่เป่ยตงหัวเราะเบาๆ ไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ยืนอยู่บนชั้นสอง และหันไปถามพ่อบ้านแทน “ส่งคนไปตามผู้พันซ่งให้มาที่นี่เร็วๆ หน่อย”

พ่อบ้านรับคำสั่ง แล้วสั่งคนให้รีบออกไปเร่งผู้พันซ่งมา…

อนุภรรยาคนที่หกเป็นหญิงงามที่ท่านนายพลใหญ่พากลับมาจากการเดินทางนอกเมือง ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยสะคราญตาและทรวดทรงที่อ้อนแอ้นอรชร

เมื่อเธอเข้ามาอยู่ในบ้านก็ได้รับความโปรดปรานไม่น้อย จนมีนิสัยเอาแต่ใจ

เมื่อเห็นว่าตนเองถูกเมินเฉยก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกหงุดหงิด แววตาเผยความไม่พอใจ สะบัดพัดในมือแล้วหมุนตัวกลับเข้าห้อง

แน่นอนว่าต่อให้โกรธ แต่ความงดงามของเธอก็ยังคงทำให้ดูน่ารักน่าทะนุถนอม พวกบ่าวรับใช้ที่แอบมองอยู่ถึงกับตาค้าง

หลี่เสวียนชิงเห็นแล้วก็ขำออกมา แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย เธอเหลือบมองโม่เป่ยตง แล้วถอนหายใจอย่างอดไม่ได้

หากเธอมีรูปร่างหน้าตางดงามเหมือนอนุภรรยาคนที่หกล่ะก็... ตอนที่โม่เป่ยตงตื่นขึ้นมา เขาคงจะมองเธอด้วยสายตาที่แตกต่างออกไปกระมัง

อย่างน้อยที่สุด... ก็คงไม่เข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นเพียงสาวใช้

น่าเสียดายที่คุณนายใหญ่มัวแต่ดีใจที่ลูกชายฟื้น จนลืมแนะนำให้เขารู้ว่าเธอคือใคร หญิงสาวจึงได้แต่กำผ้าเช็ดหน้าของตนเองแน่น แอบมองคุณนายใหญ่ด้วยสายตาคาดหวัง

โม่เป่ยตงเหลือบไปเห็นเข้าพอดี แล้วแอบยิ้มออกมา

ท่าทางที่เต็มไปด้วยความคาดหวังเช่นนี้... ช่างน่ารักเสียจริง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel