บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

เจิ้งฝูหลิงแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน ทุกคนทักทายกันตามธรรมเนียม โจวจวินรับการคำนับขอโทษจากเจิ้งหรงมู่ เขาควานเงิน 1 ตำลึงทองส่งยื่นให้เจิ้งหรงมู่

"น้องเขย เจ้ากำลังทำอะไร รีบเก็บเงินคืนกลับไป" เจิ้งฝูหลิงรีบคว้าเงินในมือของบุตรชายส่งคืนกลับให้โจวจวิน

"ของขวัญพบหน้า" โจวจวินพูดสั้นๆ

"พี่รองพวกข้าเร่งเดินทาง จึงไม่ได้เตรียมของขวัญพบหน้าให้กับหลานๆ ท่านให้อามู่รับเงินตำลึงทองก้อนนี้ไปเถิดเจ้าค่ะ" เจิ้งฮุ่ยผิงเกลี้ยกล่อมเจิ้งฝูหลิง แสดงท่าทางว่าอยู่ฝ่ายสามีของตน

ชุ่ยเหนียนจึงเอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจว่า "ของขวัญพบหน้าอะไร จะสูงค่าขนาดนี้ คนงานท่าเรือทำงานหนักทุกวันเกือบหนึ่งเดือน จึงจะหาเงินได้เท่านี้ พวกเจ้าให้ของขวัญล้ำค่าแรกพบหน้าบุตรชายของข้าเช่นนี้ พวกข้าไม่มีปัญญาจะมอบของขวัญล้ำค่าพบหน้าให้บุตรสาวและบุตรชายของพวกเจ้าเช่นนี้หรอกนะ" ในใจชุ่ยเหนียนรู้ดีว่าเจิ้งฝูหลิงมีนิสัยอย่างไร หากให้บุตรชายรับเงิน1 ตำลึงทอง จากครอบครัวน้องสาว เจิ้งฝูหลิงต้องมอบของขวัญพบหน้า1ตำลึงทองคืนกลับไป บ้านรองของนางมีบุตรคนเดียว แต่บ้านน้องสาวสามีมีบุตรสองคน บ้านรองของนางต้องขาดทุนอย่างเห็นได้ชัด

เจียงฝานเหมือนได้ยินเสียงดีดลูกคิดในหัวสมองของลูกสะใภ้คนรองของตน ในใจจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า "อาหลิง เจ้าให้อามู่รับไว้เถิด แต่เจ้ามิต้องมอบของขวัญแรกพบหน้าให้จื่อหวายและหยาหยา นี่คือความตั้งใจดีของบุตรเขย เจ้าอย่าได้ทำลายน้ำใจและความตั้งใจดีของน้องสาวและน้องเขยของเจ้าด้วยทรัพย์สินนอกกาย" พูดจบพลางเหลือบมองสะใภ้คนรองชุ่ยซื่อด้วยแววตาตักเตือน

ชุ่ยเหนียนรับรู้ถึงสายตาไม่พอใจของแม่สามี จึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีก ส่วนเจิ้งหรงมู่ เขาเป็นเด็กฉลาดและพบผู้คนมามากจึงมีความกล้าที่เด็กคนอื่นไม่มี

"อามู่ขอบคุณอาเขย อามู่ขอบคุณอาหญิงมากขอรับสำหรับของขวัญพบหน้า" เจิ้งหรงมู่ลุกขึ้นยืนคำนับให้ครอบครัวโจวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

'เจ้าหน้าเงิน' โจวจื่อหวายด่าเจิ้งหรงมู่ในใจอย่างนึกดูถูก

'ท่านพ่อติดนิสัยรวย ให้ของขวัญมีค่าเกินไปจะไม่ดีในอนาคต ท่านแม่ ท่านต้องเตือนท่านพ่อนะเจ้าคะ' โจวจื่อหยาส่งความคิดไปให้มารดารับรู้ และเหลือบตามองพี่ชายของตน เมื่อครู่นางอ่านความคิดพี่ชายได้

แก้วดวงจิตเปล่งแสงและบอกให้โจวจื่อหยารู้ว่า'ท่านสามารถอ่านความคิดของคนอื่นได้ ถ้าท่านจิตแข็งพอกว่าคนผู้นั้น ยามนี้พี่ชายของท่านกำลังมีอารมณ์ฉุนเฉียวไม่ควบคุมตนเอง ท่านจึงอ่านความคิดของเขาได้'

โจวจื่อหยาจึงรับรู้ถึงความสามารถพิเศษของตนเองอีกอย่าง หากอ่านความคิดของคนอื่นได้ นางก็จัดการกับคนผู้นั้นได้สบาย นี่คือการโกงโดยไม่ต้องใช้สติปัญญามากเท่าไหร่

ชุยเหนียนมองดูทารกในห่อผ้า พอดีกับที่โจวจื่อหยากำลังยิ้มแย้มอย่างดีใจพอดี จึงคิดว่า'เด็กน้อยคนนี้น่ารักจัง ข้าก็อยากได้บุตรสาวน่ารักเช่นนี้อีกสักคน หากขออุ้มน้องอาผิงจะรังเกียจมือไม้สกปรกของข้าหรือเปล่านะ'

โจวจื่อหยาจึงส่งความคิดไปบอกมารดาทันที 'ท่านแม่ ป้าสะใภ้รองอยากอุ้มข้า แต่กลัวท่านแม่จะรังเกียจนาง'

เจิ้งฮุ่ยผิงจึงกะพริบตา และหันมามองพี่สะใภ้รองของตนและพูดว่า "พี่สะใภ้รองจะรังเกียจหรือไม่หากข้าจะฝากท่านอุ้มหยาหยาสักครู่ ข้าอยากขอตัวไปล้างหน้าเจ้าค่ะ"

ชุ่ยเหยียนเผยยิ้มดีใจและรีบพูดว่า "จะรังเกียจอะไร ดูสิน่ารักขนาดนี้ ข้าต้มน้ำเตรียมไว้ให้พวกเจ้าอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่จะได้สบายตัว น้องอาผิงรีบพาบุตรชายไปอาบน้ำเถิด" พูดจบรีบยื่นมือไปรับโจวจื่อหยามาอุ้มอย่างทะนุถนอม

เจียงฝานจึงมองสะใภ้รองด้วยสายตาที่ดีขึ้น เมื่อเห็นว่าทางด้านนี้ไม่มีเรื่องอะไรนางจึงลุกไปดูบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง ช่วยยกน้ำร้อนมาผสมในถังอาบ ขณะที่จะไปช่วยเตรียมชุดให้ด้วยความเคยชิน เจิ้งฮุ่ยผิงจึงรีบพูดห้าม

"ท่านแม่ท่านก็เหนื่อยเช่นกันไม่ต้องคอยดูแลข้าหรอกเจ้าค่ะ ท่านแม่อาบน้ำในอ่างนี้ก่อนข้าเถิด"

"เจ้าอาบเถิด แม่ลืมไป มันชินนะ แม่อยากอาบน้ำเย็นประเดี๋ยวจะหาขันน้ำไปตักอาบแป๊บเดียวไวกว่าแช่อาบในถัง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงแม่ นอนแช่น้ำอุ่นให้สบายตัวสักครู่เถิด"

"ท่านแม่..."

เจียงฝานยิ้มและพูดว่า"เอาล่ะไม่ต้องพูด ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้วด้วย พวกเรามีชีวิตใหม่ที่แผ่นดินนี้ ต้องปรับตัวใหม่ การเป็นชาวไร่ชาวสวนลำบากไม่น้อย แต่พวกเราต้องปรับตัว ไม่พูดแล้ว เจ้ารีบอาบน้ำ แม่จะออกไปดูว่าเย็นนี้พวกเรามีอะไรกินบ้าง" เจียงฝานพูดจบจึงเดินออกไปจากห้องทันที

ทุกคนต่างได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ ชุ่นเหนียนก็เดินมาเกลี้ยกล่อมเจิ้งฮุ่ยผิงเป็นการส่วนตัวว่า

"การทำไร่ไม่ใช่เรื่องง่าย ดินฟ้าอากาศเราควบคุมไม่ได้ เจ้ามีร่างกายอ่อนแอบอบบางเช่นนี้ จะทนความลำบากได้หรือ ยกจอบขุดดินเกรงว่ามือนุ่มๆ ของเจ้าจะหยาบกร้าน หาซื้อที่แถวนี้แล้วหาลู่ทางค้าขายไม่ดีกว่าหรือ"

"พี่สะใภ้รองโปรดวางใจ งานหนักข้าคงไม่ลงมือทำเอง ข้ามีสามีให้ใช้ อีกอย่างข้าคิดจะซื้อวัวมาเป็นแรงงานเจ้าค่ะ"

"เห้อ เจ้านี่นะ เจ้าไม่กลัวลำบาก แต่หลานสาวของข้าอาจจะกลัวลำบากก็ได้ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่เจ้ายกลูกสาวให้ข้าเลี้ยงดูนางชั่วคราวก่อน รอพวกเจ้าตั้งหลักได้ค่อยมารับนางคืนไป"

"ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ต่อให้ลำบากแค่ไหนครอบครัวของข้าก็จะไปแยกจากกัน อาผิงขอบคุณพี่สะใภ้รองที่หวังดีเจ้าค่ะ"

"ก็ได้ๆ ข้าพอมีฝีมือเย็บผ้า ประเดี๋ยวข้าจะเร่งเย็บชุดให้หลานชายและหยาหยาเพิ่ม ซื้อวัวก็ดีเหมือนกัน พวกเราจะได้เทียวไปหากันได้ง่าย ต่อไปเห็นว่าน้องเขยจะนำสัตว์ป่ามาฝากข้าขาย เจ้าก็พาหยาหยามาให้ข้าเล่นกับนางบ่อยๆ ด้วย หากขาดเหลืออะไรอย่าได้ประหยัดจนหยาหยาต้องลำบาก ให้รีบมาบอกข้า แม้ข้าจะไม่ร่ำรวยแต่ก็น่าจะพอมีกำลังช่วยเหลือครอบครัวเจ้าได้ เงินทองที่มีหากไม่หาเพิ่มย่อมหมดไป ข้าเป็นคนพูดจาตรงๆ พวกเจ้าอาจจะไม่ชอบ แต่ข้าอยากเตือนให้พวกเจ้าสามีภรรยา อย่าได้ใช้เงินสิ้นเปลืองไปกับคนอื่น เวลาพวกเจ้าไม่มี คนอื่นไม่เหลียวแลพวกเจ้าหรอก โดยเฉพาะคนหมู่บ้านเถียนซี"

"คนหมู่บ้านเถียนซีเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้รองช่วยบอกข้าด้วย ข้าจะได้ระวังตัวเจ้าค่ะ"

"ร้อยพ่อพันแม่ ย่อมมีคนดีและคนไม่ดี ครอบครัวพี่ใหญ่ดีมากเจ้าไม่ต้องกังวลใจ แต่ครอบครัวพี่สะใภ้ใหญ่นี่สิ เห้อไม่รู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ที่นิสัยดีมากขนาดนี้ ทำไมจึงมีครอบครัวแบบนั้นได้ อีกครอบครัวที่ต้องระวังคือครอบครัวพี่หญิงใหญ่ นางเป็นลูกติดท่านพ่อสามี เจ้ามีเงินมีทองห้ามให้นางยืมเป็นอันขาด ต่อไปพวกวัวหรือทรัพย์สินที่เจ้าซื้อก็อย่าให้คนอื่นยืม ให้เก็บเงินแล้วจะไม่มีใครมาคอยกวนใจเจ้า" ชุ่ยเหนียนพยายามสั่งสอนน้องสาวสามีเพราะกลัวคนที่หมู่บ้านเถียนซีรังแกนาง

เจียงฝางอุ้มโจวจื่อหยาเดินไปเดินมาเพื่อกล่อมให้เด็กน้อยหลับพร้อมรอยยิ้ม ดูเหมือนนิสัยของสะใภ้รองก็ไม่ได้เลวร้าย แค่เห็นแก่ตัวบ้างแต่ก็ไม่ใช่คนเอาเปรียบผู้อื่นและยังพอมีน้ำใจเป็นห่วงผู้อื่นบ้าง

บ้านของเจิ้งฝูหลิง มีเรือนรับแขกแยกต่างหากเพราะเขาทำไว้เก็บสินค้า และบางครั้งหากมีงานเยอะเขาจะจ้างคนมาเป็นแรงงานจึงทำเรือนที่พักแยกจากเรือนหลักของเขา ตระกูลโจวจึงแยกมานอนเรือนพักแขก แม้ที่นอนจะแข็งแต่ก็ไม่โยกไปมาเหมือนยามที่นอนอยู่บนเรือ ทุกคนจึงนอนหลับสนิทเป็นคืนแรก หลังจากทุกข์ทรมานกันมานานหลายเดือน

ยามเช้าเจียงฝานตื่นมาช่วยลูกสะใภ้รองนึ่งหมั่นโถวและเตรียมผักดองเพื่อเตรียมขาย และทำให้ทุกคนในบ้านได้กินอาหารเช้าด้วย นางยังต้มน้ำแกงเนื้ออีกหม้อใหญ่ และลงมือยำผักดองซึ่งใช้พริกแห้งที่ตำละเอียดรวมถึงต้นหอมและผักชี ทำให้ได้รสชาติแปลกใหม่

"ท่านแม่ยำผักดองนี้มีรสเผ็ดและมีกลิ่นหอม กินคู่กับหมั่นโถวช่างเข้ากันดียิ่งนัก นี่คือวิธีการทำอาหารของดินแดนฝั่งนั้นหรือเจ้าคะ ข้าสามารถนำไปขายได้หรือไม่"

"ได้ แต่ราคาพริกแห้งเห็นอาหลิงบอกข้าว่ามีราคาแพงไม่น้อย เจ้าลองคำนวณต้นทุนก่อนจะนำมาขาย เดี๋ยวข้าสอนวิธีการทำหมันโถผสมน้ำนมนึ่ง ข้าเห็นมีนมวัว"

"อ่อ มีบ้านที่อยู่ไม่ไกลนี้เขาเลี้ยงวัวนม ข้าให้อามู่เดินไปซื้อมา คิดจะต้มให้หยาหยากินเจ้าค่ะ นางจะได้อ้วนกว่านี้ มีคนบอกว่ากินนมจะฉลาด ข้าจึงให้อามู่กินด้วยเจ้าค่ะ เดี๋ยวแบ่งให้อาหวายกินด้วย"

"นมที่นำมาเจ้าต้องต้มก่อน และดับกลิ่นคาวโดยใช้ใบเซียงหลันนำมาขยี้ในนม เติมเกลือและน้ำตาลจะหอมมาก"

"ท่านแม่ ท่านทำอาหารเก่งเหลือเกินเจ้าค่ะ" ชุ่ยเหนียนพูดเยินยอแม่สามี เมื่อนางได้สูตรอาหารแบบใหม่เพิ่ม

วันนี้ร้านของนางขายดี หมั่นโถวหอมกรุ่นที่เปิดออกมาจากซึ้งเรียกคนเดินมาซื้อได้เยอะมากขึ้น

ช่วงสายเจิ้งฝูหลิงพาคนไปลงทะเบียนอาชีพ และซื้อวัวตัวโตแข็งแรงมาสองตัว คราวแรกโจวจวินจะซื้อม้าแต่เจิ้งฝูหลิงเอ่ยห้าม "ม้าวิ่งเร็วแต่ราคาแพงมากตัวหนึ่งราคาตั้งสองร้อยตำลึงทอง ซื้อวัวได้ตั้ง 6 ตัว แค่เจ้าซื้อวัวทีเดียวสองตัว คนในหมู่บ้านเถียนซีก็มองเจ้าเป็นเศรษฐีแล้ว วัวตัวล่ะ 30 ตำลึงทอง นี่ก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก หากเจ้าไปซื้อที่ในหมู่บ้านเจ้าจะโดนขึ้นราคา วัวสองตัวนี้ให้เจ้าบอกผู้อื่นว่ายืมเงินข้าซื้อ อย่าให้ผู้อื่นรู้ว่าเจ้ามีเงินจำนวนมากอยู่ในมือ บ้านพี่ใหญ่ยังไม่มีวัวใช้สักตัวทั้งๆ ที่เขาฐานะดีกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน เจ้าเข้าใจความหมายของพี่รองหรือไม่"

โจวจวินพยักหน้า "ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นซื้อวัวเพิ่มอีกสักสองตัวมอบให้พี่ใหญ่ดีหรือไม่"

เจิ้งฝูหลิงตบหน้าผากอย่างเหนื่อยใจ

"ข้าพูดเล่น" โจวจวินพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย

"......" เจิ้งฝูหลิงเริ่มรู้สึกเป็นห่วงน้องสาว ที่จะย้ายไปอยู่กับน้องเขยที่หมู่บ้านเถียนซี

เจิ้งฮุ่ยผิงเหลือบตามองสามี และเข้าใจว่าเขากำลังหยอกล้อนาง ที่เมื่อคืนนางพูดว่าเขาเป็น บุรุษนิสัยรวย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel