บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

เดินทางท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่มีบางครั้ง ที่เรือสินค้าจอดเทียบท่าบ้าง โจวจวินเริ่มปรับตัวได้ และออกไปนอกห้องเพื่อใช้ทักษะการตกปลาที่มีติดตัวมา หาอาหารให้ครอบครัวเพิ่ม

โจวจื่อหยา ยังกินอาหารอื่นๆ ไม่ได้ กินได้เพียงดูดน้ำนมจากอกของมารดา

เจิ้งฮุ่ยผิงเริ่มคุ้นเคยกับชื่อใหม่ของตน ยามนี้กำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกของคนที่มีพี่ชายและมารดาคอยดูแลและห่วงใยนาง

เจียงฝานปกติก็ดูแลคุณหนูของนางดีกว่าบุตรสาวตนเองอยู่แล้ว ยามนี้จึงรักใคร่บุตรสาวคนนี้มากขึ้นจนสุดหัวใจ อาหารที่เจิ้งฝูหลิงซื้อมาจากโรงครัวของเรือ รสชาติแย่ กินได้แค่พออิ่มท้อง เจียงฝานจึงพยายามให้บุตรชายคนรองซื้อวัตถุดิบเพื่อให้นางทำอาหารกินกันเองในห้องได้

เตาถ่านขนาดเล็กที่อยู่ในห้องไม่เคยว่าง เจียงฝานไม่ตุ๋นน้ำแกงปลาก็ต้มน้ำขิง ไม่ก็เคี่ยวโจ๊กสมุนไพร เพื่อเอาไว้บำรุงร่างกายของเจิ้งฮุ่ยผิงและโจวจื่อหวาย

โจวจื่อหวายที่เวลานี้ทำได้เพียงกินกับนอนอยู่ในห้อง ตัวเริ่มอวบอ้วนขึ้น แก้มก็ขาวเนียนใครได้เห็นเด็กชายผู้นี้ก็อดจะยื่นขนมให้เด็กชายด้วยความเอ็นดูไม่ได้

ยามนี้เจิ้งฝูหลิงที่กำลังเห่อหลานชายคนใหม่จึงพาโจวจื่อหวายออกจากห้องไปดูบิดาของเขาโจวจวิน ที่กำลังยืนตกปลาอยู่ที่กราบเรือ

'ท่านแม่ท่านรู้จักพริกไหมเจ้าคะ อย่าลืมนำพริกไปด้วย' โจวจื่อหยาเริ่มสนทนาทางความคิดกับมารดาของนาง

'รู้สิ ที่แผ่นดินใหญ่อาหารของที่นั่นน่าจะยังไม่รู้จักใส่พริก แต่แคว้นที่แม่จากมารู้จักใช้พริกเม็ด พริกเขียว พริกแดง พริกจิ๋วและพริกหยวกแล้ว ท่านพ่อของเจ้าชอบกินน้ำแกงรสเผ็ด เขาพกมาด้วยเยอะมาก เจ้ารู้จักพริกด้วยหรือ'

'ข้ามีความรู้ในการทำอาหารที่ใช้พริกหลายอย่างเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่แก้วดวงจิตกลับมาสว่างไสวแล้ว'

'ดีเลย ลองถามสิ ว่ามีวิธีการใดให้ท่านพ่อของเจ้าตกปลาได้เยอะกว่านี้บ้างไหม '

'ไม่ต้องถามแก้วดวงจิตหรอกเจ้าค่ะ ข้ารู้วิธีหาปลาเจ้าค่ะ ใช้วิธีทำตาข่ายตักปลาในน้ำ น่าจะจับปลาได้เยอะกว่าการตกปลานะเจ้าคะ ท่านแม่ใช้เชือกขนาดเล็กถักเป็นตาข่ายให้เหลือช่องว่างเล็กและถี่ แล้วหาไม้มาทำเป็นกรอบนำตาข่ายเย็บติดกับไม้ ทำด้ามจับยาวพอที่จะนำตาข่ายลงไปในน้ำและตักปลาขึ้นมาได้ ให้ปากตาข่ายกว้าง ทำทางตูดตาข่ายแคบลงไปตามความยาว ทำเป็นเหมือนถุงตูดตาข่ายเย็บติดกัน เชือกที่ใช้ต้องเหนียวไม่ขาดง่าย เวลาที่ตักปลาได้น้ำจะไหลออก แต่ปลาตัวปลาต้องติดอยู่ในถุงตาข่ายเจ้าค่ะ ท่านแม่เข้าใจไหมเจ้าคะ สิ่งที่ข้าพูดคือกระชอนตักปลาเจ้าค่ะ'

'ความหมายของเจ้าคือให้แม่ถักตาข่ายเป็นถุงผ้า ใช้ไม้มายึดติดตาข่าย ปากตาข่ายต้องกว้างตูดตาข่ายแคบทำด้ามไม้ สามารถจับยื่นตาข่ายลงไปตักปลาขึ้นมาได้ ใช่หรือไม่'

'ใช่เจ้าค่ะ ใช้กระชอนตาข่ายไปตักปลาขึ้นมาจากทะเล น่าจะง่ายกว่ายืนตกปลานะเจ้าคะ'

'เดียวแม่จะลองทำดู แต่ไม่รู้จะหาไม้ที่ยาวมากๆ ได้หรือไม่'

และแล้วเมื่อโจวจวินกลับมาพร้อมปลาสามสี่ตัวก็พบว่าเจิ้งฮุ่ยผิงกำลังนั่งทำตาข่ายเพื่อสร้างกระชอนตักปลา

เจิ้งฝูหลิงตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับวิธีการจับปลาที่น้องสาวอธิบาย ปลาในทะเลมีมากมายแต่วิธีจับปลามีหลายวิธี พวกเขาไม่ใช่ชาวประมงแต่เป็นพ่อค้า จึงไม่ได้สนใจการจับปลามากนัก แต่ยามนี้เดินทางอยู่กลางทะเลหากพวกเขามีปลามากินได้ ย่อมดีกว่ากินธัญพืช ข้าวและแป้งอย่างเดียว

เมื่อลองดัดแปลงช่วยกันทำกระชอนตักปลา โจวจวินผู้ที่เคยเป็นแม่ทัพใช้ดาบเล่มโตและหนักมากต่อสู้กับผู้คน ยามนี้เขาใช้พละกำลังที่มากกว่าคนปกตินำกระชอนไปตักปลาในท้องทะเล งานนี้จึงเป็นงานที่ง่ายแสนง่ายสำหรับเขา

วันต่อมาคนบนเรือต่างฮือฮาและชื่นชมวิธีการใช้กระชอนตักปลาของโจวจวินเป็นอย่างมาก เมื่อได้ปลามาเยอะมาก เขาจึงให้เจิ้งฝูหลิงนำปลาแบ่งไปให้พี่หู่เป็นของขวัญ ส่วนที่เหลือเขานำมาให้เจียงฝานทำอาหารให้ภรรยาและบุตรชายกิน

มีหลายคนมาขอยืมกระชอน โจวจวินก็ไม่หวงให้ยืมไป แต่เมื่อเจิ้งฝูหลิงรู้กลับวิ่งไปตามทวงกระชอนตักปลาคืน และอธิบายให้โจวจวินรู้ว่า ของเหล่านี้เขาสามารถทำเป็นของซื้อของขายและเสนอให้เช่าได้ แต่ไม่ควรให้ผู้ใดยืมไปเปล่าๆ เราใจกว้างต่อผู้อื่นแต่ผู้อื่นอาจจะไม่ใจกว้างกับเรา

ดังนั้นโจวจวินจึงปล่อยให้เจิ้งฝูหลิงจัดการเรื่องนี้ เขาไม่ได้สนใจเรื่องการหาเงินมากนัก ยามนี้เขาเห็นภรรยากินอิ่มนอนหลับเขาก็พึงพอใจมากแล้ว

เมื่อโจวจื่อหยาตื่นมาเห็นปลาตัวใหญ่ จึงเริ่มการสอนมารดาให้แกงปลาตามวิธีของตน แล่เนื้อปลาเลาะออกจากก้างปลาเป็นชิ้นๆ นำมาคลุกเกลือเพื่อล้างกลิ่นคาวปลา

อันดับแรกต้มน้ำให้เดือด ใส่ขิงหันแว่นลงไป ทุบกระเทียมและหัวหอมให้แตกแล้วใส่ลงไปต้มในหม้อ กลิ่นน้ำแกงเริ่มหอมกระจายทั่วห้อง เมื่อน้ำเดือดได้ที่ค่อยๆ ใส่เนื้อปลาที่ทำความสะอาดและแล่เป็นชิ้นๆ แล้วใส่ลงไปในน้ำเดือด และต้มต่อไป ปรุงรสใส่น้ำปลาหมักและใส่น้ำส้มหมัก ชิมรสให้ได้รสชาติเปรี้ยวเผ็ดเค็มจึงเป็นการทำแกงปลาต้มส้มเสร็จสิ้น

โชคดีที่เจียงฝานพกน้ำปลาหมัก และน้ำส้มหมักที่ทำจากผลไม้รสเปรี้ยวติดตัวมาด้วย จึงทำแกงปลาต้มส้มได้พอดี

น้ำแกงหม้อนี้ทุกคนจึงกินอย่างเอร็ดอร่อย เจิ้งฝูหลิงเพิ่งเคยกินอาหารที่ทำจากพริกเม็ดแดงเป็นครั้งแรก เขาเอ่ยชื่นชมไม่หยุด น้ำแกงที่มีรสชาติเผ็ดของพริก อร่อยจนเขาติดใจ

'อาหารที่เจ้าสอนแม่ ทุกคนต่างชอบมาก'

'ท่านแม่ ความจริงเครื่องปรุงยังไม่ค่อยครบหากมีหญ้าที่มีกลิ่นหอม จะอร่อยกว่านี้'

'เอาไว้พวกเราไปถึงแผ่นดินใหญ่พวกเราค่อยไปหาหญ้าหอมที่เจ้าว่านำมาปลูก'

'ข้าอยากปลูกสมุนไพรหลายอย่างเลยเจ้าค่ะท่านแม่ แต่พวกเราต้องมีเมล็ดพันธุ์ อย่างน้อยต้องมีกระเทียมและต้นหอม ต้นปัวเหอ ต้นขึ้นฉ่าย ผักชี ใบลิ้นฟ้า ขิง ว่านน้ำ และอ้ายเฉาเจ้าค่ะ'

'ได้ แม่จะให้ท่านลุงรองของเจ้าไปหาซื้อมาให้ เจ้าอยากได้อะไรเพิ่มให้บอกแม่ ท่านพ่อของเจ้าพกเงินมาหลายร้อยตำลึงทอง แต่หากเราถึงแผ่นดินใหญ่เงินคงจะต้องใช้จนเกือบหมด คงต้องปลูกพืชเอาไว้กินเองจะได้ประหยัด'

'มีความรู้อยู่กับตัว ไม่ต้องกลัวอดเจ้าค่ะท่านแม่'

'ใช่ ขอเพียงพวกเราได้อยู่ร่วมกัน ครอบครัวของพวกเราไม่มีวันต้องทนหิวอย่างแน่นอน'

'......'

'หยาหยา หยาหยา'

เจิ้งฮุ่ยผิงก้มมองดูบุตรสาว ที่แท้เด็กน้อยก็หลับไปแล้วนี่เอง เด็กทารกกินอิ่มนอนหลับ เป็นเรื่องปกติ เจิ้งฮุ่ยผิงจึงยิ้มอย่างอ่อนโยน

หลังจากวันนั้น กิจการขายอุปกรณ์กระชอนตักปลาของเจิ้งฝูหลิงก็เริ่มขึ้น เปลก็ยังขาย กระชอนตักปลาก็รับทำขาย

"พี่รองของเจ้าคนนี้ค้าขายหาเงินได้เก่งกาจยิ่งนัก" โจวจวินเอ่ยปากชม เพราะแม้แต่ปลาที่เขาจับมาแล้วกินไม่หมดเจิ้งฝูหลิงก็นำปลาไปขาย แล้วนำเงินมาให้น้องเขยอยู่ไม่ขาด แม้จะเป็นเงินเพียง 5 หรือ 10อีแปะ เจิ้งฝูหลิงก็ไม่รังเกียจที่จะได้เงินมากขึ้นอีกเล็กน้อย เขาสั่งสอนหลานชายของเขาว่าอย่าหมิ่นเงินน้อย ซึ่งโจวจื่อหวายก็ซึมซับนิสัยรักเงินทองมาจากท่านลุงรองของเขาโดยไม่รู้ตัว

เส้นทางการเดินเรือสินค้าของพี่หู่ ไม่พบเจอโจรสลัด มีพบเรือสินค้าที่จอดทักทายแลกเปลี่ยนสิ่งของกันกลางทะเลบ้าง เดินทางรอนแรมอยู่ในทะเลเป็นเวลาหนึ่งเดือน เรือสินค้าลำนี้ก็เตรียมเทียบท่า เพื่อขึ้นฝั่งแผ่นดินใหญ่ที่ท่าเรือฝูโจว

โจวจวินช่วยภรรยาเก็บของใส่ห่อผ้า แล้วเขาต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ที่ยามนี้มีของเยอะกว่าตอนขนของขึ้นเรืออีก ทั้งๆ ที่เงินที่เตรียมมาแทบจะไม่ลดลงเลย ดูเหมือนรายรับจะมากกว่ารายจ่าย

เจิ้งฝูหลิงผู้ขยันและเป็นผู้ที่ทำการค้าเก่งกาจ ยามนี้กำลังตื่นเต้นที่จะได้พามารดาและครอบครัวของน้องสาวกลับถึงบ้านของเขาเสียที เขาเดินทางจากครอบครัวไปนานถึงสองเดือนกว่า ยามนี้เมียและลูกของเขาคงจะคิดถึงเขามากอย่างแน่นอน

เจิ้งฝูหลิงแต่งงานอยู่กินกับชุ่ยเหนียน มีบุตรชายหนึ่งคนชื่อเจิ้งหรงมู่ พวกเขาซื้อบ้านที่ด้านหน้าเป็นร้านค้าขายของทั่วไป ด้านในบ้านแบ่งเป็นเรือนที่พักอยู่อาศัย บ้านของเขาตั้งอยู่ที่เมืองฝูโจว ซึ่งอยู่ติดกับถนนไม่ไกลจากท่าเรือมากนัก หากเทียบกับคนในหมู่บ้านเถียนซี ที่เป็นบ้านเดิมของเขาแล้ว ถือว่าเจิ้งฝูหลิงมีฐานะดีที่สุดของหมู่บ้านเถียนซี ซึ่งเรื่องนี้ต้องยกความดีให้กับเจียงฝานและเจิ้งฮุ่ยผิง ที่ส่งเงินมาให้ที่บ้านเดิมใช้มากมายพอสมควร บ้านตระกูลเจิ้งยามนี้จึงไม่น้อยหน้าผู้อื่น

เมื่อเรือสินค้าเทียบท่า คนงานต่างเริ่มทยอยขนสินค้าลงจากเรือ คนที่เป็นพ่อค้าและผู้เดินทางมากับเรือต้องรอให้ คนงานขนของที่เป็นสินค้าสำคัญลงจากเรือให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ยามนี้ทุกคนจึงนั่งรออยู่บนเรือด้วยความตื่นเต้น มีเจ้าหน้าที่เดินขึ้นเรือเพื่อมาสุ่มตรวจเอกสาร ซึ่งทุกคนต่างมีเอกสารครบถ้วนเรียบร้อยหมดแล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel