ข้ามมิติมาเป็นนางร้ายในนิยาย 2
“แฮ่ก ๆ”
เสียงหอบหายใจยังคงแผ่วเบาดังอยู่ข้างหู เจียงอวี้หลานตื่นขึ้นมาบนเตียงไม้แคบ ๆ เปลือยเปล่าทั้งตัวอยู่ในอ้อมแขนของชายแปลกหน้า แขนแข็งแรงของเขายังพาดอยู่บนเอวของเธอเหมือนคนที่เป็นเจ้าของกันแล้ว
ตามมาด้วยความรู้สึกเจ็บแสบที่ขาทั้งสองข้าง สะโพกปวดร้าวเหมือนถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และผ้าห่มผืนหนาที่พันอยู่ไม่อาจปิดร่องรอยบางอย่างที่กำลังไหลซึมออกมาจากระหว่างขาได้
‘นะ นี่มันอะไรกัน’
เจียงอวี้หลานเริ่มรู้สึกตัวว่าทุกอย่างมันผิดแปลกจึงเบิกตาโพลงขึ้นมองอย่างเต็มตา พร้อมกับความรู้สึกเย็นวาบที่แล่นจากสันหลังขึ้นจนถึงท้ายทอย
ตอนแรกเธอคิดว่าแค่ฝันในระหว่างหมดสติ แต่ความเจ็บจากบาดแผลลึกในร่างกายกำลังตอกย้ำว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง เจียงอวี้หลานพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่แขนกลับไร้เรี่ยวแรงเหมือนร่างกายพึ่งถูกใช้จนหมดสภาพ
เจียงอวี้หลานเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า ที่ตอนนี้เขากำลังพลิกตัวนอนลงข้างเธอ บนร่างกายกำยำเต็มไปด้วยรอยข่วน ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มราวกับรูปสลัก เหงื่อเกาะทั่วหน้าผาก เส้นผมเปียกชื้นยังหล่นลงมาปรกหน้าผาก
‘ทำไมรูปร่างหน้าตาของเขาเหมือนกับตัวละครที่ชื่อว่าสวี่ข่ายเลยล่ะ ระ หรือว่า…’
เจียงอวี้หลานพึมพำในใจ และยิ่งมองรอบ ๆ และทบทวนอยู่ชั่วครู่ ก็ทำให้เธอยิ่งแน่ใจว่านี่ไม่ใช่โลกของความจริง และแล้ว…สิ่งต่าง ๆ ที่ลอยเข้ามาในความคิดก็เหมือนกับสายฟ้าฟาดลงกลางหัว
ทุกอย่างพรั่งพรูเข้ามาจนปะปนกัน แต่มันก็ทำให้เจียงอวี้หลานได้รู้ว่าเธอตายแล้วเพราะถูกรถชน และฟื้นขึ้นมาในร่างของนางร้ายในนิยายที่มีชื่อว่าเจียงอวี้หลานเหมือนกับเธอ ซ้ำยังเข้าร่างมาผิดจังหวะในฉากคืนเข้าหอที่อวี้หลานถูกวางยาและถูกจับโยนขึ้นเตียงกับพ่อหม้ายลูกติดผู้นี้อีกด้วย
หัวใจของเธอเต้นโครมคราม ขณะใบหน้าซีดเผือดและตาเบิกกว้างจนแทบปริ หลังจากรู้ว่าเสียตัวไปแล้วในร่างที่ไม่ใช่ของเธอกับผู้ชายที่เกลียดเธอเข้าไส้
‘แล้วนี่มันคืออะไร ทำไมเขาถึง…’
ในระหว่างที่เจียงอวี้หลานยังคงสับสนและไม่อยากที่จะยอมรับความจริงอยู่นั้น เสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยขึ้นอย่างงัวเงียจนเธอหลุดออกจากความคิด
“ยังไม่พอเหรอ หรือว่ายังต้องการอีก”
“!!!”
‘นี่มันนรกชัด ๆ’
เจียงอวี้หลานกำหมัดแน่น อยากจะตะคอกกลับไปจนเต็มแก่ แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ เพราะนี่มันไม่ใช่โลกที่เธอคุ้นเคยเลยแม้แต่นิดเดียว อย่างไรก็ต้องเอาตัวไว้ก่อน
เจียงอวี้หลานเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ในดวงตาคู่นั้นของเธอคล้ายกับกำลังจะมีน้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมา ซึ่งมันไม่ใช่เพราะความเสียใจเรื่องบุรุษข้างกาย ไม่ใช่เพราะรอยแผลในร่างกายที่ตอกย้ำความอัปยศ แต่เป็นเพราะในใจของเธอกำลังแตกร้าวเงียบ ๆ กับบางสิ่งที่เหนือยิ่งกว่าความเจ็บทางกาย
“นี่ฉันตายแล้วจริง ๆ หรือ”
เธอจำได้ไม่ลืมกับเหตุการณ์ที่ไฟแดงและเสียงเบรกกะทันหันที่ตามมาด้วยความมืดวูบ ความรู้สึกสุดท้ายคือความเจ็บร้าวจนไร้เสียง ก่อนทุกอย่างจะดับลงเหมือนมีใครกดปิดไฟ
แล้วพอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองกำลังนอนเปลือยกายอยู่ในอ้อมแขนของชายแปลกหน้าเสียแล้ว โลกที่เปลี่ยนไป เสียงของไม้ลั่นใต้เตียงที่ไม่ใช่ห้องของเธอ ผ้าห่มหยาบ ๆ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นคาว และกลิ่นสาบที่เหมือนอยู่ในฉากละครย้อนยุคอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทุกอย่างมันเหมือนความจริง เหลือเกิน จนไม่มีวันแกล้งคิดว่าเป็นความฝันได้เลย เจียงอวี้หลานเม้มปากแน่นราวกับต้องการกลั้นเสียงร้องที่อัดแน่นอยู่ในอก ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนถูกฉีกออกทั้งตัวทั้งใจ
เธอหันหน้าหนีจากร่างชายหนุ่มที่ยังคงนอนหลับสนิท ใบหน้าของเขายามนิ่งสงบกลับยิ่งน่ากลัว ราวกับว่ากำลังซ่อนตัวตนบางอย่างไว้ภายใต้เปลือกอันหล่อเหลานั้น
“แค่ตายยังไม่พอ ต้องมาโดนอะไรแบบนี้อีกเหรอ ทำไมชีวิตของฉันถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
