ข้ามมิติมาเป็นนางร้ายในนิยาย 1
วันหนึ่งถังหนานหลอกใช้หล่อนอีกครั้ง โดยบอกว่าหากเธอกำจัดลูกติดของสวี่ข่ายได้เขาจะยอมแต่งงานกับเธอ เจียงอวี้หลานหลงเชื่อและพยายามวางยาพิษเด็กสองคนนั้นแต่ก็ถูกจับได้
ผลลัพธ์คือสวี่ข่ายขอหย่าขาดกับเจียงอวี้หลาน ทั้งยังถูกชาวบ้านรุมประณาม และสุดท้ายนางร้ายก็ถูกสองพระนางล่อลวงจนตกเป็นเหยื่อ ถูกทำร้ายและถูกพบเป็นศพอยู่ในพงหญ้า สภาพน่าเวทนาไม่มีใครไยดี เว้นเพียงอดีตสามีที่แม้ไม่รัก แต่ยังนำศพไปฝังอย่างเหมาะสม และเรื่องราวก็จบลงเพียงเท่านี้
“เขียนออกมาแบบนี้ได้ยังไงกัน!”
เจียงอวี้หลานสบถเสียงต่ำหลังจากอ่านจบ ก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะกาแฟด้วยท่าทีหงุดหงิดเต็มกลืน เธอไม่ใช่คนใจบางหรือสะเทือนใจกับเรื่องที่แต่งขึ้นแบบนี้ง่าย ๆ แต่การถูกลากชื่อไปใส่ในบทนางร้ายอย่างน่าเวทนามันก็น่าโมโหอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจบที่นางร้ายต้องตายอย่างอนาถ โดนใส่ร้าย โดนหย่าร้าง ทั้งยังถูกทำร้ายแล้วโยนศพทิ้งข้างทาง แล้วพระนางยังได้กันอย่างมีความสุขบนความพินาศของคนอื่นอีก
เจียงอวี้หลานเม้มปากแน่น ความเย็นชาที่เคยมีในแนวหน้าไม่ช่วยอะไรกับความรู้สึกตอนนี้เลยสักนิด กลับทำให้ทุกอย่างแล่นเข้าสมองชัดเจนขึ้น ราวกับมีใครเอามีดมากรีดเกียรติของเธอผ่านนิยายเรื่องนั้น
“ถึงจะไม่ใช่ฉันจริง ๆ แต่ชื่อก็ชื่อฉัน จะใช้ให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง”
เธอบ่นพึมพำพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อลบแอปพลิเคชันอ่านนิยายทิ้งในพริบตา แล้วสะบัดหางตามองออกไปนอกหน้าต่างที่ฝนพึ่งหยุดตกไปหมาด ๆ
เจียงอวี้หลานไม่ได้หิวมาก แค่รู้สึกอยากออกไปหาอะไรใส่ปากเพื่อคลายอารมณ์หงุดหงิด ข้าวไข่เจียวร้านประจำหน้าปากซอย หรือชานมที่เธอเคยบอกตัวเองว่าจะเลิกกินแต่ก็ยังกลับไปซื้อตลอด คิดแค่นั้นเธอก็เดินออกจากบ้านอย่างไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น
เมื่อออกมาก็พบกับสายฝนที่หยุดไปไม่นานทิ้งไว้เพียงความชื้นเหนียวแน่นในอากาศ ยามค่ำคืนที่ควรเงียบสงบกลับมีความตึงเครียดบางอย่างซ่อนอยู่ในเงามืด
ตึก! ตึก! ตึก!
เจียงอวี้หลานเดินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ รองเท้าแตะกระทบพื้นถนนเปียกชื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เธอเดินลัดเลาะจากซอยข้างบ้านไปสู่ทางแยกใหญ่หน้าร้านสะดวกซื้อประจำ หัวใจยังคงเต้นรัวด้วยความหงุดหงิดจากนิยายที่ขัดใจเรื่องนั้น
มือบางกำโทรศัพท์แน่นจนเส้นเลือดขึ้น เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะสูดกลิ่นฝนที่ยังอบอวลเข้าไปอีกครั้งแล้วถอนหายใจออกอยู่อย่างนั้นซ้ำ ๆ เพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลายลง
และจังหวะนั้นเอง ไฟสัญญาณจราจรด้านหน้าสำหรับคนข้ามถนนก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว รถทุกคันจอดเรียงตามระเบียบ เจียงอวี้หลานก้าวลงบนทางม้าลายโดยไม่ทันมองขวา เพราะคิดว่าปลอดภัยแล้ว
เอี๊ยด!…
“กรี๊ด!…”
และในชั่วพริบตาเสียงล้อบดเบรกก็ดังลั่น ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เจียงอวี้หลานที่ไม่ทันได้ระวังตัวแต่หันขวับตามสัญชาตญาณเมื่อได้ยินเสียงดัง
ก่อนที่เธอจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นไฟหน้ารถกระบะสีดำพุ่งตรงมาในระยะไม่ถึงห้าเมตร ล้อกระแทกขอบฟุตบาทจนกระเด้งขึ้นอย่างน่ากลัว จนความรู้สึกเย็นเยียบทะลุผิวหนังลงถึงกระดูกสันหลัง
พรึ่บ!
กึก! กึก!
เจียงอวี้หลานพุ่งตัวไปด้านข้างตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของแพทย์สนาม แต่ทว่าทุกอย่างนั้นไม่ทันการณ์เสียแล้ว…
โครม!
ความรู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังพลิกคว่ำก่อตัวขึ้น สติหลุดลอย หูอื้ออึงและมีเสียงแว่วเหมือนอยู่ใต้น้ำอย่างไรอย่างนั้น
ภาพสุดท้ายที่เห็นคือโทรศัพท์มือถือของเธอหล่นกระแทกพื้น หน้าจอนิยายเรื่อง เจ้าสาวชังของนายทหารปลดประจำการค้างอยู่ตรงหน้า และเป็นฉากที่เจียงอวี้หลานถูกลากขึ้นเตียงกับพ่อหม้ายทั้งที่เธอได้ลบแอปพลิเคชันนั้นไปแล้วแท้ ๆ
หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบลงกลายเป็นความมืดและความว่างเปล่า ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นเหงื่อและกลิ่นคาวบางอย่างลอยอวลอยู่ในอากาศเหมือนซากความปรารถนาที่พึ่งจบลงไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“แฮ่ก ๆ”
