บท
ตั้งค่า

7 บทลงโทษแสนหอมหวาน

...เช่นนั้นลูกก็คือคนที่สมควรถูกลงโทษมากที่สุดเจ้าค่ะ”

“ที่เชียนอี้พูดมาก็ถูกนะเจ้าคะ”

คราวนี้น้องสี่ บุตรสาวของอนุเจียงผู้ที่เห็นนางเป็นบ่าวคนหนึ่ง และเป็นแหล่งสมบัติเอ่ยขึ้นก่อนใคร ซึ่งเชียนอี้ก็ไม่แปลกใจเท่าไรนักหรอก

ทว่าก็บอกแล้วอย่างไรว่านางมิใช่เชียนอี้คนเดิมที่ยอมเสียสละเพื่อทุกคนแล้ว...

“น้องสี่ ข้าคือพี่หญิงใหญ่ของเจ้า อีกทั้งเป็นลูกฮูหยินเอกกับท่านพ่อ เจ้าเรียกพี่เช่นนี้คิดว่าสมควรแล้วหรือ อนุเจียงสอนสั่งเจ้าอย่างไรจำมิได้หรือ...”

ประโยคนี้นางด่ารวบทีเดียวสองคนเลย ก่อนหน้าใครไม่เรียกเชียนอี้อย่างเคารพอย่างไรไม่รู้ หากต่อแต่นี้ยังไม่เปลี่ยนอีก เชียนอี้ผู้นี้จะไม่ยอมแล้ว

ต่อหน้าบิดาใครจะกล้าบังคับให้นางยอมก้มหัวก็ดูเอาเถอะ

“มิใช่ความผิดเจ้าเสียหน่อย อย่าได้คิดจะช่วยพวกนางเลย ตลอดทางมาเจ้ามิใช่เอาแต่บอกว่าพวกนางยุ่งมากจนมิมีเวลาดูแลเจ้าหรอกหรือ? ทว่าข้าก็มิได้โง่เขลาจนไม่เข้าใจอันใด ที่ผ่านมาข้าก็มิใช่ว่าไม่รู้นะว่าเจ้าถูกละเลยมาบ้าง...”

เชียนอี้ก้มหน้าน้อมรับคำบิดา ไม่ผิดหวังที่ตลอดทางนางทุ่มสุดตัวเอาใจบิดาและทำตัวดีเพื่อให้บิดามองนางใหม่จนตอนนี้ได้พิสูจน์ความดีให้เขาได้เห็นแล้ว ส่วนเรื่องที่เขาละเลยมาในชาติที่แล้วและช่วงชีวิตวัยเด็กนั้น เชียนอี้จะไม่เก็บมาใส่ใจก็แล้วกัน มุมมองของเขาที่มีต่อนางไม่ดีเท่าไรจากผลงานของเหล่าแม่เลี้ยง บิดาก็ช่วยเท่าที่เขาช่วยได้แล้ว ตามจริงนางจะมีชีวิตเช่นไรหลักๆก็ขึ้นกับการทำตัวของนางด้วย

เชียนอี้เชื่อว่าหากชาติก่อนนางพยายามเข้าหาและเอาใจบิดาอย่างน้องรองหน่อย บิดาก็ย่อมเอ็นดู หากไม่มีสองแม่เลี้ยงคอยชักจูงความคิดของบิดาแล้วนางและเขาบางที่ก็คงเป็นบิดาและบุตรสาวที่รักใคร่ดีแน่

ชาตินี้เชียนอี้ย่อมหวังพึ่งพิงตนเองผสานกับทำตนให้อยู่ในสายตาบิดา เพื่อต่อสู้กับการแก่งแย่งชิงดีในจวนให้ทั้งนางและน้องสามมีชีวิตมีความสุขในที่สุด!

“ท่านพี่พูดเรื่องอันใดกันเจ้าคะ เงินและสิ่งที่เชียนอี้ควรได้รับน้องก็จัดการไปอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง มิเชื่อก็ถามอนุเจียงได้เลยเจ้าค่ะ เรื่องของนางล้วนเป็นอนุเจียงจัดการทั้งสิ้น”

โยนของเหม็นไปให้สตรีชุดใหม่เอี่ยมอ่องแล้ว หลักฐานบนตัวที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับงดงามรวมถึงชุดของน้องสี่เอง ทำให้คนเห็นล้วนเข้าใจสิ่งที่ฮูหยินรองกำลังสื่อทั้งสิ้น

“ข้าเองก็อยากจัดการทุกอย่างให้ตามสมควรแต่ก็เป็นคุณหนูใหญ่เองมิใช่หรือที่บอกว่าไม่อยากใช้เงินให้มากนัก ข้าจะขัดคำสั่งอันใดได้เล่า แล้วนี่ตอนนี้ห้องของคุณหนูใหญ่ถูกบุกไปเงินทองที่เหลือเก็บไว้ก็หายไปหมดแล้วกระมัง บ่าวก็คงไม่มีหลักฐานมาชี้แจงว่าบ่าวมิได้ละเลยไม่ดูแลคุณหนูใหญ่ให้เหมาะสมเสียแล้วน่ะสิ...”

เชียนอี้เห็นพวกนางโยนความผิดไปมาแล้วเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายแล้ว ตามจริงจุดประสงค์ของเชียนอี้หาได้คือการให้บิดาช่วยจัดการในสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่

อย่างไรก็กลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว นางต้องการสร้างรากฐานตนในอนาคตต่างหากเล่า!

“ท่านพ่อเจ้าคะ ก็อย่างที่ลูกบอกว่าลูกนั้นโตแล้วมิจำเป็นต้องให้พวกนางดูแลเช่นเมื่อตอนเด็ก อีกทั้งเรื่องที่บอกว่าจะยอมรับโทษนั้นลูกคิดจะขอทำงานไถ่โทษแทนบุญคุณที่ทุกคนดูแลลูกมาอย่างดีเจ้าค่ะ

ไหนๆบิดาก็จะให้พ่อบ้านฉีฮุ่ยกลับมาช่วยฮูหยินรองและอนุเจียงดูแลจวนแล้ว ลูกก็ขอเข้าไปช่วยพ่อบ้านฉีฮุ่ยด้วย ลูกจะขอทำงานหนักทดแทนที่ทำผิดกฎบรรพชนเอง ท่านพ่อคิดเห็นว่าเช่นไรเจ้าคะ?”

เชียนอี้คิดบทลงโทษลอกเลียนแบบยามคนในกองทัพทำผิดแล้วต้องไปใช้แรงงานหนัก ทว่าแท้จริงแล้วมันหาใช่บทลงโทษแต่อย่างใด มองจากสีหน้านิ่งอึ้งของเหล่าสตรีในจวนตรงหน้าแล้วทุกคนคงมีสับสนบ้างล่ะ บทลงโทษของนางชั่งเหนือความคาดหมายเสียจริง

ส่วนเจียฉีนั้นนิ่งคิดอยู่...

“นั่นมันมิใช่บทลงโทษเสียหน่อย! พะ...”

เชียนเอ้อรีบประท้วงก่อนใคร สีหน้าแสนเรียบร้อยตอนนี้ชักเริ่มย่นยู่เพราะความไม่พอใจในใจเริ่มสะสมมากขึ้นแล้ว

“คุณหนูใหญ่ยังอายุน้อยนัก เรื่องดูแลจวนนั้นยากเกินกว่าที่เจ้าจะจัดการได้”

“ยากขนาดที่เพียงท่านพ่อไม่อยู่จวนไม่ถึงเดือนจะทำให้โจรปล้นจวนได้ใช่ไหมเจ้าคะ แต่เรื่องนั้นฮูหยินรองกังวลเกินไปแล้วข้ามิได้ใช้ความสามารถตนดูแลจวนคนเดียวเสียหน่อย ข้าเพียงเข้าไปช่วยคนที่ท่านแม่สอนงานไว้เท่านั้น อีกทั้งข้าก็อายุสิบสี่แล้วยังมิรู้เรื่องการดูแลจวน อีกทั้งไม่มีมารดาสอนสั่งเรื่องพวกนี้ คิดว่าใช้โอกาสนี้ฝึกฝนและเรียนรู้จากพ่อบ้านฉีฮุ่ยก็เป็นการดี...ฮูหยินรองมิคิดเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?”

“นะ...”

“พอกันที มิต้องโต้เถียงให้มากความแล้ว เอาเป็นว่าให้พ่อบ้านฉีฮุ่ยกลับมาดูแลจวนแล้วให้เจ้าและเชียนอี้เข้ามาศึกษาดูงานและแบ่งเบาภาระก็แล้วกัน!”

ครานี้เจียฉีพูดจบก็เดินลงเท้าตึงตังปิดประตูแรงและจากไปจากห้องรับรองกลางจวนตระกูลเหลียงทันที

ผลจากการค่อยๆหว่านเมล็ดคราวนี้เป็นที่น่าพอใจเชียนอี้ยิ่งนัก...

“ที่เชียนอี้เจ้าทำอันใดกับท่านแม่ข้า!!! เจ้ามันอกตัญญูยิ่งนัก”

น้องสี่ เชียนซื่อโวยวายใส่นางทันทีที่บิดาออกจากห้องไป เชียนอี้มองนิ้วชี้ที่แทบจะจิ้มหน้าอย่างไม่รู้มีทีท่ากลัวอย่างแต่ก่อน

“เมื่อครู่ข้ามิได้ทำอันใดเสียหน่อย อ้อ แล้วก็น้องสี่ ข้าเป็นพี่คนโตสุดอีกทั้งเป็นบุตรสาวของฮูหยินเอก ฐานะเราต่างกันมากนัก เจ้าอย่าได้ต้องให้พี่ลงโทษเจ้าเพราะเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้เลยนะ ฝากอนุเจียงช่วยสั่งสอนบุตรสาวท่านด้วย”

ทุกคนที่เห็นความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ต่างอึ้งไปกันหมด ทว่าเชียนอี้ไม่สนใจเท่าเรื่องของนางเองหรอกนะ

“อ้อ แล้วก็ฮูหยินรอง ในเมื่อท่านได้รับมอบหมายให้ดูแลน้องสามแล้ว ก็ควรตั้งใจดูแลหน่อยนะเจ้าคะ หากท่านย่ากลับมาแล้วเห็นท่านปล่อยปะละเลยเช่นนี้ กลัวว่าฮูหยินรองจะเดือดร้อนเอาได้”

พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือเชียนอี้อาจจะเอาเรื่องที่ดูแลหลานชายคนโปรดอย่างจงชินไม่ดีไปฟ้องนั่นเอง

แน่นอนว่าสองแม่ลูกที่ยืนตัวสั่นอยู่นั้นย่อมเข้าใจความหมายที่เชียนอี้ต้องการสื่อ

เอาจริงเชียนอี้ก็แค่ขู่เพื่อให้สองแม่ลูกไม่ทำอันใดจงชินอย่างประเจิดประเจ้อนักก็พอ แต่คงไม่อาจยับยั้งแผนการร้ายได้หรอก เชียนออกมาจากห้องรับรองโดยไร้คนขัดขวางใดใด

ก่อนที่นางจะกลับไปยังเรือนของตนก็ตั้งใจแวะไปยังเรือนบ่าวเพื่อดูอาการของสองบ่าวที่ดูแลเชียนอี้มาตั้งแต่เด็ก หนึ่งคือ

แม่นมเฉียนมู่ อดีตบ่าวจากสินเดิมมารดาอีกคนหนึ่งนอกจากอนุเจียงที่ได้ดีก็ลืมเจ้านายไปแล้ว ส่วนอีกคนเฉียนหลาน เป็นหลานของแม่นมอีกที อายุน้อยกว่าเชียนอี้ไม่กี่เดือน ทั้งสองรับบทลงโทษแทนนางเมื่อหลายเดือนก่อน และถูกไล่ออกจากการเป็นบ่าวของนาง ไปทำงานที่แผนกซักผ้าแทน

ครานี้นางจะมาพาทั้งสองกลับคืน...

“พวกนางพักอยู่ห้องนางนู้นเจ้าค่ะ”

สภาพเรือนบ่าวก็ยังมีลำดับขึ้นอีกต่างหาก ห้องพักที่บ่าวคนเมื่อครู่ชี้ไปนั้นนอกจะจะดูแคบสุดแล้วยังดูเก่าที่สุดด้วย

ภายในห้องนี้มีเพียงอาหลานนอนตัวสั่นอยู่คนเดียว ไร้แม่นมเฉียน

เชียนชี้จำได้ว่าชาติที่แล้วบ่าวทั้งสองหลังถูกไล่ออกจากการเป็นบ่าวของเชียนอี้สักพักก็ป่วยตาย มาคราวนี้ไม่เสียแรงที่นางนำเทียบยามาด้วย เชียนอี้ซื้อไว้ก่อนเข้าเมืองมา นางได้ใช้รักษาอาการป่วยของสองบ่าวพอดี

“อุ้ย คุณหนูใหญ่ ไยมาที่นี่ได้ ท่านรีบกลับไปเถอะเจ้าค่ะเดี๋ยวถูก...”

เชียนอี้รีบห้ามมิให้แม่นมที่เลี้ยงดูนางมาพูดต่อเพราะสิ่งเหล่านั้นนางจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ในมือของแม่นมเฉียนมีกะละมังใส่น้ำและผ้าลอยอยู่ คงนำมาเช็ดตัวลดไข้ให้อาหลานแน่นอน

“แม่นมเฉียนมิต้องกังวลไปเจ้าค่ะ ข้ามิปล่อยให้ใครมารังแกเราง่ายๆอีกแล้ว ตอนนี้แม่นมและอาหลานกลับไปอยู่กับข้าได้แล้ว ส่วนนี่นำไปต้มแล้วรีบนำมาให้อาหลานเถอะ เดี๋ยวข้าเช็ดตัวให้นางเอง”

เรื่องนี้เชียนอี้ขอบิดาไว้ตั้งแต่อยู่ด้วยกันตอนเดินทางแล้ว ส่วนบ่าวคนอื่นในจวนนางค่อยคุยกับพ่อบ้านฉีฮุ่ยเรื่องเปลี่ยนเป็นบ่าวชุดใหม่คราหลัง

“คุณหนูพูดจริงหรือเจ้าคะ? ท่านมิได้บาดเจ็บตรงไหนแลกมาใช่ไหมเจ้าคะ”

ไม่พูดเปล่า มือหยาบกร้านของเฉียนมู่ก็ยกขึ้นเปิดแขนเสื้อหารอยแผล นางกลัวว่าเจ้านายของตนก็รู้สึกผิดกับพวกนางจนยอมสละตนเองอีก

“ไม่มีหรอกเจ้าค่ะ ข้าสบายดี แม่นมรีบไปต้มยาเถอะก่อนที่อาการของอาหลานจะแย่ไปกว่านี้”

บนเตียงมีร่างผอมบางกว่าเก่าของเด็กอายุสิบสี่ที่แสนสดใสทว่าบัดนี้แผ่แต่ความเศร้าหมองหดหู่กลับมา

อย่างน้อยในชาติใหม่ของเชียนอี้นี้ นางก็สามารถเปลี่ยนชะตากรรมตนเองให้ต่างจากเดิมแล้วนิดหน่อย และสามารช่วยบ่าวผู้จงรักภักดีได้ทันเวลา นางหวังว่าในอนาคตจะเป็นอย่างที่หวังก็แล้วกัน...

“คุณชายสามบอกว่ากำลังเรียนอยู่ไม่สะดวกมาพบคุณหนูเจ้าค่ะ”

บ่าวของจงชินออกมารายงานเชียนอี้พร้อมกันไม่ให้นางเข้าไปในเรือนของน้องชายแท้ๆในสายเลือด

สายตาที่บ่าวสตรีอายุราวสิบห้าสิบหกคนนี้มองมาที่เชียนอี้ดูไม่เคารพเลยสักนิด นางจำได้ว่าบ่าวผู้นี้มีนามว่าเหมยเหมยเป็นคนของเฉินซื่ออิงที่ส่งมาดูแลเรื่องส่วนตัวของจงชินเมื่อไม่นานมานี้ บ่าวผู้นี้ไม่เพียงดูแลเท่านั้นแต่ยังหวังปีนป่ายเตียงว่าที่ประมุขตระกูลเหลียงอีกด้วย

ในชาติที่แล้ว ก่อนที่เชียนอี้จะออกเรือนไป จงชินที่อายุเพียงสิบสามย่างสิบสี่ปีก็มีบ่าวอุ่นเตียงเสียแล้ว

บ่าวอุ่นเตียงก็คือว่าที่อนุในอนาคตดีดีนั่นเอง เรื่องนี้หากตระกูลอื่นรู้เข้าย่อมใช้เป็นเหตุผลนี้ไม่แต่งเข้ามาแน่หากอยากให้บุตรสาวตนสบายในชีวิตครอบครัว

ซึ่งเชียนอี้คิดว่าเหมยเหมยผู้นี้ต้องได้รับคำสั่งให้ล่อลวงน้องชายของนางจากเจ้านายอย่างฮูหยินรองแน่นอน

“ฝากบอกว่าให้เขาตั้งใจเรียนด้วย! ไว้ข้าจะมาเยี่ยมเยียนใหม่”

“เจ้าค่ะ”

เหมยเหมยยืนรอส่งเชียนอี้จนลับสายตาแล้วก็เปิดประตูเข้าไปหาเจ้านายคนใหม่ที่นั่งหน้าบึ้งมองลอดช่องหน้าต่างมองผู้เป็นพี่สาวเดินห่างไปเรื่อยๆตามทางเดิน

“เมื่อครู่คุณหนูใหญ่ฝากให้ท่านตั้งใจเรียนแล้วก็...”

“หุบปาก ข้าได้ยินหมดแล้ว เจ้าออกไปให้พ้นสายตาข้าเถอะ”

จงชินไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งสิ้นในเวลานี้ เขารู้เรื่องที่พี่สาวสายเลือดเดียวกันผู้นี้มีนิสัยเปลี่ยนไปจนเป็นที่โปรดปรานของบิดาขึ้นมาแล้ว ในใจกลับเหมือนถูกแย่งชิงความรักที่แทบไม่มีมากขึ้นไปอีก

คงไม่ผิดจากที่มารดาเลี้ยงบอกแน่ที่ว่า พี่สาวเขาอิจฉาเขาที่เป็นที่รักของท่านย่าอีกทั้งได้เงินและของทุกอย่างมากกว่า ตอนนี้จึงคิดแย่งทุกอย่างไป วันนี้ที่มาเยี่ยมเขาไม่รู้ตั้งใจจะมาเยาะเย้ยเขาหรือเปล่าก็มิรู้

“คุณชายเจ้าคะ ให้บ่าวอยู่เคียงข้างคุณชายเถอะเจ้าค่ะ หากคุณชายอารมณ์ไม่ดีเดี๋ยวบ่าวจะนวดคลายเส้นให้ดีไหมเจ้าคะ”

เมื่อเห็นเจ้านายปิดปากเงียบแต่ก็มิได้เอ่ยไล่อีกต่อไปแล้ว เหมยเหมยจึงเยื้องย้ายร่างผอมบางขึ้นมายืนเหนือจงชินที่นั่งบนเก้าอี้อยู่ จากนั้นก็วางสองมือเล็กลงบนบ่าของเจ้านายตัวน้อยพร้อมลงแรงอย่างพอเหมาะ จนพาลให้คนที่มีความกรุ่นโกรธเต็มอกพลอยผ่อนคลายและหลับตาพร้อมรับความสบายกายที่ค่อยๆกัดกินหัวใจทีละน้อย...

“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวว่าแม่นางเหมยเหมยผู้นี้ดูจะวางตัวเย่อหยิ่งเกินบ่าวไปแล้วนะเจ้าคะ ไม่รู้ฮูหยินรองจัดการเช่นไรถึงเอาแม่นางไม่รู้ประสามารับใช้คุณชายเช่นนี้”

แม่นมเฉียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เชียนอี้ที่อายุน้อยกว่ายังนิ่งสงบมากกว่า

“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แล้วแม่นมคิดว่าควรทำเช่นใดดีหรือ?”

“ทั่วไปแล้วคุณชายรองควรจะมีแม่นมที่มีประสบการณ์คอยดูแลมากกว่า ทว่าแม่นมคนก่อนก็มาลาออกไปแล้วคิดว่าก็คงต้องไล่นางคนนั้นออกห่างคุณชายหรือไม่ก็หาบ่าวส่วนตัวที่รู้ความกว่านี้เจ้าค่ะ”

เชียนอี้พยักหน้าเห็นด้วย ซึ่งตอนนี้แม่เลี้ยงอย่างฮูหยินรองก็คงกำลังเฟ้นหาคนมาอยู่ข้างกายจงชินเช่นกัน จึงได้ส่งเหมยเหมยมาก่อนชั่วคราว คนผู้นั้นก็ไม่พ้นบ่าวบุรุษนายหนึ่งนามว่า หวงอู่ เป็นหลานชายของบ่าวคนสนิทฮูหยินรอง อันมีนิสัยเกียจคร้านและติดพนันอย่างชาติก่อนแน่

เชียนอี้นั้นยังมิอาจใช้อำนาจคุณหนูใหญ่ที่มีเพียงน้อยนิดยับยั้งไม่ให้หวงอู่มาเป็นบ่าวรับใช้ได้ แต่นางก็ไม่สามารถอยู่เฉยปล่อยให้น้องชายมีชีวิตดิ่งลงเหวอย่างชาติก่อนได้เช่นกัน

“แม่นมคิดว่าถงฉีเป็นอย่างไรบ้าง?”

“คุณหนูหมายถึงอาถงหลานบ่าวน่ะหรือเจ้าคะ?”

เฉียนถงฉี คือหลานของแม่นมเฉียนมู่ ที่ทำงานเป็นบ่าวอยู่ที่ตระกูลมารดา เชียนอี้เคยพบเขาอยู่สองสามครั้งเมื่อชาติก่อน เขามาจัดการเรื่องศพของแม่นมและพี่น้องอย่างอาเหลียน มองดูแล้วเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีมากคนหนึ่ง

“ใช่แล้ว ข้าเคยได้ยินแม่นมคุยกับอาหลานถึงเขามาบ้างน่ะ แม่นมคิดว่าอย่างไรหากข้าจะเรียกตัวเขามาให้เป็นบ่าวประจำตัวของจงชิน”

แววตาหวาดหวั่นสาดประกายขึ้นเล็กน้อยในตาของเฉียนมู่ ทว่าก็หายไปพร้อมกับพยักหน้าอย่างมุ่งมั่นแทน

“เป็นเมตตายิ่งของเจ้าถงมันเจ้าค่ะ ถงฉีนั้นเชื่อฟังและแรงดีมากคงจะช่วยคุณหนูได้บ้าง”

เชียนอี้เข้าใจในความกังวลของป้าเฉียน เพราะในจวน

เหลียงนี้พวกนางอยู่อย่างไม่มั่นคง ไม่รู้ว่าวันไหนจะตายหรือไม่ การดึงหลานอีกคนที่อยู่สุขสบายในจวนตระกูลมารดานั้นเป็นการทำให้ลำบากใจอยู่บ้าง แต่เชียนอี้จะไม่ทำให้การเสียสละครานี้ของใครไร้ประโยชน์แน่

“เช่นนั้นฝากแม่นมช่วยทาบทามเขาให้ข้าด้วย ถงฉีมาเป็นบ่าวให้จงชินแล้วข้ารับรองว่าเขาจะมีอนาคตที่ดีแน่นอน!”

ตอนนี้เชียนอี้ยังไม่สามารถแสดงให้เห็นแต่นางก็ลงความเชื่อให้เฉียนมู่เต็มสิบส่วน

ส่วนเรื่องจะทำอย่างให้ถงฉีกลายเป็นบ่าวของจงชินนั้นเชียนอี้จัดการเอง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel