3 นางได้พบเจ้าของจวนแล้ว
“ข้าต้องไปพบนายท่านด้วยหรือเจ้าคะ?”
สีหน้าตื่นตระหนกของเชียนอี้หลังพ่อบ้านเฉียงฮุยแจ้งข่าวพร้อมเดินนำนางที่เพิ่งลงรถม้ามาไปยังจุดหมายเดียวกับเนื้อความเมื่อครู่
“ใช่ เข้าไปแล้วห้ามต่อปากต่อคำกับนายท่าน ถามอันใดก็รีบตอบ ห้ามพูดปดเด็ดขาด”
ที่พ่อบ้านกำชับมาเชียนอี้ฟังแล้วคิดในใจว่านางน่าจะทำไม่ได้แทบทั้งหมด หากนางทำเช่นนั้นขอไม่ไปพบเสียดีกว่า แต่ก็ได้แค่คิดนะเพราะเรื่องจริงคืออย่างไรนางก็ต้องไปพบอยู่แล้ว
“เจ้าค่ะ”
ตอนนี้เชียนอี้เข้ามาในห้องที่ว่านั้นแล้ว นางขนลุกตั้งแต่ประตูทางเข้าและตัวเรือนที่ล้วนถูกสร้างมาจากไม้แข็งแรงสีดำทมึนแล้ว มันทำให้บรรยากาศที่เป็นอยู่สร้างความน่าเกรงขามขึ้นไปอีก
เชียนอี้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าฉากกั้นลมไม้สีน้ำตาลออกทองแม้รอบข้างจะมืดมิดมีเพียงแสงจากโคมไฟ ข้างหลังฉากเชียนอี้คาดว่ามีเจ้านายของจวนลึกลับแห่งนี้นั่งอยู่อย่างแน่นอน นางมั่นใจมากเพราะรับรู้ได้ถึงรังสีความกดดันบางอย่าง เบื้องหลังฉากกั้นสีทองนี้
“ความจำเสื่อมหรือ?”
เชียนอี้สะดุ้งเล็กน้อยเพราะอยู่ดีดีคนเบื้องหลังฉากกั้นก็เอ่ยออกมาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงก่อน ให้อารมณ์แบบเชียนอี้นั่งหันเข้ากำแพงและไม่คาดว่ามีคนอีกฝั่งของกำแพงพูดกับนางนั่นล่ะ
พ่อบ้านเฉียงฮุยส่งสัญญาณให้เชียนอี้รีบตอบ
“อ่อ ใช่เจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร หรือมาที่นี่ได้อย่างไรเลยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นหรือ?”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าน้อยมิได้แอบเข้ามาเพื่อมีเจตนาร้ายกับนายท่านเลย หากข้าน้อยมีเจตนาไม่ดีก็ขอให้สวรรค์ลงโทษข้าน้อยให้ตายตกไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ!”
เชียนอี้เอ่ยไปเสียงติดสั่นเล็กน้อย แต่ใจนางสู้ ความมุ่งมั่นทำให้นางเอ่ยจนจบโดยคนฟังไม่รับรู้ว่านางกำลังพูดปดกระมัง
และที่นางกล้าสาบาน เพราะเรื่องนี้นางเป็นเช่นนั้นจริง!
“อย่างนั้น ข้าให้เจ้าอยู่นี่ได้แต่นอกจากมีหน้าที่ทำอาหารไว้ให้ข้าแล้ว เจ้าต้องมาเป็นบ่าวส่วนตัวของข้าด้วย”
เชียนอี้อยากถ่วงเวลาอยู่ที่นี่จนกว่าใกล้เวลาที่บิดายกกองทัพกลับเมืองหลวงก็จริง แต่นางหาได้อยากทำตัวโดดเด่นถึงขนาดเป็นบ่างรับใช้ของเจ้านายของจวนไม่
“ข้าน้อยดีใจมากที่นายท่านโปรดให้ความเมตตาข้าน้อย เพียงแต่เรื่องรับใช้นายท่านข้าน้อยผู้นี้กลัวจะทำให้นายท่านไม่ถูกใจเสียมากกว่าเจ้าค่ะ”
ได้โปรดอย่าให้นางต้องไปรับใช้ใครเลย นางขอใช้ชีวิตสงบสุขในโรงครัวแสนวุ่นวายดีกว่า...
“ข้าชอบยิ่งนักคนที่หัวว่างเปล่า เช่นนั้นถึงจะสั่งสอนและฝึกฝนให้ทำอันใดง่าย...”
สิ้นคำ เชียนอี้ก็ได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันเหมือนว่าคนอีกฝั่งของฉากกั้นจะลุกขึ้นยืนหรืออย่างไร
ไม่รอให้นางคิดจบด้านข้างก็ปรากฎเป็นเส้นผมตรงยาวสีขาวมุกตามมาด้วยใบหน้างดงามราวภาพวาดของอาจารย์ชื่อดัง ดวงตาแหลมเรียวที่จ้องสบกับเชียนอี้มานั้น ทำเอาร่างทั้งร่างของสตรีที่ได้โอกาสย้อนอดีตอีกครั้งลำตัวแข็งเกร็ง!
เจ้าของผมสีขาวมุกและใบหน้าเด่นชัดเย็นชานี้มีผู้เดียวเท่านั้นในแคว้นนี้ เขาคือ ทรราชผู้นั้นที่ปลงพระชนม์อดีตฮ่องเต้แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นต้าไท่ฝู หรือ ที่ปรึกษาใหญ่ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ต้าไท่ฝูอันเป็นคนในราชวงศ์คนแรก มีอำนาจรองเพียงคนเดียว เหนือกว่าคนทั้งแคว้น
เขาคือคนที่ชาวเมืองบอกว่าถูกวิชามารครอบงำจนผมขาวราวมิใช่มนุษย์ คนที่ฮ่องเต้ผู้เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ก่อนยังต้องเกรงใจคนผู้นี้ เพราะหากว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว หากอดีตฮ่องเต้สวรรค์คตไป ผู้นี้เหมาะสมก็คือต้าไท่ฝูผู้นี้อันเป็นองค์ชายใหญ่ แต่กลับถูกมอบอย่างเต็มใจให้อ๋องที่ถูกไล่ไปปกครองนอกเมืองแล้วขึ้นครองราชย์แทน
เชียนอี้รีบตั้งสติ ควบคุมสีหน้าให้ไม่แสดงความตกใจไปเพราะมิเช่นนั้นเรื่องความจำหายไปของนางก็ถูกเปิดโปงแน่
“อ่า เช่นนั้นข้าน้อยจะทำให้เต็มที่เจ้าค่ะ”
เมื่อนางรู้ตัวตนของเจ้าของจวนบนเขาในป่าลึกแล้ว นางเริ่มคิดว่าอยากจะเป็นบ่าวและดูแลต้าไท่ฝูผู้นี้เสียแล้ว...
แผนการที่คิดจะอาศัยที่นี่เพื่อรอคอยเวลาเริ่มมีอีกจุดประสงค์หนึ่งเพิ่มขึ้นมา
หากในช่วงเวลาที่นางอาศัยอยู่ที่นี่นางสามารถพิชิตความเชื่อใจของต้าไท่ฝูผู้นี้ได้ ไม่แน่ว่าในอนาคตนางอาจพึ่งพาเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย
เช่นนั้นช่วงเวลานี้เชียนอี้ในนามอาเฟยผู้ความจำเสื่อมคนนี้จะทำทุกอย่างให้ทรราชผู้นี้พอใจเอง...
“ข้าหิวมาก เจ้าใช้ครัวในเรือนนี้ทำอาหารมาหน่อย”
เชียนอี้ย่อคารวะและรีบตามพ่อบ้านเฉียงฮุยไปยังห้องครัวเล็ก ในนั้นเต็มไปด้วยวัตถุดิบทำอาหารครบครับไม่ต่างจากโรงครัวประจำจวนเลย
“ข้าสามารถใช้ของในนี้ได้ตลอดเวลาเลยไหมเจ้าคะ”
ถามไปในหัวสมองก็นึกถึงอาหารที่ตนเองชอบในอดีตหลายอย่างที่อยากกินแต่ไม่ได้กิน นางคิดล่วงหน้าไปแล้วว่าจะลงมือทำให้เจ้านายกินและเผื่อให้ตนเองด้วย
“แน่นอน หมดก็ให้คนไปแจ้งแก่ข้า”
เฉียงฮุยมองเชียนอี้ด้วยสายตาเอ็นดูกว่าแต่ก่อน เพราะหากไม่มีนางคืนนี้เขาต้องวิ่งวุ่นหาคนมาทำอาหารให้ถูกใจนายท่านจนไม่ได้นอนแน่
“เจ้าค่ะ ขอบใจท่านมาก”
คราวนี้คนที่มีเป้าหมายใหม่กลับมาสนใจทำอาหารสุดพิเศษ หากจะทำให้ทรราชเชื่อใจได้อย่างแรกเลยคือนางต้องใช้เสน่ห์ปลายมือนี้รังสรรค์อาหารให้เขาประทับใจทุกๆมื้อ เพราะหากเขาเกิดเบื่อขึ้นมา โอกาสทองของสตรีไร้อำนาจเช่นนางก็มลายหายไปแน่
ตามจริงฝีมือทำอาหารของเชียนอี้มิได้เหนือกว่าแม่ครัวที่จวนจ้างมาหรอก เพียงแต่นางมีสิ่งที่แตกต่างจากทุกคนก็คือ การเอาความใส่ใจลงไปใช้ในการทำอาหารให้กับคนกินด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในชาติก่อนกว่าที่นางจะเป็นที่รักของลูกเลี้ยงสามีได้นั้น อาหารที่นางทำก็ปรับเปลี่ยนมาหลายรูปแบบหลายรสชาติ มาชาตินี้เพียงเปลี่ยนจากลูกเลี้ยงสามีเช่นชาติก่อน มาเป็นทรราชร่างสูงใหญ่ผมขาวมุกที่น่ากลัวก็เท่านั้นเอง
เชียนอี้เชื่อว่านางทำได้!
นอกจากหน้าที่ทำอาหารสามมื้อรวมถึงมื้อว่างระหว่างวันแล้ว เชียนอี้ก็ทำหน้าที่ทุกอย่างเหมือนบ่าวรับใช้ส่วนตัวของเจ้านายทั่วไป ยกเว้นตอนเวลาอาบน้ำเท่านั้น
เวลานั้นนางจะถูกไล่ให้ไปพักแล้วค่อยมารับใช้ต่อหลังจากนั้นสองชั่วยาม
ครานี้เชียนอี้เพิ่งกลับมาจากไปพัก นางเดินเท้าเตรียมไปรอที่หน้าห้องพักผ่อนของเจ้านายซึ่งต้องผ่านเรือนอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ปิดทึบ
นางมองสตรีร่างสะโอดสะองสองนางเดินออกมาจากห้องอาบน้ำใหญ่ ทั้งสองคนใบหน้างดงาม ผิวขาวผุดผาดเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อทั่วกาย สีหน้าซีดเซียวดูเหนื่อยอ่อนอย่างเช่นคนเพิ่งใช้กำลังหนักจนใกล้หมดแรง
เชียนอี้มองแล้วก็ห้ามหัวให้เดากิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในห้องอาบน้ำขนาดใหญ่นั้นมิได้ ความอยากรู้อยากเห็นในกายเติบโตขึ้นทุกทียามนางเผชิญกับยามค่ำคืนที่นางได้ไปพักแต่เจ้านายหายเข้าห้องอาบน้ำพร้อมสตรีสองนาง
“อาเฟย รีบไปเตรียมที่นอนนายท่านได้แล้ว!”
พ่อบ้านยืนรอหน้าห้องพักผ่อนนานแล้วแต่ไม่เห็นสตรีร่างบางใบหน้าใสซื่อจึงเดินออกมาตาม
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยไปเดี๋ยวนี้”
เชียนอี้เตรียมชุดผ้าปูเตียง ผ้าห่ม และจัดที่นอนให้เจ้านายที่ทุกคนในจวนเรียกว่านายท่านไว้เรียบร้อย รอเจ้าของห้องเดินเข้ามาเชียนอี้ก็ก้าวเข้าไปช่วยเขาถอดชุดคลุมออกและเป็นหน้าที่ของพ่อบ้านเฉียงฮุยที่เช็ดผมยาวสลวยให้ ส่วนนางยืนมองข้างหลังอย่างสงบเสงี่ยม
เอาตามความจริงเลย ต้าไท่ฝู ผู้มีนามว่า ฉีหมิงผู้นี้ ต่างจากชาติก่อนที่เชียนอี้เข้าใจมาก ชาติก่อนนางได้เจอตัวจริงแบบไกลๆ ส่วนใหญ่จะได้ยินเรื่องราวผ่านคำพูดของผู้อื่น
ทุกคนต่างบอกว่าทรราชผู้นี้โหดเหี้ยม น่ากลัว และบ้าอำนาจถึงที่สุด นางจินตนาการว่าทรราชอย่างเขาต้องมีงานอดิเรกเป็นการทรมานคนด้วยซ้ำ แต่ในชาตินี้นางได้มาเป็นบ่าวส่วนตัวของเขากลับพบว่า เขามีความเมตตากับนางที่ความจำเสื่อมไม่พอ งานอดิเรกช่วงกลางวันของเขายังเป็นการเล่นพิณ เป่าขลุ่ย อ่านหนังสือ เขียนอักษร ยามเช้าออกไปฝึกวรยุทธิ์ มีแต่ตอนกลางคืนในห้องอาบน้ำใหญ่เท่านั้นที่นางไม่รู้ว่าเขาทำอันใด
ไม่เห็นตรงตามที่ชาติก่อนที่นางรู้จากปากคนอื่นสักเท่าไรเลย
“วันนี้เจ้ากลับไปพักเถอะ”
เสียงของโจวฉีหมิงเรียกเชียนอี้ให้ตื่นจากความคิด เขามองบ่าวรับใช้ส่วนตัวคนใหม่เดินออกไปจากห้องจนลับสายตา ก็เรียกองครักษ์เงาที่แฝงกายอยู่ข้างนอกให้เข้ามา
“รายงานนายท่านขอรับ ตอนนี้แม่ทัพเหลียงปราบโจรร้ายเสร็จสิ้นแล้วขอรับ คาดว่าวันพรุ่งนี้ก็จะตั้งทัพเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว”
ฉีหมิงเสมองนอกหน้าต่างนิ่ง เอ่ยคำถามต่อไปเสียงเรียบไร้อารมณ์โดยไม่หันมองลูกน้องที่รายงานอยู่สักนิด
“แล้วเรื่องที่ให้เฝ้าดู...”
“เรื่องนั้นข้าน้อยให้คนของเราสังเกตโดยรอบจวนพักตากอากาศแล้ว ตลอดหลายวันมานี้ไม่มีร่องรอยคนภายนอกสอดแนมเลยขอรับ คุณหนูใหญ่เหลียงผู้นี้คงมิใช่คนที่ท่านแม่ทัพเหลียงส่งมาจริงขอรับ และก็ดูเหมือนคนในจวนเหลียงเองหรือแม้กระทั่งท่านแม่ทัพเหลียงจะไม่รู้ด้วยว่าคุณหนูใหญ่เหลียงบาดเจ็บและอยู่ที่เรา ไม่มีฝั่งไหนส่งคนตามหาเลยทั้งทางลับที่ทางแจ้งขอรับ”
ฉีหมิงฟังแล้วยังแปลกใจเลยที่เรื่องเกี่ยวกับบ่าวรับใช้ส่วนตัวคนใหม่ของเขากลับทำนายพลาดเสียได้
“หากเป็นเช่นที่เจ้าสืบได้จริง อย่างนั้นแผนการของเราก็อาจไม่เป็นอย่างหวังแล้วน่ะสินะ...”
แน่นอนประโยคนี้เจ้านายเอ่ยแบบไม่ต้องการคำตอบ ฉีหมิงนั้นตั้งใจเก็บบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่เหลียงไว้เป็นตัวประกันเสียหน่อย แม่ทัพใหญ่ในเมืองหลวงล้วนมีฝ่ายแน่ชัดแล้วมีแต่แม่ทัพผู้มีนิสัยกล้าได้กล้าเสียผู้นี้แหละที่ยึดมั่นในคติตน ไม่เข้าฝ่ายใดเสียที เขากำลังคิดว่าสวรรค์เข้าข้างตน อยู่ดีดีก็พาแก้วตาดวงใจของตระกูลเหลียงมาส่งให้ถึงมือ แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นสวรรค์กลั่นแกล้งให้ดีใจเล่นเสียอย่างนั้น
“เช่นนั้นให้ทำอย่างไรกับคุณหนูใหญ่เหลียงดีขอรับ”
ในหัวของฉีหมิงคิดถึงสตรีนางนั้นที่ตั้งใจรับใช้เขาเต็มที่ทั้งวัน ไม่ว่านางนั้นจะไร้ความจำจริงหรือไม่นั้น ก็ล้วนเป็นสตรีที่น่าเวทนาทั้งสิ้น
“ไม่ต้องทำอันใด...”
ระหว่างพักอยู่นี่นานๆจะมีอาหารที่พอกินได้ หากไม่สามารถใช้เป็นตัวประกันในการยื่นข้อเสนอต่อรองต่อบิดาของนางได้จริง ก็ถือว่าค่าเลี้ยงดูที่เขาจ่ายก็คืออาหารที่นางทำให้ก็แล้วกัน...