บท
ตั้งค่า

1 จวนตากอากาศลึกลับ

ความรู้สึกแรกของเชียนอี้ที่รู้ได้หลังจากรู้สึกตัวคือ ความเย็นทั่วตัวราวมีใครเอาน้ำแข็งมาประคบตามจุดต่างๆของร่างกาย

เปลือกตาคล้ำซีดเปิดขึ้นทำให้เจ้าของมองเห็นบริเวณรอบข้าง ภาพตรงหน้าเปลี่ยนจากเบลอเป็นชัดเจนขึ้นตามลำดับ

พอสติแจ่มชัดขึ้นความเย็นวาบในตอนแรกเริ่มถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดทั่วกาย ยิ่งเพียงขยับน้อยนิดความปวดระบมก็ลากจากจุดที่ขยับไปยังจุดอื่น จนนางต้องกลับมานอนนิ่งๆอีกครั้ง

เชียนอี้คิดว่าตนกำลังนอนอยู่ในห้องไหนสักแห่ง ขนาดเล็กเท่านี้ ไม่เป็นห้องของชาวบ้านทั่วไป ก็ห้องของบ่าวในจวนขุนนางห้องหนึ่ง

นางคงถูกคนดีสักคนช่วยไว้แน่ บาดแผลและรอยช้ำทั่วกายก็ถูกรักษาด้วยสมุนไพรบางอย่างเช่นนี้ คงไม่ใช่คนเลวที่ใดกระมัง

คิดแล้วใจก็พลอยโล่งสบายขึ้น

อย่างน้อยก็ไม่ใช่หนีเสือปะหมาป่า นั่นแหละ

“โอ แม่หนูนั่นตื่นแล้วหรือ?”

เชียนอี้เหลือบตามองเจ้าของเสียงทันที ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงขยับทีก็เจ็บเมื่อครู่ลุกขึ้นเองจนเปลี่ยนจากท่านอนเป็นนั่งฉับพลัน ทว่ารอยยิ้มใจดีและดวงตาเปี่ยมด้วยความเมตตาของสตรีวัยกลางคนทำให้ร่างกายที่หดเกร็งเมื่อครู่ของเชียนอี้ผ่อนลงอีกครา

“ขอบคุณท่านป้าที่ช่วยข้าไว้เจ้าค่ะ ที่นี่ที่ไหนหรือ?”

เสียงแหบของคนนอนหลับมาตลอดวันทำเอาท่านลุงอีกคนที่ตามมารีบหมุนกายไปเทน้ำมายื่นให้เชียนอี้ทันที

“เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าที่นี่คือที่ใด เอาเป็นว่าพักผ่อนอีกสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวเรานำข้าวและยามาให้เจ้า รีบกิน รีบหายแล้วจะได้พาออกไปส่งในเมือง... ”

ท่าทางของลุงและป้าที่ทำเหมือนไม่อยากให้เชียนอี้รู้ว่าที่นี่คือที่ใดนั้น กระตุ้นต่อมความสงสัยของคนฟังมาก แต่นางก็ยอมทำตาม เอนกายลง รอจนพวกเขาจากไปแล้ว จึงลืมตาอีกครั้ง ในหัวคิดสิ่งที่ตนต้องทำให้อนาคตทันที...

ชาติที่แล้ว เชียนอี้เดินทางกลับจวนโดยการไปส่งของท่านผู้ว่าการที่ได้รับการยืนยันแล้วว่านางเป็นคุณหนูตระกูลเหลียงจริง ด้วยความที่บิดาของนางคือแม่ทัพใหญ่คนสำคัญของแคว้นจึงถูกต้อนรับอย่างดี ในใจของเชียนอี้ก็เบาสบายลงแล้ว

แต่ที่ไหนเลยพอกลับถึงเมืองหลวง นางรับรู้ถึงสายตาของชาวเมืองที่มองมา รวมถึงคนในตระกูลด้วย พวกเขาจากที่ไม่ใยดีคุณหนูใหญ่มารดาตายอยู่แล้ว ยิ่งทวีความเกลียดชังมากขึ้นเพราะนางทำให้ชื่อเสียงคุณหนูคนอื่นในตระกูลเสื่อมเสียลงไปด้วย

ในช่วงนั้นบิดานำกองกำลังไปปราบกองโจรอยู่ ในตระกูลจึงเหลือแต่สตรี คนมีอำนาจมากสุดอย่างท่านย่าก็มักหนีหายไปเข้าทางธรรมไม่ค่อยอยู่ติดจวน ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเชียนอี้เลยก็ว่าได้

ขั้วอำนาจสองขั้วอย่างฮูหยินรอง เฉินซื่ออิง อันมีอำนาจส่วนใหญ่ในการดูแลจวน และอนุเจียง ที่แม้นขึ้นชื่อว่าอนุแต่สถานะไม่ต่างจากฮูหยินรอง ตรงที่มีบิดารักใคร่เพราะอนุผู้นี้คือบ่าวอันเป็นคนสนิทของมารดานางเอง มารดาของนางมอบให้เป็นเมียคนที่สองในช่วงที่มารดากำลังตั้งครรภ์ พอมารดาของนางตายพื้นที่ในใจของบิดาก็เหมือนจะถูกแทนที่ด้วยอนุเจียงที่มีกริยาคล้ายคลึงกับมารดาของนางมากถึงแปดส่วน

สำหรับเชียนอี้นั้น นางที่ไร้คนคอยค้ำจุนมานานอีกทั้งมีสถานะตกต่ำลงจึงถูกสองฝ่ายเอาเป็นที่รองรับอารมณ์ เหตุการณ์น่าเจ็บปวดเหล่านั้นของเชียนอี้ในชาติก่อน ยังติดตรึงในหัวไม่คลาย

คุณหนูใหญ่ที่ไร้คนเข้าข้างอย่างนาง ตอบโต้ไปมีแต่ยิ่งทวีความไม่พอใจของฝ่ายตรงข้าม จึงทำได้เพียงโอนอ่อนรอบิดากลับมานางถึงจะพลอยมีชีวิตเป็นสุขได้บ้าง

แต่ชาตินี้ในเมื่ออำนาจเชียนอี้ยังไม่อาจสร้างได้ในเร็ววัน นางจึงต้องหลีกเลี่ยงชะตากรรมน่าเวทนาและข่าวการที่นางถูกลักพาตัวไปนี้ต้องเงียบที่สุด รวมถึงชะตากรรมการกลายเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ของผู้อื่น เชียนอี้ก็ต้องไม่ให้เกิดด้วย!

นางคิดว่าตนต้องถ่วงเวลาจนกว่าบิดากลับมาจากการไปปราบโจรร้ายค่อยหาทางกลับไป และต้องเป็นการกลับไปที่ไม่ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย มิเช่นนั้นอนาคตจะแต่งสามีดีคงเป็นไปได้ยากแล้ว

เชียนอี้จึงตัดสินใจว่าหนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ของนางคือการขออยู่ที่นี่...

พอสองสามีภรรยาเข้ามาพร้อมข้าวอีกรอบ เชียนอี้ก็เริ่มแผนการทันที

“ท่านป้า ท่านลุงเจ้าคะ ได้โปรดรับข้าไว้เป็นบ่าวของพวกท่านด้วยเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่มีเงินติดตัวแล้วจริงๆ ฮือ”

เชียนอี้พยายามทำหน้าตาให้น่าสงสารที่สุด แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผล

“พวกข้าก็เป็นบ่าวเช่นเดียวกัน ไม่สามารถรับเจ้าเข้าทำงานได้มั่วซั่วหรอก หากใครรู้เข้าจะลงโทษพวกเราที่เอาใครก็มิรู้เข้ามาในจวนได้ ต้องเสียใจกับแม่หนูด้วย”

“เดี๋ยวเจ้าหายป่วยแล้วตาเฒ่าจะพาเจ้าไปส่งข้างล่างเขาเอง เจ้าเพียงบอกว่าบ้านเจ้าอยู่ที่ใดก็พอเดี๋ยวพวกข้าช่วยออกข้ารถโดยสารไปส่งให้”

เชียนอี้ซึ้งใจในความหวังดีของคนทั้งสองจริงๆ ข้อเสนอที่ว่านั้นมิใช่ไม่ดี เพียงแต่ว่านางก็ต้องกลับตระกูลไวเสี่ยงต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของพวกคนในตระกูลในช่วงที่บิดาไม่อยู่อีก หรือหากนางอยู่ข้างนอกคอยเวลาก็ไร้เงินใช้สอย จะขอคนทั้งสองมากไปกว่านี้เชียนอี้ก็รู้สึกว่านางเอาเปรียบคนอื่นมากเกินไปแล้ว

อย่างไรนางก็คิดว่าการอาศัยอยู่กับพวกเขาชั่วคราวก่อนถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หากนางรอดกลับบ้านอย่างที่หวังรับรองว่าเชียนอี้จะกลับมาตอบแทนพวกเขาแน่

“ข้าก็อยากกลับบ้านเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าในหัวของข้านั้นว่างเปล่า... ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตนเองมีนามว่าอะไร หรือครอบครัวข้าอยู่ที่ไหนเจ้าค่ะ...”

ใช่แล้วเชียนอี้กำลังโกหกว่าตนเองความจำเสื่อมนั่นเอง...

นางหวังว่าพวกเขาจะเห็นใจนางมากขึ้นหน่อยล่ะนะ

สังเกตจากสีหน้าตื่นตระหนกของพวกเขาและตามมาด้วยความเวทนาจากสายตาสองคู่ ทำให้เชียนอี้ใจชื้น แววตาปลื้มปริ่มด้วยความหวังขึ้นมาบ้าง

“...”

บุรุษหนึ่ง สตรีหหนึ่งหันมองกันอย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร เชียนอี้ก็นั่งนิ่งมองสองคนตาปริบๆ ในใจนางก็ไม่อยากรบกวนพวกเขามากนักแต่หากไม่ทำเช่นนี้นางก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ตนเองอยู่รอดจนกว่าบิดาจะกลับจากไปปราบโจรร้ายแล้ว

“หากพวกท่านลำบากข้าก็ไม่รบกวนพวกท่านก็ได้เจ้าค่ะ แม้นว่าจะไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่หากเดินไปเรื่อยๆเจอคนรู้จัก หรือ เจอคนที่ข้าร่วมทางมาด้วยก็อาจจะจำข้าได้แล้วบอกว่าข้าต้องไปที่ใดต่อก็ได้เจ้าค่ะ...”

เชียนอี้หวังว่าพวกผู้หวังดีทั้งสองจะเข้าใจสิ่งที่นางต้องการอยากให้พวกเขานึกถึงนะ สภาพของเชียนอี้แย่เหมือนกำลังหนีบางอย่างจนบาดเจ็บมาเช่นนี้ หากออกไปเดินหาคนรู้จักจริงไม่แน่ว่าจะไปเจอคนที่ไม่หวังดีก็ได้

“เฮ้อ งั้นเอาเช่นนี้ เจ้าอยู่กับพวกข้าจนกว่าความจำจะกลับมาก่อนก็แล้วกัน หรือหากภายหลังเจ้ามีที่ที่อยากไปก็ค่อยเก็บเงินแล้วออกไปเถอะ”

ภายในใจเชียนอี้พองฟูไปแล้วแต่สีหน้ายังเคล้าน้ำตาและยิ้มยินดีแบบพอดีส่งไปให้

ชาตินี้นางโชคดีที่เจอสองสามีภรรยาใจดีทั้งสอง หากเริ่มต้นชาติใหม่ดีเช่นนี้ หนทางการหลีกหนีชะตาฮูหยินรองมิต่างอนุของหวงซวี่หนาน และชีวิตน่าอนาถก็มีความหวังแล้ว

...เชียนอี้คนนี้จะเปลี่ยนจากคนที่ปล่อยชีวิตไหลไปกับผู้อื่น เป็นตนเองนี่ล่ะกำหนดชะตาชีวิตเอง!

หลังจากนั้นมา เชียนอี้ก็พักผ่อนจนร่างกายคลื่อนไหวได้ปกติ ไม่รอให้บาดแผลแห้ง แค่หายป่วย ก็ขอออกไปทำงานแล้ว

สตรีวัยกลางคนที่ช่วยนางไว้ให้เรียกว่าป้าฟาง ส่วนฝ่ายสามีนางเรียกว่า ลุงฉี ทั้งสองเป็นบ่าวทำความสะอาดภายนอกของจวนตากอากาศแห่งนี้ สถานที่ที่เชียนอี้พักคือห้องว่างที่เรือนพักบ่าว ในจวนตากอากาศของเศรษฐีมีเงินมากท่านหนึ่ง เชียนอี้พยายามถามแล้วแต่ผู้มีพระคุณทั้งสองส่ายหน้าไม่บอก และเหมือนว่าจะไม่รู้จักด้วยซ้ำ

ในเมื่อสิ่งสำคัญของนางตอนนี้ก็คือใช้ชีวิตข้างนอกจวนชั่วคราวรอเวลาบิดาเดินทางกลับค่อยหาทางกลับตระกูล เช่นนั้นชื่อเจ้านายหรือเจ้าของจวนพักตากอากาศที่ใหญ่โตแห่งนี้นางก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก

ด้วยความที่ชาติก่อนไม่ว่าจะตอนอยู่จวนตระกูลเหลียงหรือจะแต่งออกไปเป็นของซวี่หนานแล้ว งานบ้านงานเรือน ก็ล้วนเป็นสิ่งที่นางต้องทำ การจำลองเป็นบ่าวตอนนี้จึงเป็นเรื่องง่ายกับนางราวปลอกกล้วยเข้าปากก็ไม่ปาน

หน้าที่ของเชียนอี้นั้นคือบ่าวผู้ช่วยในโรงครัว ด้วยความที่บ่าวผู้ทำหน้านี้ต้องทำงานหนักเลยมีน้อยและที่สำคัญเป็นตำแหน่งที่เจ้านายหรือพ่อบ้านผู้ดูแลในจวนพบเจอยากด้วย สองผู้มีพระคุณจึงฝากเชียนอี้เข้ามาทำงาน

นอกจากงานประจำวันที่นางต้องก่อฟืน เตรียมวัตถุดิบให้แม่ครัวทำอาหารให้เจ้านายแต่ละมื้อแล้ว หลังผ่านมาหลายสิบวันเชียนอี้ก็ปฏิบัติการหาพวกพ้องไปด้วย

นางอาศัยทำงานตามหน้าที่อย่างคล่องแคล่วไม่พอ ยามสหายบ่าวในครัวหยุดพัก เชียนอี้ก็ลงมือปรุงอาหารรสประจำที่ใครกินล้วนถูกใจอันมาจากประสบการณ์ที่เชียนอี้ต้องเอาใจแม่สามีและลูกเลี้ยงในชาติก่อน นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชาตินี้ ปรุงเสร็จก็นำไปให้สหายบ่าวอย่างเต็มใจ

เหนื่อยหน่อยแต่ผลตอบแทนดีเป็นที่น่าพอใจ

“อาเฟย ขนมนี่เจ้าตักมาหมดหรือยัง รสชาติกลมกล่อมเช่นนี้กินแล้วอยากกินอีกยิ่งนัก”

สหายบ่าวในครัวร่างท้วมอันถือว่าเป็นหัวโจกประจำครัวเอ่ยหลังจากยกซดน้ำในถ้วยหยดสุดท้ายจนหมด

เชียนอี้ที่เพิ่งนั่งพักได้ไม่นานเอง แม่นางหน้าโหดผู้นี้ก็คงอยากให้นางไปตักมาให้อีกนั่นล่ะ

“ยังมีอีกจ้ะพี่หยาง ข้าไปตักให้พี่นั่งรอนี่ล่ะ”

เป้าหมายในการทำรสชาติให้หัวโจกคนครัวผู้นี้ประทับใจสำเร็จแล้ว รสชาติขนมที่นางทำจริงๆก็ไม่ได้กลมกล่อมหรอก ติดจะหวานมากด้วยซ้ำ หากคนไม่ชอบกินหวานตักเข้าปากมีหวังกินคำเดียววางช้อนทันที

จากที่เชียนอี้สังเกตมา บ่าวในครัวส่วนใหญ่เป็นสตรีอีกทั้งมีรูปร่างท้วมไปจนถึงอ้วน นางจึงเดาว่าพวกเขาต้องมีความชอบในรสหวานเป็นพิเศษแน่ เพียงนำแป้งและเมล็ดพันธุ์ที่เหลือจากการทำอาหารให้เจ้านาย มาต้มใส่น้ำตาล ก็กลายเป็นขนมเลิศรสสำหรับบ่าวรับใช้ที่ไม่เคยกินของดีดีได้แล้ว

ดีที่นางทำไว้เยอะกว่าเก่า เพราะครั้งก่อนทำพอกินคนละรอบ พอมีใครขอเพิ่มนางไม่มีให้ก็ทำหน้าไม่พอใจกันแล้ว นางจึงรวบรวมของเหลือทั้งหมดและทำไว้หนึ่งหม้อเต็ม

แม้นางตักให้อาหยางคราวนี้ก็ยังเหลืออีกสองสามถ้วยเลยล่ะ

“มาแล้วๆ พี่กินหมดแล้วไม่พอยังมีอีกในหม้อน้า ข้าไปหยิบของที่ห้องพักก่อน”

ด้วยความที่เพิ่งผ่านการทำอาหารมื้อกลางวันให้เจ้านายไป บ่าวในครัวตอนนี้จึงว่าง และเป็นเวลาพักก่อนที่จะถึงเวลาเตรียมมื้อเย็นอีกรอบ สหายบ่าวคนอื่นหากกินข้าวกันเสร็จส่วนใหญ่ก็จะแยกย้ายไปนอนพักที่ห้องตนเช่นกัน

ณ ห้องเจ้าของจวนตากอากาศแห่งนี้ เจ้าของจวนอย่างผู้ที่ถูกชาวแคว้นขนานนามว่า ทรราชผู้โหดเหี้ยม ยามนี้เขากำลังนั่งลงประจำที่ ต่อหน้าอาหารหลายสิบอย่าง มือขวายกตะเกียบชิมอาหารทุกจานเปลี่ยนเรื่อยๆ สีหน้าไม่พอใจก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

ห่างออกไปมีบ่าวบุรุษรับใช้คนสนิทปจะจำจวนตากอากาศอย่าง พ่อบ้านเฉียงฮุยคอยยืนลุ้นว่าเจ้านายตนจะถูกปากหรือไม่กันอยู่

ยามเจ้านายออกมาจากการเก็บตนที่ถ้ำทางทิศเหนือของจวน อาหารที่เคยถูกปากมักจะไม่เป็นเช่นกันอีกต่อเสมอ

และมื้อกลางวันนี้ก็คือมื้อแรกของรอบปีนี้ อาหารตรงหน้าที่ถูกคีบขึ้นแตะเพียงลิ้น บางจานก็คีบขึ้นมาดมก็วางลง จนกระทั่งเจ้านายหน้านิ่งวางตะเกียบลงในที่สุด

“นำไปเททิ้งทั้งหมด แล้วเปลี่ยนมาใหม่ให้เร็วที่สุด”

เฉียงฮุยส่งสัญญาณให้บ่าวสตรีที่ยืนลุ้นไม่แพ้กับให้รีบเข้าไปยกอาหารทุกจานออกมา ส่วนตนก็ขอตัวเดินออกมาอย่างรีบเร่งมุ่งหน้าสู่โรงครัว

ทว่าความกลัวหนึ่งเดียวว่าบ่าวผู้รับผิดชอบทำอาหารจะแยกย้ายไปพักผ่อนแล้ว ก็กลายเป็นจริงเสียด้วย ในโรงครัวไร้ผู้คนไปแล้ว...

“เจ้ารีบไปเรียกหัวหน้าคนครัวมาทำอาหารชุดใหม่ให้นายท่านอย่างด่วนเลย!!!”

เฉียงฮุยสั่งบ่าวที่ตามมาเสร็จตนเองก็หมุนตัวเข้าโรงครัวมองหาอาหารหรืออะไรบางอย่างเพื่อจะนำไปให้นายท่านผู้ใจร้อนของตนก่อนที่อาหารชุดใหม่จะเสร็จ

เขาเปิดหม้อจนมาเจอว่ามีขนมอยู่หม้อหนึ่งเหลือติดก้นหม้อ เฉียงฮุยไม่สนว่าเป็นของเหลือหรือไม่แล้ว เพียงตักออกมาชิมหน่อยรสชาติไม่แย่ ก็รีบสั่งให้บ่าวตักใส่ถ้วยงดงามและพายกกลับไปที่ห้องกินอาหารของเจ้าของจวนทันที
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel