อีกฝั่งหนึ่งของโลกปัจจุบัน
ในใจก็คิดอยู่แต่เรื่องเงิน เรื่องหนี้สิน เรื่องความเป็นอยู่ในภายภาคหน้า ต่อให้เธอจะโสดสนิทยังไม่มีครอบครัวก็เถอะมันก็อดไม่ได้ที่จะบ่นให้บรรพบุรุษของเธอ
“ข้าวปลาอาหารเหล่านี้ก็ได้มาด้วยความยากลำบาก ถ้าคนเป็นได้กินก็คงอิ่มทั้งวัน แต่พวกท่านดูสินี่ฉันต้องเอามาให้พวกท่าน บรรพบุรุษตั้งแต่ชาติปางไหนกันไม่รู้จักไปผุดไปเกิดสักทีหรือยังไง ทำไมต้องรอให้ลูกหลานมาเซ่นไหว้ตลอดทุกปีด้วย เห้อลำบากเหลือเกินถ้าฉันมีเหลือกินเหลือเก็บ หรือว่าสามารถกินทิ้งกินขว้างได้ ฉันคงไม่มายืนบ่นให้พวกท่านแบบนี้หรอก ใด ๆ ก็อย่าถือสาลูกหลานที่ยากจนคนนี้เลยนะคะ เพราะอย่างไรเสียฉันก็คงเป็นลูกหลานรุ่นสุดท้ายแล้วค่ะที่จะมาไหว้พวกท่าน เพราะฉันจะไม่มีสามี ไม่มีลูก!!”
เซี่ยวหนิงอันที่คิดอะไรได้ก็บ่นไปเรื่อยเปื่อยตามประสาของเธอ ทั้งที่ไม่ได้คิดอะไรแต่ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาเพื่อให้มันได้ระบายความในใจสักนิดก็ยังดี
ในตอนที่กราบไหว้เสร็จแล้วนั้น เซี่ยวหนิงอันยืนมองหลุมศพและได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อย
“เอาไว้เมื่อไหร่ที่ลูกหลานคนนี้ได้ดีมีเงินล่ะก็จะกลับมาจัดการให้พวกท่านได้อยู่สบาย ไม่ต้องเสียค่าเช่าแบบนี้ เกิดวันไหนเขาไม่ให้เช่าพวกท่านจะไปนอนที่ไหนกันถึงวันนั้นฉันคงช่วยเหลืออะไรไม่ได้”
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้วนั้น ในตอนที่กำลังจะเดินออกมาอยู่ ๆ ก็มีฝูงอีกาจำนวนมากบินรายล้อมรอบศีรษะของเธอเหมือนกับเป็นสัญญาณเตือนอะไรสักอย่างที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่ามันคืออะไร เซียวหนิงอันได้แต่แหงนหน้ามองบนท้องฟ้าที่มีฝูงอีกาจำนวนมากบินเกาะกลุ่มกัน อีกทั้งเสียงของมันที่ร้องนั้นทั้งดูเย็นชา และน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ร้องทำซากอะไรกัน นึกว่าเป็นประเทศจีนในยุคไล่ล่าอณานิคมอย่างนั้นหรือยังไง ที่มีคนตายแล้วอีกาพวกนี้มาบินร้องและรุมทึ้งกินซากศพอย่างนั้นเหรอ บ้าบอที่สุด มาทางไหนก็ไปทางนั้นเลยเจ้าอีกาบ้า อ่อหรือว่าพวกเจ้าจะมารอกินหมูเห็ดเป็ดไก่สินะที่ผู้คนเอามาไหว้บรรพบุรุษกันอ่ะ เป็นอีกานี่ก็ดีเนอะไม่ต้องทำงาน รอกินอย่างเดียว”
เซี่ยวหนิงอันยืนมองฝูงกาที่บินอยู่เหนือศีรษะของเธอ พร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย วันนี้เป็นวันดีแท้ ๆ ที่เธอจะต้องไปงานมงคลสมรสของเพื่อนสาว แต่ดันต้องมาไหว้บรรพบุรุษอีกทั้งยังมาเจอฝูงกาเป็นจำนวนมากอีก
“หรือว่ามีลางร้ายอะไรหรือเปล่า คงไม่มีอะไรจะโชคร้ายไปกว่านี้แล้วมั้ง”
ในตอนที่กำลังเพิ่งพิจารณามองสิ่งที่ปรากฏอยู่เหนือท้องฟ้านั้น อยู่ก็มีเมฆฝนครึ้มขึ้นมา มันก่อตัวขึ้นมาจากท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าสีขาว ตอนนี้มันก่อตัวขึ้นมาอึมครึมมืดดำเต็มไปหมด อยู่ ๆ เซี่ยวหนิงอันก็ขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก
“ผีหลอกหรือเปล่า บรรพบุรุษเจ้าขาอย่าได้ถือโทษโกรธลูกเลยนะเจ้าคะ ลูกก็ปากโป้งไปอย่างนั้นเอง” เซี่ยวหนิงอันยกมือไหว้ฟ้าดินปลก ๆ ด้วยความกลัว เพราะเธอกำลังคิดว่าผีบรรพบุรุษต้องมาเล่นงานกับเธอแน่เพราะก่อนหน้านี้เธอเองก็ด่าเอาไว้ซะเยอะ
พลันเมื่อเธอเงยหน้ามองท้องฟ้าจู่ ๆ ก็มีสายฟ้าที่ฟาดลงมายังพื้นดินทำเอาเซี่ยวหนิงอันเป็นลมล้มฟุบหมดสติไปในที่สุด ทุกอย่างค่อย ๆ พร่ามัวและมืดไปจนดับสนิท เหมือนกับว่าทุกอย่างดับสูญสิ้นทุกอย่างขาวโพลนไปหมด
ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงรถพยาบาลที่ขับมาด้วยความเร็วเข้ามายังที่เกิดเหตุ...
“ท่านพี่ข้าว่าเรามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่สะใภ้กันเถิดเจ้าคะ ข้าจะช่วยท่านเอง”
น้องสาวของจางอี้ฟานบอกกับผู้เป็นพี่ที่เอาแต่ร่ำไห้ ทั้งที่ตอนเข้ามาก็บอกว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่สะใภ้แต่พอเอาเสื้อผ้ามาวางไว้ก็กลับร้องห่มร้องไห้อย่างหนักเข้าไปกว่าเดิม โดยไม่มีทีท่าว่าจะสงบได้เลยสักนิด
