เกิดใหม่ชาตินี้ขอเป็นสตรีร้ายกาจที่ร่ำรวย

46.0K · จบแล้ว
หลิ่งฟาง
42
บท
9.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เซี่ยวหนิงอันนึกท้อใจที่บรรพบุรุษของตนเองยากจนไม่อาจมีสมบัติใดทิ้งไว้ให้ลูกหลาน จึงได้แต่คิดว่าหากมีโอกาสไปอยู่ในยุคก่อนคงจะตั้งหน้าตั้งตาสร้างเนื้อสร้างตัวให้มาก เพื่อความสุขสบายของคนรุ่นหลัง ทว่าดูเหมือนฟ้ามีตา พระพุทธองค์เห็นความมั่นจึงได้พาหญิงสาวย้อนเวลากลับมาในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งยังพบว่าตัวนางมีลูกและสามี อีกทั้งยังกลายเป็นสตรีที่มีนามว่าเซี่ยวหมิงเยว่ไปแล้ว แต่นั่นคงไม่ย่ำแย่เท่ากับที่ว่าเซี่ยวหมิงเยว่คนเดิมนั้นเป็นที่ชิงชังของครอบครัวสามี ทั้งยังถูกมารดาสามีขูดรีดเงินอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นนางจะต้องทำทุกทางเพื่อนำพาสามีและลูกสาวตัวน้อยไปมีชีวิตที่ดี เพราะหากยังอยู่ที่บ้านเดิมมีหวัง ตัวนางก็จะแย่ไปด้วย หนทางข้างหน้ายากลำบากไม่เป็นไร ขอเพียงนางมุ่งมั่นสร้างตัว อนาคตที่สดใสและร่ำรวยย่อมรออยู่เบื้องหน้า เซี่ยวหนิงอันคนนี้จะลิขิตชีวิตของครอบครัวด้วยตนเอง และพร้อมที่จะจัดการใครก็ตามที่คิดร้ายต่อครอบครัวของตน

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณพลิกชีวิตนางเอกเก่งข้ามมิติเกิดใหม่ปลูกผักจีนโบราณมีลูกแม่ผัวลูกสะใภ้

ท่านแม่ของข้า 1

“เหยาเหยา อย่าไปไหนไกลนะลูกเกิดไปชนอะไรของท่านย่าเข้าจะโดนตำหนิเอาได้นะรู้ใช่ไหม” เซี่ยวหมิงเยว่ ผู้เป็นแม่เอ่ยปากบอกลูกน้อยในวัยเพียงสี่ขวบที่กำลังเล่นซุกซนบริเวณลานบ้านที่ตอนนี้นางผู้เป็นแม่กำลังเก็บฟืนเพื่อตุนเอาไว้ใช้ในฤดูหนาวที่จะมาถึงนั่นเอง

เพราะหากว่าไม่เตรียมไว้ล่ะก็ ยิ่งกว่าความหนาวก็คือแม่สามีคงได้ด่าทอนางจนแทบหายใจไม่ออกเป็นแน่ เช่นนั้นอาจจะหนาวเยือกเย็นกว่าฤดูหนาวก็เป็นได้อย่างแน่นอน

จางเซี่ยวเหยาเด็กน้อยวัยเพียงสี่ขวบเท่านั้นหันมายิ้มให้กับมารดาของนางด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเป็นอย่างมากพร้อมกับขานรับในสิ่งที่มารดาพูด

“เจ้าค่ะท่านแม่ เหยาเหยาไม่เล่นซุกซนหรอกเจ้าค่ะท่านแม่ไว้ใจได้”

จางเซี่ยวเหยาตอบมารดาก่อนจะวิ่งเล่นไปทั่วลานกว้าง เพราะนางไม่ได้ออกวิ่งเล่นที่ไหนไกลสักนิดนอกจากตัวบ้าน ท้ายสวน เท่านั้น

แต่เพราะว่าวันนี้ท่านพ่อออกไปตัดฟืนที่ท้ายภูเขาอีกลูกนางจึงต้องอยู่กับท่านแม่เพียงลำพัง บิดาไม่ได้ให้นางไปด้วยเพราะเกรงว่าจะลำบากเพราะเส้นทางไกลกว่าทุกครั้ง

แต่เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่อากาศที่ค่อนข้างร้อนเพราะเริ่มบ่ายแก่ เซี่ยวหมิงเยว่นั่งพักใต้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้กับที่เก็บฟืนก่อนจะหยิบผ้ามาซับเหงื่อของตน และชะเง้อไปที่หน้าบ้านเพื่อมองดูว่าผู้เป็นสามีจะกลับมาในตอนไหน

แต่เหมือนว่าอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัดทำเอาในตอนนี้เซี่ยวหมิงเย่ว เริ่มรู้สึกเหมือนกับคอแห้งผาดร่างกายเหมือนต้องการน้ำ นัยน์ตาทั้งสองข้างเริ่มพร่ามัวภาพ นางพยายามที่จะมองหาบุตรสาวตัวน้อยของนาง

แต่เสียงที่เปล่งออกมาแทบจะไม่มีเลยสักนิด มันแทบจะไม่มีแรงร้องเรียก เหยา เหยา บุตรสาวที่นางรักยิ่งกว่าสิ่งใดตอนนี้เหมือนเริ่มมองเห็นลูกด้วยสายตาที่พร่า และขาด ๆ หาย ๆ

“อาเหยา เหยาเหยาของแม่”

เซี่ยวหมิงเยว่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ก่อนจะฟุบลงข้างกองฟืนไปอย่างคนที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง นางรู้สึกใจหายวูบราวกับว่าหากนางหลับตาลงในครั้งนี้คงไม่อาจลืมตาขึ้นมาอีกครั้งได้

แต่น่าเสียดายอากาศที่ร้อนมากและร่างกายที่พักผ่อนไม่เพียงพอกลับไร้เรี่ยวแรงจะฝืน น้ำตานางไหลรินอย่างเงียบ ๆ ในห้วงจิตสุดท้ายกลับร่ำเรียกหาบุตรสาวตัวน้อยของนาง

เหยาเหยา แม่ขอโทษ...

ตุ๊บ !!

เสียงที่ดังทำเอาจางเซี่ยวเหยา หันมามอง แต่เมื่อเห็นแม่ที่นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น นางไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาแม่ของนางทันที

“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ ท่านเป็นอะไรไปท่านแม่”จางเซี่ยวเหยาร้องเรียก และเขย่าร่างแม่ของนางเอาไว้พร้อมกับหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาคนให้มาช่วย ครั้นจะทิ้งแม่ไว้ก็ไม่ได้

“ท่านแม่ ท่านแม่เป็นอะไรไปเจ้าค่ะ ท่านแม่อย่างทำแบบนี้ท่านแม่”

“ฮือ ฮือ...ท่านแม่อย่าทิ้งข้าไป” จางเซี่ยวเหยาร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ริมฝีปากเล็กสั่นสะท้าน ที่ทำได้แค่เรียก แม่ของนางเท่านั้น

“ท่านแม่อย่าเป็นอะไรไปนะเจ้าคะ ท่านแม่ ช่วยด้วยท่านย่า ท่านอามีใครอยู่ไหม”

เสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามา ทำเอาจางเซี่ยวเหยาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความดีใจที่มีคนมาเห็น เสียงวิ่งเริ่มมาใกล้ก็รู้ได้เลยว่าเป็นใคร ไม่รอช้าจางเซี่ยวเหยารีบร้องออกมาในทันที

“ท่านพี่ ท่านพี่แม่ข้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ท่านไปตามท่านพ่อให้หน่อยได้ไหมอยู่ที่ท้ายไร่”

จางเซี่ยวเหยาบอกกับเด็กชายวัยเพียงหกขวบที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนาง นั่นก็คือจางหยางกวงบุตรชายของน้องสาวของบิดาของนางนั่นเอง

“น้องพี่ เดี๋ยวพี่จะไปตามท่านลุงมาเองอย่าตกใจไป รอข้าสักประเดี๋ยวนะ”

ว่าแล้วหยางกวงก็วิ่งไปยังท้ายไร่อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อไปแจ้งข่าวกับท่านลุงของเขา กว่าจะไปถึงก็เล่นเอาเด็กน้อยอย่างหยางกวงหอบเหนื่อย เด็กหนุ่มยืนหอบอยู่ตรงหน้าของลุงของเขา

“เห้อ ๆ ท่านลุงขอรับ ท่านลุง”