บทที่ 5
ข่าวการตายของฮูหยินใหญ่แพร่สะพัดไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว เสียงกระซิบกระซาบและข่าวลือต่างๆ นานาเริ่มดังขึ้นในหมู่ชาวบ้าน บ้างก็ว่านางถูกผีน้ำคร่าชีวิต บ้างก็ว่านางมีศัตรูที่มองไม่เห็น และบ้างก็ว่านางถูกฆาตกรรม!
สำหรับข้า จ้าวฟางเซียน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือ แต่มันคือจุดพลิกผันที่สำคัญในชีวิตของข้า และเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขปริศนาแห่งโชคชะตาที่ผูกมัดข้าไว้กับหยางหลงเทียน
ท่านพ่อของข้ากลับมาจากจวนแม่ทัพด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ท่านไม่พูดอะไรมากนักนอกจาก "คดีนี้ซับซ้อนนัก"
ข้าเห็นความทุกข์ในดวงตาของหยางหลงเทียน เขานั่งเหม่อลอยอยู่ริมสระบัวของจวนข้า มือเล็กๆ กำหมัดแน่น ใบหน้าเปื้อนน้ำตา
"ฟางเซียน... เจ้าคิดว่าใครกันที่ทำเรื่องเลวร้ายกับท่านแม่ของข้า" เขาถามเสียงแผ่วเบา
ข้าเฝ้ามองเขาด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ในชาติก่อน ฮูหยินใหญ่ผู้นี้คืออีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจของข้า ผู้ที่ทำให้ข้าต้องตายอย่างอนาถ แต่ในชาตินี้... การตายของนางกลับเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่ๆ และที่สำคัญ หยางหลงเทียนกำลังเสียใจอย่างมากต่อการจากไปของผู้เป็นมารดา
"เจ้าต้องเข้มแข็งนะหลงเทียน" ข้าเอ่ยปลอบ น้ำเสียงของข้าอ่อนโยนกว่าที่เคยเป็น "ความจริงต้องปรากฏแน่"
หยางหลงเทียนเงยหน้าขึ้นมองข้า ดวงตาแดงก่ำ "แต่ข้าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเลยฟางเซียน"
นี่คือโอกาสของข้า! โอกาสที่จะใช้ความทรงจำและสติปัญญาจากชาติก่อน เพื่อช่วยเขา และเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคต
"หยางหลงเทียนเจ้าจำได้หรือไม่ว่าในวันเกิดเหตุ ท่านแม่ของเจ้าไปที่สระบัวด้วยเหตุผลใด" ข้าถาม
เขาพยายามนึกย้อนไป "ท่านแม่บอกว่าจะไปเดินเล่นชมดอกบัว แล้วก็ดื่มชาที่ศาลา"
"แล้วมีใครเห็นนางไปที่นั่นกับใครหรือไม่"
"ไม่มีใครเห็นเลย ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง" เขาตอบด้วยความผิดหวัง
ข้านิ่งคิด สิ่งที่ข้าจำได้จากชาติก่อนคือ ฮูหยินใหญ่สกุลหยางผู้นี้เป็นคนที่มีนิสัยระมัดระวังตัวสูง ไม่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว โดยเฉพาะในยามวิกาล หรือในที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่าน
"แล้วผู้ดูแลศาลาล่ะ มีใครเห็นสิ่งผิดปกติบ้างไหม" ข้าถามต่อ
หยางหลงเทียนส่ายหน้า "ท่านพ่อสั่งให้สอบสวนทุกคนแล้ว แต่ไม่มีใครให้การที่เป็นประโยชน์เลย"
ข้าหลับตาลง พยายามรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับจวนแม่ทัพใหญ่ และนิสัยใจคอของคนในจวน ข้าจำได้ว่าฮูหยินใหญ่มีบ่าวรับใช้คนสนิทที่ชื่อ หลินเซียง นางเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ภักดีต่อฮูหยินใหญ่มาก
"แล้วหลินเซียงล่ะ? นางอยู่ไหนในตอนนั้น" ข้าถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
หยางหลงเทียนนิ่งไปครู่หนึ่ง "หลินเซียง... นางบอกว่านางกำลังเตรียมอาหารเย็นให้ท่านแม่"
ข้ารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ การที่หลินเซียงไม่อยู่กับฮูหยินใหญ่ในเวลาที่สำคัญเช่นนั้น มันดูผิดวิสัย
"หลงเทียนเจ้าช่วยพาข้าไปที่ศาลาที่เกิดเหตุได้หรือไม่" ข้าตัดสินใจพูดออกไป
หยางหลงเทียนมองข้าด้วยความประหลาดใจ "เจ้าจะไปทำอะไรที่นั่นฟางเซียน? ที่นั่นมันน่ากลัวนะ"
"ข้าแค่อยากจะดูให้เห็นกับตา เผื่อจะเจอเบาะแสอะไรบางอย่าง" ข้าพยายามโน้มน้าว "เจ้าก็รู้ว่าข้าชอบสังเกตสิ่งต่างๆ"
ในที่สุด หยางหลงเทียนก็ยอมพาข้าไปที่จวนแม่ทัพใหญ่ เราทั้งสองคนแอบเข้าไปในจวนอย่างเงียบๆ เพราะจวนยังคงถูกปิดและมีทหารคอยเฝ้าอยู่
เมื่อไปถึงศาลาที่เกิดเหตุ ข้าเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด สระบัวยังคงเงียบสงบ แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนผิวน้ำที่นิ่งสนิท ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ข้าเดินไปที่ขอบสระ สังเกตรอยเท้าที่เปียกชื้นบนพื้นหิน และรอยขีดข่วนเล็กๆ บนราวบันไดไม้
"หยางหลงเทียนในคืนนั้น ท่านแม่ของเจ้าใส่รองเท้าอะไร" ข้าถาม
เขาครุ่นคิด "ท่านแม่ชอบใส่รองเท้าปักลายดอกโบตั๋นสีชมพู"
ข้าเดินสำรวจไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างศาลา ข้าก้มลงมอง และเห็นรอยรองเท้าเล็กๆ ที่ฝังตัวอยู่ในดินโคลนข้างพุ่มไม้ มันเป็นรองเท้าปักลายดอกโบตั๋น... แต่ขนาดของมันไม่ใช่ของผู้ใหญ่
เป็นรอยเท้าของเด็ก!
หัวใจของข้าเต้นระรัวอย่างรุนแรง พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เห็น มันหมายความว่าอย่างไร? ทำไมถึงมีรอยเท้าของเด็กอยู่ที่นี่ในคืนเกิดเหตุ?
ทันใดนั้น ภาพหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของข้า... ภาพของหยางหลงเทียนในวัยเด็กที่เคยพาข้ามาเล่นที่นี่บ่อยๆ และนิสัยของเขาที่มักจะอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ
แต่จะใช่เขาจริงๆ หรือ?
ข้าหันไปมองหยางหลงเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาดูหวาดกลัวและสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"หยางหลงเทียน... ในคืนนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน" ข้าถามออกไปช้าๆ พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
ใบหน้าของหยางหลงเทียนซีดเผือดลงทันที เขาหลบสายตาข้า และเริ่มตัวสั่น
"ข้า... ข้า..." เขาอ้ำอึ้ง
