บทที่ 2
ข้าใช้เวลาหลายวันในการทำความเข้าใจสถานการณ์ใหม่ของตัวเอง ทุกครั้งที่ข้าตื่นขึ้นมา ความจริงที่ว่าข้ากลับมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงวัยห้าขวบก็ตอกย้ำให้หัวใจข้ารู้สึกหนักอึ้ง
ข้ารู้จักชื่อตัวเองในชาตินี้แล้ว ข้ายังคงเป็น จ้าวฟางเซียน บุตรสาวของท่านเจ้ากรมคลังจ้าวซื่อหง และฮูหยินใหญ่ซุนเยว่ฮวา ซึ่งท่านทั้งสองก็คือบิดามารดาของข้าในชาติก่อน!
จวนเจ้ากรมคลังจ้าวที่ข้าอาศัยอยู่ไม่ได้ใหญ่โตโออ่าเท่าจวนแม่ทัพใหญ่ แต่ก็ร่มรื่นและอบอุ่นกว่ากันเป็นไหนๆ ข้าเริ่มสังเกตสิ่งรอบตัวอย่างละเอียด จดจำใบหน้าของคนในจวน จำตำแหน่งห้องหับต่างๆ จำกิจวัตรประจำวันของบิดามารดาและเหล่าคนรับใช้
เสี่ยวหว่านยังคงเป็นเงาตามตัวข้าไม่ห่าง นางเป็นเด็กสาววัยสิบขวบที่ซื่อสัตย์และอ่อนโยน นางคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ คอยดูแลข้าไม่ให้คลาดสายตา ทุกครั้งที่นางยิ้ม ดวงตาของนางจะทอประกายความบริสุทธิ์ ทำให้หัวใจที่เคยด้านชาของข้าเริ่มอ่อนโยนลงบ้าง
"คุณหนูเจ้าคะ อยากออกไปเดินเล่นในสวนหรือไม่เจ้าคะ วันนี้อากาศดีนัก" เสี่ยวหว่านเอ่ยชวน ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ข้าพยักหน้าเบาๆ การเดินเล่นในสวนช่วยให้ข้าได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ คนรับใช้ในจวนแห่งนี้ล้วนมีใบหน้าคุ้นตา พวกเขาดูแลข้าด้วยความรักและความเอ็นดูอย่างแท้จริง ต่างจากเหล่าบ่าวรับใช้ในจวนแม่ทัพที่มองข้าด้วยสายตาเย็นชาและแฝงไปด้วยความรังเกียจเมื่อข้าตกอับ ไร้ที่พึ่งพิง
ทุกๆ วัน ข้าจะพยายามสังเกตและเรียนรู้ให้มากที่สุด ข้าฟังบิดากับมารดาพูดคุยกันถึงเรื่องราชการ เรื่องการค้า และเรื่องราวในสังคม ข้าเริ่มปะติดปะต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตเข้าด้วยกัน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดข้าจึงถูกใส่ร้าย และใครคือเบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด
แล้ววันหนึ่ง สิ่งที่ข้าไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึง
"คุณหนูเจ้าคะ คุณชายหยางจากจวนแม่ทัพใหญ่มาขอเข้าพบเจ้าค่ะ" เสี่ยวหว่านวิ่งหน้าตาตื่นมาบอก
หัวใจข้าหล่นวูบ! หยางหลงเทียน! ในชาติที่แล้ว เขาก็คือบุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่ ผู้ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสามีของข้า และเป็นต้นเหตุของความทุกข์ระทมทั้งหมด
ข้ารีบซ่อนตัวอยู่หลังเสี่ยวหว่าน พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าไม่อยากเจอเขา ไม่อยากผูกสัมพันธ์ใดๆ กับเขาอีกแล้ว
"คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ ทำไมถึงได้ตัวสั่นขนาดนี้" เสี่ยวหว่านถามด้วยความเป็นห่วง
"ข้า...ข้าไม่สบาย" ข้าแกล้งไอเล็กน้อย
แต่ดูเหมือนคำอ้างของข้าจะไม่ได้ผล เพราะไม่นานร่างเล็กๆ ของเด็กชายคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในห้องโถง ใบหน้าคมคาย ดวงตาฉายแววฉลาดเกินวัย นั่นคือ หยางหลงเทียนในวัยเจ็ดขวบ เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมเนื้อดี ดูสะอาดสะอ้านและสง่างามสมเป็นบุตรชายแม่ทัพ
"จ้าวฟางเซียน! มาเล่นกันเถอะ" หยางหลงเทียนเอ่ยเรียกด้วยเสียงสดใส พร้อมรอยยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันกระต่ายน่ารัก
ข้ารู้สึกเหมือนมีใครเอาหินหนักๆ ทับอก ข้าไม่อยากเจอเขา แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะไม่เป็นใจ จวนเจ้ากรมคลังจ้าวอยู่ติดกับจวนแม่ทัพใหญ่ ทำให้เด็กทั้งสองบ้านต้องไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้งในฐานะเพื่อนบ้าน
เมื่อเห็นว่าข้าหลีกหนีเขาไม่พ้น ข้าก็คิดในใจว่า "ในเมื่อข้าไม่อาจหลีกหนีจากเขาได้ สู้ข้าทำดีกับเขาให้มากเข้าไว้ดีกว่า"
ใช่! การทำดีกับเขาในชาตินี้อาจจะช่วยเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของข้าในอนาคตได้ ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เรื่องราวเลวร้ายในอดีตซ้ำรอยอีก
ข้าค่อยๆ เดินออกจากหลังเสี่ยวหว่าน บังคับให้ตัวเองยิ้มและเอ่ยทักทายหยางหลงเทียน "คุณชายหยาง ท่านมาได้อย่างไร"
หยางเฟยหลงเดินตรงเข้ามาหาข้าด้วยรอยยิ้มที่ไม่เปลี่ยนแปลง "ข้าอยากมาเล่นกับเจ้า เมื่อวานท่านแม่บอกว่าเจ้าไม่สบาย วันนี้หายดีแล้วหรือ"
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยจริงใจ ทำให้หัวใจที่เคยแข็งกระด้างของข้าอ่อนยวบลงเล็กน้อย ข้าไม่คิดว่าหยางเฟยหลงในวัยเด็กจะน่ารักและบริสุทธิ์ขนาดนี้
"หายดีแล้ว ขอบคุณคุณชายหยางที่เป็นห่วง" ข้าตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด
"คุณชายหยางอะไรกัน นี่หัวเจ้ากระแทกด้วยหรือ ปกติเจ้าเรียกข้าว่าพี่เทียนต่างหาก"
"พะ...พี่เทียน"
นับตั้งแต่วันนั้น หยางหลงเทียนก็มักจะแวะเวียนมาที่จวนของข้าอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งเขาก็ถือขนมอร่อยๆ มาฝาก บางครั้งก็ชวนข้าไปเล่นเกม หรือเล่านิทานสนุกๆ ให้ฟัง เขามักจะใช้เวลาอยู่กับข้ามากกว่าเด็กคนอื่นๆ และดูเหมือนจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ข้า
ข้าเฝ้ามองเขาเติบโตขึ้นทุกวัน และในใจของข้าก็บังเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ การทำดีกับเขาไม่ใช่เรื่องยาก แต่การไม่เผลอใจไปผูกพันกับเขาต่างหากที่เป็นเรื่องยากที่สุด
ข้าจะทำอย่างไรดี? จะทำอย่างไรให้ข้าหลีกหนีจากโชคชะตาที่เคยรังควานข้าได้?
