ตอนที่ 4 ออกจากบ้านตระกูลไป๋
ตอนที่ 4 ออกจากบ้านตระกูลไป๋
"อ๊ากกก !! โอ๊ย ๆ ๆ นี่จะฆ่ากันหรือยังไง " เสียงพ่อสามีร้องเสียงหลงเมื่อสองเท้าของอวี้หรานเหยียบลงกลางหลัง แม่สามีที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงสามีร้องอย่างเจ็บปวดรีบวิ่งมาดูทันที
“เกิดอะไรขึ้น ”
“จะเกิดอะไรขึ้นกันคะ ฉันแค่ทำให้พ่อสามีหายปวดหลังตามที่ต้องการแต่เป็นคุณพ่อต่างหากที่อดทนไม่มากพอ ทำนิด ๆ หน่อยก็ร้องแหกปากทำเอาคุณแม่ต้องตกใจ”
“ไม่จริง เธอจะฆ่าฉัน ใครเขาให้เอาเท้าไปเหยียบบนหลังแบบนั้นโอ๊ย.. หลังของฉันน่าจะหักขยับไม่ได้เลย ซินหย่าช่วยจัดการนังลูกสะใภ้ตัวดีคนนี้ให้สำนึกที” ไป๋ฉินเหยียนขยับกายจะลุกขึ้นนั่งทว่าหลังของเขาเจ็บร้าวไปหมด โมโหจนแทบอยากจะทุบตีอวี้หรานด้วยตัวเอง
“คุณพ่อทำไมเป็นคนอย่างนี้ละคะ คุณพ่อเป็นคนที่ใช้ฉันนวดเองนี่น่า ไม่น่าจะใช่ความผิดของฉันเสียหน่อย”
“หุบปากเดี๋ยวนี้ฉันคิดเอาไว้แล้วตั้งแต่เรื่องกับข้าว วันนี้เธอจงใจทำเรื่องแบบนี้ใช่มั้ย ”
“ฮึ ฮึ ใช่แล้วจะทำไมคะ วันนี้ฉันอวี้หรานจะไม่อยู่ที่นี่ ฉันจะไม่เป็นคนรับใช้คอยดูแลคนแก่สองคนนี้อีกต่อไป มือเท้าก็มีแรงก็เยอะคงจะดูแลตัวเองจนวันตายได้ ”
“พูดอะไรของแกกันห่ะ แกเป็นสะใภ้ตระกูลไป๋จะไปไหนได้ มานี่เดี๋ยวนี้เลยวันนี้ต้องสั่งสอนให้รู้จักสำนึก ผู้หญิงจน ๆ อย่างแกไม่มีใครบ้านไหนต้องการไปเป็นลูกสะใภ้ทั้งนั้น ” ไป๋ซินหย่าพยายามจะวิ่งเข้ามาจิกหัวอวี้หรานเพื่อตบสั่งสอนมีหรือที่เธอจะยอม ร่างเล็กหลบได้อย่างหวุดหวิดก่อนจะทีบหลังแม่สามีล้มลงทับพ่อสามีที่กำลังจะลุกขึ้นล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นทั้งคู่
“เมื่อก่อนอาจจะใช่ฉันคือสะใภ้ตระกูลไป๋ แต่ตอนนี้ฉันจะเลิกเป็นและคนแก่หนังเหนียวอย่างแกไม่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ ฉู่อี้ลูกชายของฉันจะต้องไปกับฉันด้วย คนในบ้านตระกูลไป๋ไม่มีสิทธิ์ แม้จะไปแจ้งความก็ไม่มีทางที่จะพรากฉันจากฉู่อี้ได้ อย่าลืมไปเสียละว่าฉันกับไป๋หงเทียนไม่ได้จดทะเบียนสมรสดังนั้น ฉันมีสิทธิ์ในตัวของฉู่อี้เพียงผู้เดียว และไม่ยอมโง่เสียเวลาส่งเสียงูเห่าอย่างไป๋หงเทียนอีกต่อไป อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องชั่ว ๆ ของคนบ้านไป๋ ต่อจากนี้เราตัดขาดกัน” พูดจบอวี้หรานเดินเข้าไปอุ้มเด็กชายและเดินไปที่ห้องเพื่อเอากระเป๋าพร้อมเงินที่เธอเก็บเอาไว้ส่งเสียให้สามีเรียน สองเท้าเดินออกจากบ้านตระกูลไป๋อย่างไม่เหลียวหลัง คำด่าทอของพ่อแม่สามียังคงดังขึ้นต่อเนื่องชาวบ้านเริ่มออกมามองดูกันด้วยความอยากรู้ แต่อวี้หรานไม่ได้ใส่ใจต่อให้คนอื่นมองเธอเป็นหญิงที่ชั่วร้ายทิ้งพ่อแม่สามีที่แก่ชราในระหว่างที่สามีไปร่ำเรียนก็ไม่ได้สนใจ เพราะทุกคนไม่ได้รับรู้ความชั่วร้ายของคนในบ้านหลังนั้นได้ดีเท่าเธอ
เด็กน้อยเงยหน้ามองแม่ด้วยรอยยิ้มดีใจคิดว่าแม่จะพาตัวเองไปเที่ยว
“ไปเที่ยว ไปเที่ยวใช่มั้ยครับ”
“ใช่แล้วจ้ะ ต่อจากวันนี้เราสองคนแม่ลูกจะออกเดินทางไปเที่ยว ชีวิตของเราจะเริ่มต้นใหม่ไม่มีใครมาพรากเราสองคนแม่ลูกได้อีกและต่อจากนี้แม่จะทำทุกอย่างเพื่อลูกมากกว่าคนอื่น” อวี้หรานสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดจ้องมองใบหน้าของลูกชายอย่างเข้มแข็ง เธอเดินไปที่ป้ายรถประจำทาง เดินทางเข้าในเมือง ไปสานฝันของเธอที่เธอเคยละทิ้งไปเมื่อครั้งก่อน
อวี้หรานเดินทางมาที่มณฑลเก๋อซิน เธอไปสำนักข่าวที่เธอเคยไปสมัครงานและได้รับคัดเลือกไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีตำแหน่งว่างหรือไม่ ? เมื่อมาถึงสำนักข่าวหลี่หยวน อวี้หรานเริ่มกังวลจับมือของเด็กชายตัวน้อยเดินเข้าไปด้านใน ทุกสายตาจับจ้องมองเธอด้วยความสงสัย เธอตรงไปที่เข้าประชาสัมพันธ์ยื่นจดหมายการเรียกตัวของเธอให้ประชาสัมพันธ์ได้อ่าน
“เวลาที่จดหมายนี้ส่งไปเป็นเวลา หลายปีแล้วเธอต้องการทำงานตำแหน่งนี่หรือคงยากหน่อยนะเพราะเวลาก็ผ่านมาเนินมากเหลือเกินตำแหน่งที่เธอต้องการมีคนครบทุกตำแหน่ง ”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ไม่มีตำแหน่งอื่นว่างเลยหรือคะ ฉันสามารถทำอะไรก็ได้ไม่เลือกงาน”
“เรื่องนี้ฉันไม่สามารถตอบตกลงได้หรอกนะ ฉันจะพาเธอไปหาผู้จัดการว่าตอนนี้มีตำแหน่งอื่นทำให้หรือเปล่า แต่ว่าที่นี่ไม่ให้พาเด็กเข้ามาเลี้ยงนะ”หญิงสาวพูดพร้อมจ้องมองไปที่ฉู่อี้กลัวว่าเด็กน้อยจะเข้ามาวุ่นวายและทำให้เสียการเสียงาน เรื่องนี้อวี้หรานรู้ดี เธอคิดว่าหากที่นี่รับเธอทำงานเธอจะหาสถานที่รับเลี้ยงเด็กและไปฝากเขาเลี้ยงเพื่อที่เธอจะได้ทำงาน เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น ขอเพียงตอนนี้ขอให้เธอได้งานเสียก่อน
“ฉันทราบค่ะ” หญิงสาวพาอวี้หรานเดินเข้าไปด้านในเดินขึ้นชั้นที่สองของสำนักงาน ตอนนั้นเธอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายระหว่างเดินไปห้องผู้จัดการ
“แล้วอย่างนี้เราจะทำยังไงกันดี โอ้ย ! ทำไมถึงเป็นอะไรวันนี้ด้วยรู้หรือไม่ว่าข่าวนี้ต้องดังแค่ไหน นักข่าวคนอื่นมีมั้ยรีบหามาเดี๋ยวนี้อีกไม่กี่นาทีรายการอ่านข่าวสดจะเริ่มแล้วด้วย” เสียงเข้มขรึมดังขึ้นตวาดใส่ทีมงานอย่างโมโห
หญิงสาวที่พาอวี้หรานสงสัยจึงบอกให้เธอรออยู่ตรงนี้สักครู่เธอจะเข้าไปสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าก่อน
“เธอรอตรงนี้สักครู่นะ”
“ได้ค่ะ” เธอเดินเข้าไปและได้รู้ว่าคนที่ประกาศข่าวสดวันนี้จู่ ๆ ก็ลากะทันหัน ทำให้ต้องรีบหานักข่าวคนอื่นมาทำหน้าที่แทน ทว่าตอนนั้นเองก็มีเสียงตะโกนขึ้นมาใบหน้าแตกตื่น
“พี่เวินฉันไปถามทุกคนแล้วไม่มีนักข่าวคนไหนว่างเลยค่ะ บางคนก็ออกนอกพื้นที่ทำข่าว”
“ให้ตายเถอะ แล้วอย่างนี้เราจะทำยังไงกันดี” หญิงที่พาอวี้หรานเข้ามายืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา
“ฉันรู้แล้วค่ะจะให้ใครมาประกาศข่าววันนี้”
“ตอนนี้ไม่มีนักอ่านข่าวสักคนมีแค่ทีมงานเบื้องหลังเธอจะหามาจากไหน”
“นู้นไงคะ” หญิงสาวชี้นิ้วมาทางอวี้หรานในเมื่อเธอต้องการมาทำงานเป็นนักอ่านข่าว หากครั้งนี้เธอรับมือและประกาศข่าวออกมาดีรับรองว่าผู้จัดการต้องรับเธอเข้าทำงานแน่นอน เหมือนว่านี่คือการสัมภาษณ์งานของอวี้หราน
“นั่นนะหรือคนจะมาอ่านข่าว ดูไม่ได้สักนิดจะอ่านข่าวได้มั้ย ปวดหัว ๆ ” เพียงปรายสายตามองอีกฝ่ายเขาก็ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่ลองไม่รู้นะคะหรือว่าพี่เวินจะอ่านเอง จับแต่งตัวใหม่แต่งหน้าใหม่ก็ดูดีไม่น้อยแล้ว ส่วนเรื่องการอ่านข่าวฉันว่าผู้หญิงคนนั้นทำได้เพราะผ่านการคัดเลือกจากสำนักข่าวเราเมื่อสามปีที่แล้ว ” ชายที่ชื่อเวินไม่อาจจะอ่านข่าวได้อย่างที่หญิงสาวบอกจึงยอมทำตามข้อเสนอ
“อย่างนั้นก็รีบจัดการแต่งตัวแต่งหน้าเถอะเหลือเวลาอีกแค่ 10 นาที เอาข่าวพวกนี้ให้เธออ่านระหว่างแต่งหน้าด้วย” พี่เวินยื่นกระดาษเนื้อหาของข่าวที่ต้องถ่ายทอดวันนี้ให้แก่หญิงสาวเธอเดินตรงเข้ามาหาอวี้หรานพร้อมยื่นให้เธอ
“วันนี้คือวันที่จะตัดสินว่าเธอจะได้ทำงานที่นี่หรือไม่ ทำให้เต็มที่ล่ะ ฉันพยายามช่วยเธอแล้วนะผลจะออกมาเป็นอย่างไรอยู่ที่เธอแล้ว ส่วนเด็กชายฉันจะดูให้ระหว่างที่เธออ่านข่าวสด เจี่ยเจี่ยมาพาอวี้หรานไปแต่งตัวเวลาเรามีจำกัดเร็วเข้า” หัวใจของอวี้หรานเต้นตึกตักไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ ตัวเองจะได้เริ่มงานตั้งแต่วันแรกแบบนี้ และยังเป็นการอ่านข่าวสดเธอจะไม่สามารถทำผิดพลาดได้แม้แต่นิดเดียว หากผิดพลาดเธอเองจะพลาดโอกาสนี้เช่นเดียวกัน อวี้หรานสูดลมหายใจเฮือกใหญ่พร้อมแล้วที่เธอจะทำตามความฝันของตนเอง
“ฉู่อี้อยู่กับพี่สาวคนสวยคนนี้ก่อนนะ แม่ขอทำงานสักครู่หากเราได้งานนี้แม่จะพาลูกไปซื้อขนมอร่อยๆ”
“ได้ครับ” เด็กชายยิ้มกว้างให้ผู้เป็นแม่อย่างว่าง่ายและโชคดีที่ฉู่อี้เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่งอแงยอมจับมือของพี่สาวคนสวยไปนั่งคอยแม่ของตนเอง
