บทที่9 อุทกภัยร้ายแรง
เจอเยียนออกมาจากคอนโดก็มายืนอยู่บนเนินเขาที่น้ำท่วมไม่ถึง รอบๆตัวเขาเต็มไปด้วยน้ำที่ยังไม่ลด ชายหนุ่มเดินไปรอบๆก็เห็นหลังคาบ้านของบ้านถังอยู่ไกลๆแต่ตอนนี้น้ำได้ท่วมไปจนถึงหลังคาบ้านพอมองไปบ้านหลังอื่นก็ไม่ต่างกัน
น้ำท่วมถือว่าสาหัสมากที่เดียว ไม่รู้ชาวบ้านหนีน้ำกันทันมั้ย 2วันแรกขึ้นไม่ถึงกับมาก แต่พอฝนที่ตกลงมาไมีหยุดทำให้ระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นจนพวกเขาเกือบเก็บของไม่ทัน
ชายหนุ่มเดินย้อนกลับไปบนเนินเขาแล้วเดินขึ้นไปบนเขาเพื่อหาหญ้าให้สัตว์ เขาเดินดูรอบๆเผื่อจะเจอชาวบ้านที่ขึ้นมาหลบบนภูเขา จนมาเจอชาวบ้าน4ครอบครัว ที่หนีขึ้นมาทัน
"เจอเยียนใช้หรือไม่นั้น?"ป้าหู่เอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินไปใกล้
"ขอรับ แล้วชาวบ้านคนอื่นละขอรับ"
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนน้ำขึ้นสูงก็มัวแต่ขนของหนีน้ำ แต่เห็นหลายครอบครัวก็ขนของหนีแต่ไม่รู้ไปทางไหนกันบ้าง"ตอนนั้นมันชุลมุนมาก ชาวบ้านต่างก็ขนของหนีน้ำเพราะน้ำขึ้นไม่หยุดและฝนก็ยังคงตกไม่หยุด จนทำให้ไม่สามารถชนใจใครได้เลย
"แล้วพวกเจ้าไปหลบอยู่ไหนรึ?"
"พวกข้าหลบอยู่อีกฟากของภูเขาขอรับ ข้าออกมาหาอาหารเลยลองเดินดูรอบๆเผื่อเจอชาวบ้านคนอื่น"
"ไม่รู้เมื่อไรน้ำจะลด ฝนก็ไม่ยอมหยุดตก ดีนะเช้านี้ยอมหยุดให้บ้าง"
"เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ"
เมื่อแยกจากชาวบ้าน เจอเยียนก็เดินหาหญ้าให้สัตว์เลี้ยงและเดินดูรอบๆภูเขาก็เห็นชาวบ้านอีกกว่า10ครอบครัวที่หนีน้ำขึ้นมาอยู่บนภูเขา ก่อนจะกลับเข้าไปในคอนโดเล่าเรื่องราวให้น้องพี่น้องฟัง
"น้ำท่วมสูงขนาดนั้นเลยหรือ?"
"ขอรับ น้ำท่วมถึงหลังคาบ้าน ตอนที่ไปเจอชาวบ้านพวกเขาบอกฝนเพิ่งหยุดตกเมื่อเช้า"
"น้ำท่วมครั้งนี้ถือว่าสาหัสนัก ไม่รู้จะท่วมอีกนานเท่าใด"บ้านพวกนางท่วมขนาดนี้ ต้องใช้ตำลึงมากในการซ้อมแซมแนๆ
"หรือจะไปหัวเป่ยบ้านที่บ้านข้าดี "
"ก็ดีเหมือนกันนะเจ้าคะ ตอนนี้บ้านเราน้ำท่วมหนักมาก ไปตั้งหลักใหม่ก็อาจจะดีนะพี่ใหญ่"
"แต่เดินทางตอนนี้มันจะลำบาก รอให้น้ำลดก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า"
ด้วยเหตุนี้เจอเยียนเลยออกไปดูลาดเลาและหาหญ้ามาให้สัตว์เลี้ยงทุกวัน บ้างวันก็พาไป๋เฟิ่งสลับกับไป๋เสวียนออกไปเป็นเพื่อนเพื่อดูสถานการณ์ มีบ้างที่เดินไปคุยกับชาวบ้านที่หลบอยู่บนเขา ไป๋เฟิ่งถึงรู้จากป้าตูว่าแม่เฒ่าเหลียงหนีไม่ทันนางถูกน้ำซัดจนร่างหายไปต่อหน้้าต่อตาและชาวบ้านอีกหลายคนก็หายไปกับน้ำ ส่วนบ้านฉีก็เก็บของไม่ทัน หนีมาได้แต่ของมีค่าเท่านั้นเพราะบุตรชายที่ไม่เอาไหนไม่ยอมช่วยเก็บของแต่หนีเอาตัวรอดไปก่อน ทำให้เสบียงอย่างอื่นเก็บมาไม่ทัน แล้วอีกหลายครอบครัวก็เก็บได้แต่ของมีค่าติดตัวและเสบียงบางส่วน
"พวกเจ้ายังดูดีไม่สภาพแย่เหมือนพวกข้าเลยนะ"ป้าฉีมองไป๋เฟิ่งที่ยังดูดีเนื้อตัวสะอาดไม่มอมแมมอย่างที่ควรจะเป็น
"เพราะข้าไม่ยอมให้นางทำอะไรนองจากเลี้ยงหยางหย่างขอรับ"เจอเยียนรีบแก้ตัวให็หญิงสาว
"เป็นวาสนาของไป๋เฟิ่งจริงๆที่ได้เจอเยียนช่วยดูแล"ป้าตูเอ่ยชื่นชม นางเห็นตอนเดินเจอเยียนจะค่อยจับมือไป๋เฟิ่งไม่ให้ล้ม แถมนางยังไม่ได้สะพายอะไร
"พวกเจ้าอยู่กันเพียงลำพัง ถ้าไงก็มาอยู่กับพวกเราดีมั้ย?"ป้าฉีเอ่ยชวนด้วยคิดว่าพวกบ้านถังคงมีเสบียง บางทีนางอาจขอหยิบยืมมาก่อน
"ยังไงเดี๋ยวพวกเราไปถามพี่ใหญ่ก่อนนะเจ้าคะ" ไป๋เฟิ่งตอบอย่างเลี่ยงคำตอบ ในป่ายุงเยอะ นางไม่อยากให้ไป๋หย่างมาถูกแมลงกัด อยู่ในบ้านของเจอเยียนก็ดีอยู่แล้ว
พอแยกจากชาวบ้านเจอเยียนก็พาไป๋เฟิ่งเดินดูในป่าลึกว่ามีหญ้าให้เหล่่าสัตว์มั้ย เจอเยียนเดินจุงมือไป๋เฟิ่งไว้ตลอดด้วยกลัวนางจะลื้นล้ม
ไป๋เฟิ่งเดินดูรอบๆมองหาเผื่อจะเจอสมุนไพรมีค่า นางเดินหารอบๆจนเหมือนเห็นเป็นโพรงถ่ำ นางก็เดินเข้าไปดู ส่วนเจอเยียนเห็นมีดอกกล้วยไม้ขึ้นอยู่บนกิ่งไม้ เขาอดนึกถึงคู่หมั้นไม่ได้เลยปีนขึ้นไปเด็ดดอกกล้วยไม้มาฝากคู่หมั้นสาว แต่พอมองไปหาหญิงสาวก็เห็นนางเดินเข้าไปใกล้โพรงถ่ำ เขาเลยเดินตามเข้าไปใกล้
"เฟิ่งเอ๋อ เจ้าเข้ามาทำไมหรือ?"
"ข้าเห็นมีถ่ำเลยเข้าดูนะเจ้าคะ พี่เจอเยียนดูสิเจ้าคะ ในนี้เหมาะที่เราจะบอกใครได้ว่าเราหลบอยู่ในนี้"ถ่ำนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก
"มันเหมือนมีคนจงใจไม่ให้มีคนเห็นถ่ำนี้สะมากกว่านะ"ชายหนุ่มพูดพร้อมมองรอบๆถ่ำ มันมีสัญญลักษณ์เขียนนำทาง
"เช่นนั้นเราเข้าไปมั้ยเจ้าคะ?"ไป๋เฟิ่งมองด้วยสายตาตื่นเต้นอยากรู้ เจอเยียนเลยตามใจ เขานำไฟฉายออกมาส่องให้ความสว่าง
ไป๋เฟิ่งมองเข้าไปในถ่ำด้วยความอยากรู้ นางไม่เคยผจญภัย
"เราอาจจะเจอสมบัติก็ได้นะเจ้าคะ"เจอเยียนพอฟังคู่หมั้นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก็อดขำไม่ได้
"ในนี้อาจมีสัตว์ร้ายแทนสมบัติก็ได้นะ"พอไป๋เฟิ่งฟังจบก็ดึงแขนคู่หมั้นให้หยุดเดินแล้วทำสีหน้าตื่นกลัว
"เช่นนั้นเราออกไปดีกว่าเจ้าคะ ถ้ามีสัตว์ร้ายจริง เราต้องหนีไม่ทันแนเจ้าคะ"สมบัตินางก็อยากหา แต่สัตว์ร้ายนางก็กลัว
"ถ้าเจอสัตว์ร้ายข้าก็แค่พาเจ้าเข้าไปในบ้านก็ปลอดภัยแล้ว"เขาบีบจมูกน้อยๆของคู่หมั้นอย่างหมั่นเขี้ยว คู่หมั้นเขานับวันยิ่งน่ารัก พอฟังดั่งนั้นแล้วไป๋เฟิ่งค่อยสบายใจขึ้น
เดินมาถึงสุดถ่ำ ทั้งคู่ก็เห็นมีของวางไว้มีผ้าคุมไว้กองขนาดถือว่าใหญ่พอสมควร พอชายหนุ่มเอาผ้าคุมออกก็มีหีบใส่ของขนาดใหญ่ถึง3หีบใหญ่กับอี4หีบเล็ก
"สมบัติใช้มั้ยเจ้าค่ะ ?"
"เดี๋ยวก็รู้"พูดจบเขาก็เอามีดแหลกขนาดเล็กออกมาแล้วเสียบเข้าไปในรู้กุญแจขนาดใหญ่ เขาเขี่ยอยู่สักครู่สลักกุญแจก็หลุด แล้วพอลองเปิดก็เห็นก้อนตำลึงสีทองมากมายเต็มหีบ
"สมบัติจริงๆด้วยเจ้าคะ อิอิ"พอถอดสลักหีบเล็กก็เห็นเป็นเครื่องประดับ
"แบบนี้ของพวกนี้จะเป็นของพวกเรามั้ยเจ้าคะ?"ดูหีบก็ยังไม่เก่ามาก แต่อาจมีเจ้าของก็ได้
"แต่ตอนนี้มันเป็นของพวกเราแล้ว "พูดจบเขาก็แตะไปที่หีบต่างๆของทุกอย่างก็หายไปในพริบตา
"ข้ามีสินสอดให้เจ้าแล้วนะ"เขาหันมาพูดยิ้มๆกับคู่หมั้นสาว
"ข้าไม่ได้คิดเอาสินสอดจากพี่เยอะเสียหน่อย"นางพูดพร้อมแก้มที่แดง
"แต่ข้าเต็มใจให้เจ้า "ชายหนุ่มพูดกับคู่หมั้นด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ชาติที่แล้วเพราะหน้าที่การงานสุดอันตรายเขาเลยยังไม่คิดมีคนรัก แต่พอตายมาแล้วชาติหนึ่งเขากลับรู้สึกว่าเขาควรจะหาคนรักเพื่อสร้างครอบครัวดีกว่า ตอนนี้เขารู้สึกว่าไป๋เฟิ่งเป็นคนที่เขาต้องปกป้อง เขารู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เห็นนางยิ้ม
"ไม่พูดกับพี่แล้วเจ้าคะ"นางเขินอายจนพูดไม่ออก แล้วสายตาก็ไปเห็นของที่ตกอยู่บนพื้น ลองเดินเข้าไปหยิบก็เป็นป้ายเหล็กมีอักษรเขียนอยู่ด้วย
"เขียนว่า 'ละโทษตาย' แปลว่าอะไรเจ้าคะ?"
"อาจเป็นป้ายละโทษตายก็ได้ แต่ถ้ามันสำคัญขนาดนั้นทำไมถึงถูกทิ้งไว้ที่นี้ละ ยังไงตอนนี้มันก็เป็นของเราแล้ว เราออกไปจากที่นี้มันเถอะ อยู่นานอากาศจะไม่พอใช้"พูดจบเขาก็จับแขนหญิงสาวพาเดินออกไปจากถ่ำ
พอออกมาหญิงสาวก็รู้สึกว่าการหายใจดีขึ้น ทั้งคู่ยังเดินเกี่ยวหญ้ารอบๆเอาไปให้สัตว์เลี้ยงก่อนที่ชายหนุ่มจะพาคู่หมั้นกลับเข้าคินโด
"พวกเจ้าไปสะนานเชียว ทำข้าเป็นห่วง แล้วพวกนี้หีบอะไรนะ"พอไป๋เสวียนทั้งคู่กลับเข้ามาก็เอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง
"พี่ใหญ่ พวกข้าไปเจอสมบัติเจ้าคะ"ไป๋เฟิ่งพอเจอพี่สาวก็รีบเข้าไปเล่าเรื่องราวให้พี่สาวฟัง
"ไหนป้ายละตาย เอาให้ข้าดูสิ" ไป๋เฟิ่งจึงหยิบออกมาให้พี่สาวดู
"ป้ายนี้มันป้ายของรัชศกก่อนนี้ "
"พี่ใหญ่รู้ได้เช่นไรเจ้าคะ"
"ก็สัญญลักษณ์ตรงมุมล่างไง ตัวอักษร'เจิน'เป็นนามของจักรพรรดิ์องค์ก่อน"นางชีให้ดูตรงมุมของป้าย
"พี่ใหญ่ช่างรอบรู้ยิ่งนัก"ไป๋เฟิ่งเอ่ยชมพี่สาว พวกนางเป็นเพียงชาวบ้านไหนเลยจะรู้เรื่งพวกนี้ แต่พี่สาวนางกลับรู้ถือว่านางมีความรู้รอบตัวที่ดีมาก
ส่วนไป๋เสวียนก็ทำเฉย จะไม่ให้นางรู้ได้เช่นไร นางเป็นถึงบุตรสาวรองแม่ทัพ เรื่องพวกนี้นางย่อมรู้อยู่แล้ว
"เพราะฉะนั้น สมบัตินี้เป็นของพวกเจ้าได้อย่างไม่ต้องกลัวเจ้าของจะมาตามเอาคืน"
"แต่ใครกันกล้าทิ้งป้ายละโทษตาย แล้วยังทิ้งสมบัติไว้อีกนะ?"
"หรือเขาอาจไม่ได้ทิ้ง แต่ทำตกหล่นไว้ พอถึงเวลากะใช้เลยไม่มีโอกาสได้ใช้"เจอเยียนคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นป่านนี้เจ้าของต้องมาเอาสมบัติหนีไปแล้ว
"แบบนี้เราก็มีตำลึงซ้อมแซมบ้านแล้วสิเจ้าคะ"ไป๋เฟิ่งเอ่ยด้วยความยินดี
"แต่สภาพหลังน้ำลดก็คงไม่น่าอยู่เท่าไร ไม่สู้เราไปเที่ยวบ้านเจอเยียนไม่ดีกว่าหรือ พอสภาพทางนี้ดีขึ้นเราค่อยกลับมาสร้างบ้านใหม่กัน พี่มีสมบัติสร้างได้ไม่รบกวนฮูหยินหวังเจ้าคะ"
แล้ว2พี่น้องก็คุยกันหนุงหนิง ส่วนเจอเยียนก็อุ้มไป๋หย่างไปดูสัตว์เลี้ยงที่ระเบียงบ้าน ทุกเช้าเย็นเขาจะคอยมาตักมูลสัตว์เอาออกไปทิ้งด้านนอก ระเบียงจึงสะอาดอยู่ตลอดเวลา
"อ้ะ.."ไป๋หย่างชีให้ว่าที่พี่เขยให้พานางนั้งหลังม้าซึ้งเจอเยียนมักพานางนั้งเล่นอยู่เป็นประจำตอนที่อยู่ที่บ้าน
"โตมาพี่จะฝึกให้เจ้าขี่ม้าดีมั้ย?"
"อ้ะ ฮาฮา"หนูน้อยมีความสุขที่ได้นั้งบนหลังม้า เจ้าม้าสาวใจดีมาก มันไม่เคยหงุดหงิดใส่เวลาที่หนูน้อยมานั้งบนหลังของมัน
เล่นจนหนูน้อยพอใจเจอเยียนก็พาซาลาเปาตัวกลมเข้ามาคืนพี่สาวทั้ง2
"ซาลาเปาน้อยของพี่มาแล้ว หิวหรือยังละเจ้า"
"หม่ำๆ"
"จ้ะ..เดี๋ยวพี่ทำอาหารให้นะ เจ้านั้งเล่นกับพี่ใหญ่ไปก่อนนะ"ไป๋เฟิ่งเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมมื้อเย็นให้ทุกคนโดยมีเจอเยียนเข้าไปเป็นลูกมือช่วยทำ
