บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ชีวิตใหม่ในร่างของทารก

เมื่อเช้าวันใหม่เวียนมาถึง คนที่นอนหลับสนิทอยู่ในเปลก็รู้สึกตัวตื่น ฉินเพ่ยเหยากะพริบตาปริบๆ ภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นในเมื่อวานหลั่งไหลเข้ามา

'เฮ้ออออ' หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย กว่าจะพ้นสภาพการเป็นทารกก็ต้องอาศัยเวลาหลายเดือน อยู่ในร่างนี้วันๆไม่ต้องทำอะไรนอกจากกินกับนอน นางอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกก็ทำไม่ได้

"เหยาเหยาตื่นแล้วหรือ" เสียงทักทายในยามเช้าเรียกความสนใจจากทารกน้อย แลเห็นดวงหน้างามของคนเป็นแม่ยื่นเข้ามากล่าวทักทาย พลันไม่นานร่างเล็กก็ลอยหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของนาง

"อูว อูว" ฉินเพ่ยเหยาพยายามเปล่งเสียงกล่าวทักทายตอบ มือเล็กไขว่คว้าอยู่กลางอากาศ หลิวหลี่ฟานจึงก้มหน้าเข้ามาใกล้จับมือเล็กแนบไปยังแก้มนุ่มนิ่มของตน

"หิวแล้วใช่หรือไม่" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลี่ซินได้ยินเช่นนั้นจึงรีบวิ่งไปหยิบผ้ามารองกันเปื้อนให้คุณหนูตัวน้อย ฉินเพ่ยเหยาอ้าปากกว้างรับยอดอกของคนเป็นแม่เข้าปาก หลังจากที่เมื่อวานได้ลิ้มลองรสสัมผัสของน้ำนมมารดาพบว่ามันหวานหอมอร่อยถูกใจยิ่งนัก

"คุณหนูกินเก่งเหลือเกินนะเจ้าคะ" หลี่ซินคลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดู คุณหนูน้อยน่ารักน่าชังยิ่งนัก โดยเฉพาะแก้มกลมๆสีแดงราวกับผลมะเขือเทศสุกนั่น จนมีหลายคราที่นางอดใจไม่ไหวแอบเอานิ้วจิ้มแก้มเล็กเล่นอยู่บ่อยๆ

หลิวหลี่ฟานแย้มยิ้มรับ มองเจ้าก้อนกลมที่กำลังดูดยอดอกของตนด้วยแววตาอ่อนโยน นางแต่งงานเข้าจวนท่านแม่ทัพได้สามปี หลังจากพยายามกันมาหลายครั้ง ในที่สุดสวรรค์ก็เมตตาประทานบุตรสาวคนนี้มาให้ หญิงสาวคิดว่านางเป็นคนที่โชคดียิ่งนัก ท่านแม่ทัพฉินรักนางจากใจจริง เขามีนางเป็นภรรยาเพียงคนเดียว ไม่เคยทำเรื่องให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เขายังคงรักษาสัญญาที่เคยกล่าวไว้ในวันแต่งงานเสมอมา

"เอิ๊ก!"

หลังจากกินนมจนอิ่มแปล้ ทารกน้อยก็อ้าปากปล่อยเสียงเรอออกมา หลิวหลี่ฟานเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความเอ็นดู หลี่ซินเองก็เช่นกัน นางอมยิ้มให้กับความน่ารักของคุณหนูน้อย

'ท่านแม่ ข้าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก'

"อา อูว" ฉินเพ่ยเหยาหันมองออกไปนอกหน้าต่าง มือเล็กทำท่ายื่นออกไปข้างหน้า ดูเหมือนว่าคนเป็นแม่จะรู้ใจบุตรสาวยิ่งนัก นางหันไปบอกให้หลี่ซินคว้าร่มกระดาษติดมือมา ก่อนจะพาเจ้าก้อนกลมออกไปเดินเล่นข้างนอก

สองคนแม่ลูกใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวัน ชีวิตของเด็กทารกไม่มีอะไรมากนัก หลังจากที่ท่านแม่หลิวหลี่ฟานพานางออกไปเดินเล่นในตอนเช้า และให้นางกินนมในตอนสาย จากนั้นนางก็รู้สึกง่วงงุนจนผล็อยหลับไปอีกครั้ง

จนกระทั่ง...

"ฮ่องเต้เสด็จ!"

หลิวหลี่ฟานหันมาสบตากับหลี่ซินไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆหวังฮ่องเต้จะเสด็จมาเยือนที่จวนสกุลฉินอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังไม่มีขบวนเสด็จ มีเพียงเหล่าองครักษ์ที่แจ้งแก่พ่อบ้านประจำตระกูลเท่านั้น หลิวหลี่ฟานคิดว่าคงเป็นเพราะฮ่องเต้ทรงต้องการเสด็จมาที่นี่เป็นการส่วนพระองค์อย่างแน่นอน

และก็เป็นดั่งที่คาดการณ์เอาไว้ ฉินหมิงเจ๋อเดินเข้ามาพร้อมกับหวังฮ่องเต้ ดูเหมือนว่าคนทั้งสองกำลังพูดคุยสนทนากันอยู่ ภาพที่เห็นไม่ได้ทำให้หลิวหลี่ฟานรู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เพราะใครๆต่างรู้ดีว่าคนทั้งสองเป็นสหายรักกัน ฉินหมิงเจ๋อเคยเป็นเพื่อนศึกษาของหวังฮ่องเต้ในสมัยที่ยังทรงพระเยาว์ อีกทั้งยังเติบโตมาด้วยกัน ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานับครั้งไม่ถ้วนทำให้หวังฮ่องเต้ไว้ใจสหายผู้นี้ยิ่งนัก

"ฟานเอ๋อร์" ฉินหมิงเจ๋อส่งยิ้มให้ภรรยา ในขณะที่หลิวหลี่ฟานย่อกายคารวะทำความเคารพผู้สูงศักดิ์

"ข้าอยากมาเยี่ยมหลานสาวฉินเพ่ยเหยาจึงได้ขอติดตามหมิงเจ๋อกลับมาที่จวนสกุลฉิน หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนฮูหยินเกินไปนัก" หวังฮ่องเต้กล่าวด้วยน้ำเสียงอาทร ตั้งแต่วันที่หลิวหลี่ฟานคลอดบุตรสาว เขาก็ไม่มีเวลาแวะเวียนมาที่จวนสกุลฉินอีกเลย ยามนี้เวลาผ่านไปหลายเดือนแล้วจึงคิดที่จะมาเยี่ยมเยียนหลานสาวตัวน้อยสักหน่อย

"มิบังอาจเพคะ" หลิวหลี่ฟานกล่าวอย่างเกรงใจ ฉับพลันนางก็เห็นร่างเล็กของใครบางคนที่วิ่งฉิวตรงไปยังเปลนอนของฉินเพ่ยเหยา นางรีบหันไปมองก็พบว่าเป็นหวังเป่าชุยจวิ้นอ๋องนั่นเอง

"จวิ้นอ๋องทรงทราบว่าฮ่องเต้จะเสด็จมาเยี่ยมเหยาเหยา ท่านอ๋องจึงขอติดตามมาด้วย" ฉินหมิงเจ๋อคลายความสงสัยให้ภรรยา นางจึงพยักหน้ารับเบาๆด้วยความเข้าใจ

ในขณะที่ร่างเล็กกลมป้อมที่นอนอยู่ในเปลกำลังประสานสายตากับเด็กชายวัยสี่หนาว นางรู้สึกว่าเด็กคนนี้ช่างน่ารักน่าชังยิ่งนัก แค่เห็นหน้าก็รู้เลยว่าโตขึ้นไปคงจะหล่อเหลามิใช่น้อย

"แอ้ แอ้" มือเล็กยื่นออกไปหา อยากจะลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู แต่ในสายตาของหวังเป่าชุยแล้ว เขาเห็นเพียงแค่เด็กทารกคนหนึ่งที่กำลังส่งเสียงอ้อแอ้ ดิ้นไปมาอย่างไม่ประสาเท่านั้น

หวังเป่าชุยจวิ้นอ๋องก็คือพระเอกในนิยายที่จอมขวัญได้อ่านก่อนที่จะพลัดตกทะเลตาย แน่นอนว่าพระเอกย่อมมีใบหน้าหล่อเหลา อีกทั้งยังนิสัยดี ไม่มีจุดด่างพร้อย นิสัยตรงข้ามกับตัวร้ายทุกประการ

"น่ารัก" หวังเป่าชุยยื่นนิ้วเล็กเข้าไปหาทารกตัวกลมที่นอนอยู่ เมื่อฉินเพ่ยเหยาเห็นนิ้วของเขา นางจึงคว้าหมั่บเข้าให้ทำให้หวังเป่าชุยหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความชอบใจ

"แอะ แอะ" เสียงหัวเราะของเขาเรียกรอยยิ้มจากฉินเพ่ยเหยาไม่ยาก ในขณะที่หวังฮ่องเต้เดินเข้ามาใกล้พร้อมมองมายังนางด้วยความเอ็นดู

"บุตรสาวของท่านแม่ทัพกับฮูหยินหน้าตาน่าชังยิ่งนัก"

"ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" ฉินหมิงเจ๋อตอบรับคำชมของหวังฮ่องเต้ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข แย้มรอยยิ้มกว้างจนแทบจะฉีกถึงใบหู

ทันทีที่เห็นสายตาของหวังเป่าชุยจวิ้นอ๋อง ฉินเพ่ยเหยาก็รู้ได้ทันทีว่านางควรจะทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตรอดพ้นจากเงื้อมมือของตัวร้ายได้ หากนางสนิทสนมกับพระเอก เขาจะต้องปกป้องดูแลนาง ทว่าฉินเพ่ยเหยาไม่ได้คิดจะแย่งวาสนาหรือขัดขวางเส้นทางรักของพระนาง แต่นางจะสนิทกับหวังเป่าชุยจวิ้นอ๋องในฐานะพี่น้องร่วมสาบานเท่านั้น

"แอ้!" ฉินเพ่ยเหยาเปล่งเสียงร้องขึ้นมาดังๆหนหนึ่งเพื่อเรียกความสนใจจากหวังเป่าชุย จากนั้นนางจึงทำตาโต อ้าปากส่งยิ้มให้เขา หวังใช้ความน่ารักมัดใจของหวังเป่าชุย

และดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉินเพ่ยเหยาทำจะได้ผล ทันทีที่หวังเป่าชุยเห็นเช่นนั้น เขาก็ฉีกยิ้มให้นางพร้อมเงยหน้าขึ้นไปหาผู้เป็นพ่อทันที

"เสด็จพ่อ ลูกขอเอาเหยาเหยากลับไปเลี้ยงที่ตำหนักได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

วาจาของเขาทำให้หวังฮ่องเต้หันไปสบตากับฉินหมิงเจ๋อเล็กน้อย

"ไม่ได้หรอกลูก เหยาเหยาเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพฉินก็ต้องอยู่ที่จวนสกุลฉินเป็นการถูกต้องแล้ว"

"แต่ลูกชอบเหยาเหยา นางน่ารัก ลูกอยากได้นางกลับไปเลี้ยง"

'ข้าไม่ใช่หมานะ!' ฉินเพ่ยเหยาทักท้วงอยู่ในใจ

"หมิงเจ๋อดูเหมือนว่าบุตรชายของข้าจะตกหลุมรักบุตรสาวของท่านเข้าแล้วล่ะสิ" หวังฮ่องเต้แย้มพระสรวลด้วยความขบขัน

"ท่านอ๋องยังทรงพระเยาว์มิแน่ว่าโตขึ้นอาจเปลี่ยนพระทัยก็ได้กระหม่อม" ฉินหมิงเจ๋อตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ แม้หัวอกของคนเป็นพ่อจะทั้งหวงและห่วงใยบุตรสาว แต่ถ้าหากในอนาคตฉินเพ่ยเหยาได้ยืนเคียงข้างจวิ้นอ๋องในฐานะพระชายา เขาคงจะมีความสุขไม่น้อย

"นั่นสินะ ถ้าหากโตขึ้นชุยเอ๋อร์ยังคงปักใจอยู่ที่เหยาเหยาเช่นนี้ ข้าคิดว่าพวกเราคงต้องมานั่งคุยกันใหม่แล้ว" หวังฮ่องเต้ยกมุมพระโอษฐ์ขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะวางพระหัตถ์ลงบนศีรษะของบุตรชายที่เอาแต่ใช้สายตาเป็นประกายจดจ้องทารกน้อยราวกับเป็นสิ่งของล้ำค่า

"ถ้าหากพี่ชายของเจ้ายังอยู่ พ่อคงจะมีความสุขไม่น้อย" หวังฮ่องเต้ยกพระหัตถ์ลูบศีรษะของโอรสเบาๆ พระพักตร์บ่งบอกถึงความเสียใจ พลางหวนนึกไปถึงโอรสคนโตที่ได้จากไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว หวังฮ่องเต้รู้สึกรวดร้าวในหทัยยิ่งนัก ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ หลังจากที่สายน้ำได้พรากความสุขของพ่อลูกไปตลอดกาล

ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปตามกาลเวลา ในชีวิตของฉินเพ่ยเหยาได้ชมหิมะแรกเป็นปีที่สาม ยามนี้เจ้าก้อนแป้งตัวกลมถูกจับให้แต่งกายด้วยชุดสีชมพูตัดใหม่เพื่อใช้สำหรับเหมันตฤดูที่เวียนมาถึง แก้มกลมทั้งสองข้างเปล่งสีแดงระเรื่อจากอากาศที่หนาวเย็นทำให้นางดูเหมือนตุ๊กตามีชีวิตก็มิปาน

"เหยาเหยาของแม่ตัวหอมจัง" หลิวหลี่ฟานกล่าวด้วยความเอ็นดู นึกชื่นชมในความน่ารักน่าชังของเจ้าก้อนกลมไม่น้อย จากนั้นนางจึงจรดปลายจมูกลงบนแก้มป่องสีแดงราวกับผลมะเขือเทศสุกเสียงดังฟอดใหญ่

"ท่านแม่จั๊กจี้" เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ พลางย่นคอหนีเรียวปากอิ่มของคนเป็นแม่ สองคนแม่ลูกหยอกล้อกันอย่างมีความสุข ทว่าไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น หลี่ซินจึงเดินไปเปิดพบว่าเป็นพ่อบ้านกงนั่นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel