5. อยู่ไม่สู้ตาย (3)
“จวินเอ๋อร์พูดกับพี่เช่นนั้นได้อย่างไร ฮวาเอ๋อร์อย่าได้ใส่ใจน้องสาวเจ้าเลย นางเดินทางมาเหนื่อยๆ คงจะอารมณ์ไม่ดี” เจียซูหมี่หันไปดุบุตรสาว เพราะท่าทีและคำพูดของนางดูไม่น่ารักเอาเสียเลย
“เจ้าค่ะท่านป้า ข้ามิโกรธอันใด”
“เอาเป็นว่าเข้าไปดื่มน้ำดื่มท่าในเรือนก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าให้บ่าวจัดเตรียมไว้ให้แล้ว” หงเหม่ยรีบผายมือเชิญ เมื่อเห็นว่าบุตรสาวเริ่มเก็บสีหน้าไม่อยู่
“สองปีที่ผ่านมาลำบากเจ้าแล้ว หงเหม่ย จากนี้ข้าคงได้อยู่ดูแลเรือนอย่างเต็มที่เสียที” ฟ่านฮูหยินร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่สามีมาไม่รู้กี่สนามรบ เรื่องในเรือนก็มิเคยขาดตก เมื่อเก้าปีที่แล้วหงต้าสละชีวิตช่วยแม่ทัพใหญ่ฟ่าน พวกเขาก็ตัดสินใจรับหงเหม่ยและหงชินฮวาเข้ามาอยู่ในเรือน ดูแลดั่งครอบครัวเดียวกัน
ดีที่หงเหม่ยเป็นคนรู้งาน รอบคอบ จึงช่วยดูแลเรื่องในเรือนยามที่ฟ่านฮูหยินออกไปร่วมรบกับสามี
อย่างเมื่อสองปีก่อน พอพ้นวัยปักปิ่นของลี่จวินก็เกิดสงครามที่เผ่าเปี้ยนหัว สกุลฟ่านจึงพากันออกรบ กว่าสงครามจะสิ้นสุดก็ใช้เวลานานถึงสองปี
“คุณหนู ไม่ไปนั่งเล่น พูดคุยกับคุณหนูหงหรือเจ้าคะ พี่น้องมิได้พบกันเสียนาน”
“ไม่ล่ะ ข้าจะไปพักในห้อง” เพียงเห็นหน้าชินฮวา ลี่จวินก็สั่นไปทั้งตัว อยากกระโจนเข้าไป เอามีดเสียบแทง ทวงแค้นที่สตรีนางนั้นได้กระทำไว้ จะให้นางไปพูดคุยหยอกล้อเล่นกัน ฝันเอาเถิด!
“คุณหนูมีเรื่องไม่สบายใจหรือเจ้าคะ ให้บ่าวช่วยดีหรือไม่”
เป็นอย่างที่เสี่ยวฟู่ว่า ลี่จวินมีเรื่องไม่สบายใจ เพราะแม้ว่านางจะเคยใช้ชีวิตผ่านมาแล้วชาติหนึ่ง แต่เรื่องราวที่นางรู้ก็น้อยมาก รู้เพียงว่าตนเองถูกหงชินฮวาและเหรินซ่งอวิ้นหักหลัง
ศีรษะเล็กเรียบเรียงความคิดและเหตุการณ์ในหัว ก่อนหน้านี้เพราะท่านแม่เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยจากสงครามได้ท่านพ่อช่วยไว้ ทั้งสองจึงใช้ชีวิตร่วมกันในสงครามเป็นส่วนใหญ่ นางและพี่ชายจึงเกิดมาท่ามกลางหอกดาบ
เดินทางร่วมรบกับบิดามารดาตั้งแต่จำความได้ ครั้งที่จดจำได้ดีก็ช่วงก่อนอายุเจ็ดหนาว ครั้งนั้นท่านพ่อได้หงต้าช่วยเอาไว้ พวกเขาจึงพาแม่ลูกสกุลหงกลับเมืองหลวงด้วย หลังจากนั้นอยู่เรือนได้ไม่ถึงสองปีก็ไปทำสงครามที่ชายแดนอีก กว่าจะกลับมาอยู่เมืองหลวงลี่จวินก็ย่างเข้าสิบสี่หนาวแล้ว
ครั้งนั้นนางยังเป็นเด็กสาว พอมีชายหนุ่มเข้ามาพูดคุย ทำความรู้จัก จิตใจก็ลุ่มหลง ทั้งบุรุษผู้นั้นยังเป็นถึงองค์ชายสามของแคว้น นางจึงหลงเชื่อคำหวาน ว่าจะส่งเกี้ยวแปดคนหามมารับถึงหน้าเรือน หลงคิดว่านั่นคือความรัก
แต่ใครจะคาดคิดว่าเป็นแผนการของหลงชินฮวากับเหรินซ่งอวิ้นร่วมมือกัน หวังอำนาจของสกุลนาง จนลี่จวินตกลงปลงใจแต่งกับองค์ชายสาม ขอท่านพ่อผลักดันจนเขาได้เป็นองค์รัชทายาท
แต่เหตุการณ์ทั้งหมดที่นางรู้ก็มีเท่านี้ ฉะนั้นแล้วจะทำอันใดต้องคิดให้รอบคอบ
“คุณหนูเจ้าคะ เป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ”
“เอาเป็นว่าเจ้าช่วยเอาผงนี้ไปใส่ตลับชาดของพี่สาวข้าที ถือเป็นของขวัญจากเผ่าเปี้ยนหัว” ลี่จวินคว้าเอาตลับกลมออกมาจากเสื้อ หยิบยื่นสิ่งนั้นให้คนสนิทพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนขนลุก
อันดับแรก ต้องทำให้หงชินฮวาเป็นที่รังเกียจเสียก่อน ในเมื่อใครต่อใครก็หลงไหลในรูปโฉมที่งามหวานหยด ดูทีว่าหากไม่มีหน้าตาใครต่อใครจะสนใจหรือไม่
“ตะ แต่นี่มันผงคันมิใช่หรือเจ้าคะ หากคุณหนูหงเผลอใส่ไป อาจทำให้หน้าเป็นแผลได้” ผงนี้ชาวเปี้ยนหัวเคยใช้ในยามสงคราม มีทหารกล้าหลายนายที่คันคะเยอ เกาเนื้อตัวจนเกิดแผลใหญ่ บางคนถึงขั้นเป็นรอยแผลเป็นรักษามิหาย
“อืม ข้าก็กำลังทำตามคำแนะนำของเจ้าอย่างไรเล่า ทำให้อยู่ไม่สู้ตาย”