7 บทลงโทษ
7
บทลงโทษ
ร่างบางแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น ร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง ขาที่อ่อนปวกเปียกก้าวถอยหลังไปอย่างอัตโนมัติเมื่อเห็นอนาคินอยู่ตรงหน้า
“นี่มันอะไรกันคะคุณอัค” พราวตะวันหันถามอคีราห์ทั้งน้ำตา
“เธอเองเหรอที่อัค ‘น้องชาย’ ฉันช่วยเอาไว้เมื่อคืน” อนาคินถามเสียงเรียบพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“สองคนรู้จักกันด้วยเหรอ แล้วทำไมพี่คินถึงเรียกคุณดาวว่าพราวตะวัน?” อคีราห์ถามขึ้นอย่างสับสน
“พราวตะวัน…” อัคราและอโณณาทวนชื่อพราวตะวันพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายก่อนจะหันมองหน้ากัน
“พราวตะวัน บุลันตรา ลูกสาวคนเล็กของเศรษฐ์ บุลันตรา คนที่สั่งยิงฉันเมื่อสองอาทิตย์ก่อนไง” อนาคินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแค้น
“แกจับลูกสาวเขามางั้นเหรอคิน?!” อัคราถามลูกชายตัวดี
“ผมงงไปหมดแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันครับเนี่ย” อคีราห์ มองอนาคิน อัครา สลับกับพราวตะวัน
“คุณอัคช่วยฉันด้วยนะคะ พี่ชายคุณเขาจับตัวฉันมาจากโรงแรมเมื่อวานนี้ เขาบอกว่าจะขังฉันไปจนตาย แล้ว…แล้ว…” เสียงของพราวตะวันเงียบหายไปในลำคอเมื่อนึกถึงสิ่งที่อนาคินทำกับเธอเมื่อวาน…
“เอาลูกสาวเขาไปคืนก่อนที่พ่อเขาจะมาตาม!” อัคราออกคำสั่งกับลูกชาย
“ไม่ครับ! พราวตะวันเป็นของผม” อนาคินเดินเข้ามาคว้าแขนพราวตะวัน
“พี่คิน!” อคีราห์เรียกชื่อพี่ชายเมื่อเห็นว่าพราวตะวันนิ่วหน้าด้วยความเจ็บที่ถูกบีบแขน
“ตาคิน…ปล่อยเขาไปเถอะลูก อย่าใช้วิธีนี้เอาคืนฝั่งโน้นเลย มันไม่ดีนะลูก” คนเป็นแม่พยายามโน้มน้าวจิตใจลูกชาย
“ผมจะไม่คืนผู้หญิงคนนี้ให้กับใครทั้งนั้น! ถ้าบุลันตราอยากได้ลูกสาวคืน! ก็เอาเงินหมื่นล้านมาให้ผม!”
“เจ้าหมาดุ! เอาลูกสาวเขามาซ่อนเพื่อเรียกเงิน! แล้วฝั่งโน้นเขารู้หรือยัง?! แล้วหลักฐานว่าใครยิงน่ะ แกมีมาสู้เขาแล้วหรือไง?!” อัคราเหนื่อยใจกับความบ้าดีเดือดของลูกชาย
“พี่คิน นี่มันคนละเรื่องกันเลยนะ พ่อยิงแล้วไปจับตัวลูกสาวทำไม” อคีราห์ถามถึงเหตุผลกับคนเหนือเหตุผลอย่างอนาคิน
“คุณพ่อไม่มีวันสั่งยิงใครแน่! เป็นไปไม่ได้!” พราวตะวันจ้องอนาคินเขม็ง
“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณ…พราวตะวัน เรื่องนี้ยังไงก็ต้องพิสูจน์ ผมว่าตอนนี้เราส่งตัวคุณพราวตะวันกลับไปบุลันตราก่อนดีไหม? แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน” อคีราห์พยายามสุดฝีมือที่จะช่วยพราวตะวันอย่างที่รับปาก
“บอกว่าไม่ได้ไง! ไอ้อัคแกไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้!” อนาคินหัวเสียขึ้นมาอีกครั้ง
“ยืดเยื้อไปกันใหญ่! แกจะแต่งงานกับพี่สาวเขาแล้วแท้ๆ ยังจะบ้าจับน้องสาวเขามาขัง!” อัคราวางหนังสือพิมพ์ในมือแล้วลุกขึ้น มื้อเช้าวันนี้เขากินไม่ลงแล้ว
“จะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่แกอนาคิน! จะเอาเงินเขาก็ต้องบอกให้เขารู้! แต่เอาลูกสาวเขามาซ่อนแกทำไม่ได้!” ว่าแล้วอัคราก็เดินออกจากห้องอาหารไปอย่างนิ่งๆ
“คุณคะ” นวลแขเดินตามสามีไปอย่างเป็นห่วง
“ผมจะพาคุณพราวตะวันไปส่งที่เกาะโน้น แล้วจะบอกเรื่องทั้งหมดให้พวกเขารู้” อคีราห์พูดขึ้น
“ปล่อยให้พี่คินเขาจัดการเถอะพี่อัค…คุณพ่อก็บอกแล้วนี่ เรื่องแค่นี้พี่คินเขาไม่น่าทำให้วุ่นวายหรอก ใช่ไหมพี่คิน?”
อโณณาที่นั่งมองสถานการณ์ทั้งหมดอย่างเงียบๆ ก็พูดขึ้นก่อนที่พี่ชายสองคนจะทะเลาะกันเพราะผู้หญิงบุลันตรา
“อันนา…”
“ไปเถอะพี่อัค เชื่ออันนา” อโณณาเดินเข้ามาดันตัวอัคให้ออกห่างจากพราวตะวัน
“ได้โปรด…ช่วยฉันด้วยนะคะคุณอัค” พราวตะวันขอร้องอคีราห์น้ำตาไหลริน
“ต่อให้เป็นเทวดาก็ช่วยเธอไม่ได้” อนาคินกลับลงไปนั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
“ผมขอโทษครับคุณพราวตะวัน” อคีราห์มองพราวตะวันด้วยแววตาเศร้าก่อนจะถูกอโณณาลากตัวออกไปจากห้องอาหาร
“ถ้าเธอบอกว่าพ่อเธอไม่ใช่คนที่สั่งยิงฉันจริง ก็พิสูจน์สิ” อนาคินพูดพลางหยิบแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“จะให้ฉันพิสูจน์ยังไง ในเมื่อนายไม่ให้โอกาสอะไรฉันเลย อีกอย่างนายก็เชื่อว่าพ่อฉันทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถึงได้จับตัวฉันมาแบบนี้!” พราวตะวันปาดน้ำตาบนสองแก้ม สูดหายใจลึกอย่างคนเข้มแข็ง
“ฉันมีหลักฐานว่าใครสักคนในบุลันตราสั่งฆ่าฉัน”
“งั้นก็ไปเอาหลักฐานมากางสิ! ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันจะยอมเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับเงินหมื่นล้าน!”
“ก็เคยบอกไปแล้วนี่ ว่าคงต้องขายทั้งเกาะบุลันตราถึงจะมีเงินหมื่นล้านมาแลกเธอไป”
“ถ้ารู้อยู่แล้วนายจะจับตัวฉันมาทำไม!”
“เคยบอกไปแล้วนี่ นางบำเรอไง” อนาคินมองพราวตะวันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไอ้คนทุเรศ!”
“นั่งลงแล้วกินซะ! ไปถึงท้ายเกาะแล้วเธอจะรู้ว่ามีบทลงโทษอะไรรอเธออยู่”
“ฉันไม่กิน!”
“ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลา วันนี้ฉันมีงานต้องทำคงมีเวลาสนุกกับเธอได้ไม่มาก” พูดจบอนาคินก็เดินนำพราวตะวันออกไปที่รถยนต์คันหรู
พราวตะวันถูกอนาคินลากเข้ามาในบ้านท้ายเกาะ เขาโยนเธอลงที่โซฟาในห้องรับแขกอย่างแรง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรออกยกเลิกคำสั่งที่ให้ออกตามหาพราวตะวัน
“ฉันจะไม่ขังเธอไว้ในห้อง” อนาคินมองพราวตะวัน
“แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวเท้าออกจากบ้านนี้…ใช่ไหม” พราวตะวันถามแต่ไม่มองเขาแม้แต่หางตา
“เธอจะต้องทำงานบ้าน ทำอาหารให้ฉัน ห้ามให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด แล้วถ้าคิดหนี ฉันจะส่งคนไปยิงพ่อกับอาเธอบ้าง”
“ป่าเถื่อน!”
“เก็บคำพูดนั้นไว้พูดกับพ่อเธอดีกว่า”
เพี้ยะ!
พราวตะวันลุกขึ้นยืนแล้วฟาดมือลงที่แก้มด้านขวาของอนาคินอย่างแรง เพราะทนไม่ได้ที่เขาลามปามถึงผู้เป็นพ่อ
“เลิกพูดจาเลวทรามถึงพ่อฉันสักที!”
“หึ!” อนาคินจับแก้มขวาของตัวเองพร้อมรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะจับพราวตะวันเข้ามาประชิดตัวอย่างแรง
“อื้อ!!!” ประกบปากจูบแล้วบดขยี้อย่างกระหืดกระหายโดยไม่รอช้าหรือแม้แต่จะส่งสัญญาณเตือน
เขาเริ่มสอดลิ้นสากเข้าปากเธอจากนั้นก็เล่นลิ้นวาดลวดลายอย่างสนุก จนร่างบางเริ่มอ่อนปวกเปียกอีกครั้ง มือที่เคยกำแน่นก็เริ่มอ่อนปล่อยไปตามอารมณ์ ยกขึ้นคล้องคอชายร่างสูงอย่างห้ามไม่ได้
ร่างกายของเธอตอบสนองเขาง่ายเกินไปแล้ว
อนาคินอุ้มร่างบางไปวางลงเบาๆที่โซฟาขณะที่ยังไม่ถอนรสจูบอันดูดดื่ม ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดอย่างชำนาญจนเผยให้เห็นแผงอกอันหนักแน่นเมื่อเขาถอดเสื้อออกจนหมด เขาที่เหลือเพียงกางเกงตัวเดียวถอนรีมฝีปากออกจากพราวตะวันแล้วไล่ลิ้มรสหวานตามเนื้อขาวนวลมาจนถึงเนินอกอวบอิ่ม
แคว๊ก!!!
ก่อนจะฉีกเสื้อตัวบางนั้นทิ้ง จนเห็นดอกบัวตูมที่มีเพียงชั้นในตัวจิ๋วห่อหุ้มอยู่
เพี้ยะ!!!
แล้วเธอก็เผลอตบเขาด้วยความตกใจ เพราะก่อนหน้าเขาจูบเธออย่างดูดดื่ม แต่กลับกระทำรุนแรงด้วยการฉีกเสื้อ มันเป็นหารกระทำที่แสนจะป่าเถื่อน
“ตบอีกแล้วนะ”
หมับ!
อนาคินตะปบมือเข้าที่เต้าขาวอมชมพูแล้วคว้ากระชากเอาเสื้อชั้นในของพราวตะวันทิ้ง
สองเต้าทั้งอวบอิ่มและเต่งตึง เด้งกระทบกันไป เขามองยอดอกชมพูที่ชูชันตั้งตระหง่านตรงหน้า กลืนน้ำลายฝืดลงคอ อยากจะลิ้มลองความหวานอีกสักครั้ง…
“ทำตรงนี้ไม่ได้!” ร่างบางยกมือขึ้นปิดสองเต้า แก้มแดงก่ำทั้งอายทั้งกระหายในคราวเดียว นึกอยากจะฆ่าตัวเองในใจที่ใจง่ายยอมเสียตัวให้ศัตรู
“ทำตรงนี้ไม่ได้แล้วจะให้ทำตรงไหน?” อนาคินขมวดคิ้วถามน้ำเสียงแหบพร่า
“ที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น เพราะฉันไม่ให้! ไม่ให้อีกแล้ว!”
“ฉันไม่สน!”
พรึบ!
ว่าแล้วอนาคินถลกระโปรงของพราวตะวันขึ้นแล้วดึงกางเกงในที่ทั้งบางและจิ๋วออกจนขาด
“กรี๊ด!!! ก็บอกว่าไม่ให้ไง!!!” พราวตะวันกรีดร้องด้วยความตกใจมีร่างสูงจับเรียวขาของเธอฉีกออก จนเผยรอยแยกที่กลางหว่างขา
กลีบกุหลาบอันอูมอิ่ม รอยแยกสีชมพูมีน้ำหวานเคลือบอยู่บางๆจนทำให้รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าก็มีอารมณ์ไม่ต่างไปจากเขา
“รู้ไหมว่าบทลงโทษของฉันคืออะไร?” คนใจร้ายถามพลางเอานิ้วไล่เขี่ยติ่งสวาทของพราวตะวัน ทำเอาเธอเสียวซ่านบิดหน้าไปมาไม่หยุด
“ฮึก! อ๊ะ!” ร้องเสียงดังอย่างหลงลืมที่จะอายคนตรงหน้า
“ร้องอีกสิ” อนาคินเร่งเร้าความถี่ของนิ้วที่คลึงติ่งสวาทของพราวตะวันก่อนจะเสียบมันลงไปในร่องอย่างแรง
“อ๊ะ! อ๊าห์!!” ก้นน้อยเด้งตัวรับนิ้วของยาวด้วยความเสียวซ่าน กลีบงามก็ขมิบตอดนิ้วเขาไม่หยุด
“บทลงโทษก็คือ…หลอกให้เสียวแล้วเลี้ยวกลับยังไงล่ะ!” พูดจบอนาคินก็ชักนิ้วของตัวเองออกจากร่องเสียวที่มีน้ำหวานไหลเยิ้ม แล้วลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อขึ้นมาสวม
“อย่า…” พราวตะวันมองหน้าอนาคินด้วยสายตาเว้าวอน
“ใส่เสื้อผ้าซะ! ฉันจะกลับไม่เกินบ่ายสาม อาหารต้องพร้อมที่โต๊ะอาหาร แล้วอย่าลืมล่ะว่าถ้าคิดหนีพ่อกับอาเธอจะโดนอะไร”
“ฉันทำอาหารไม่เป็น!” พราวตะวันในร่างเปลือยเปล่าค่อยๆหยิบเสื้อชั้นในขึ้นมาใส่ นึกแปลกใจว่าทำไมเธอถึงต้องการ…ในเมื่อนี่เป็นการไม่ยินยอม หรือว่าเธอ…เสพติดสัมผัสของเขาทั้งๆที่เพิ่งจะเจอกัน? เธอต้องการให้เขากระทำงั้นหรือ? กับคนที่เป็นศัตรูน่ะหรือ?
“ทำไม่เป็นก็หัดทำสิ! โทรศัพท์ที่นี่โทรออกได้แค่ในเกาะ กลินท์เท่านั้น ถ้าไม่โง่จนเกินไปเธอคงไม่ใช้มันโทรไปบุลันตราแน่”
หลังจากพูดจบอนาคินก็เดินออกไป ทิ้งพราวตะวันที่เปลือยทั้งร่างนั่งน้ำตาไหลมองร่างเปียกที่กระตุกถี่ราวกับยังต้องการจากเขาอีก…
“แกมันน่าไม่อายไอ้พราว! ปากบอกว่าเกลียดแล้วทำไม… ทำไมยังต้องการเขาอยู่ได้!”
